เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 25, 2024, 05:49:17 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Fw:e-mail ( ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า )  (อ่าน 4707 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Nattapol
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: ตุลาคม 03, 2004, 03:17:51 PM »

สมัยนี้เขาชอบส่งเมล์เตือนภัยสังคมให้กัน
เวลาผมได้ก็มักหาตอบไปบ้างและแถมเรื่องการใช้ปืนป้องกันตัวด้วย
ได้ผลเหมือนกันครับ เพื่อนบางคนที่ไม่เคยรู้จักปืน
และเคยพูดแม้กระทั้งว่าจะไม่มีปืนที่บ้านเพราะไม่อยากให้ลูกโตมาพร้อมกับอาวุธ
หรือคนที่พูดว่าถ้าโจรมา ยอมๆ มันหน่อยมันคงไม่ทำอะไร
(ชาวโคจิงๆ)
เดี๋ยวนี้ก็พูดแล้วว่าเห็นด้วยที่ประชาชนควรมีปืนถูกกฎหมายไว้ป้องกันตัว
ถึง 2
คนที่เป็นตัวอย่างนี้ยังไม่ถึงขนาดฝึกยิงปืนหรือซื้อปืนแต่ก็คงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
ที่จริงผมเคยให้ข้อมูลกับเพื่อนและเขาไปซื้อปืนมาจริงๆ
แค่ คนเดียวครับ ตอนนี้ก็ต้องคอยเตือนให้ไปซ้อมบ้าง

ขออนุญาตฝากข้อมูลที่ผมตัดตอนมาสั้นๆ
ไว้ช่วยกันฝากเพื่อนด้วยครับ

1.
ในประเทศประชาธิปไตยอย่างไทยเรานี้ประชาชนพึงมีสิทธิก่อนอย่างเต็มที่
ส่วนกฎหมายที่จำกัดสิทธิประชาชนจะมีตามความจำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยโดยต้องยึดประโยชน์ของประชาชนส่วนมากเป็นหลัก
ไม่ใช่ประชาชนไม่มีสิทธิแต่ดั้งเดิมโดยจะออกกฎหมายมาให้สิทธิแก่ประชาชนตามความจำเป็น


2. ปืนถูกกฎหมายก็คือปืน บางขนาด บางแบบ
บางลักษณะที่ประชาชนพลเมืองดีสามารถขออนุญาตมีใว้ในครอบครองเพื่อใช้ในบางลักษณะอย่างถูกกฎหมาย
ที่ใช้คำว่าประชาชนพลเมืองดีก็เพราะในการขออนุญาตนอกจากประชาชนผู้ขอจะต้องมีอายุครบตามกำหนดแล้วยังจะต้องถูกพิมพ์ลายนิ้วมือ
ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากสถานีตำรวจท้องที่
มีผู้รับรองอาชีพการงาน และแสดงหลักฐานฐานะทางการเงิน
รวมทั้งไม่ขาดคุณสมบัติอื่นๆ อีกหลายประการ
ถึงแม้หลักฐานครบนายทะเบียนอาวุธปืนอาจมีดุลพินิจไม่อนุญาตก็ได้ครับ
ที่สำคัญคือเมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าพลเมืองดีสามารถนำมาพกพาติดตัวได้อย่างในหนังคาวบอย
อีกทั่งยังไม่สามารถให้ผู้อื่นใช้ปืนนั้นได้ด้วยครับ
ส่วนปืนผิดกฎหมายก็เหมือนของผิดกฎหมายทั้งหลาย
ซื้อขายใต้ดินไม่มีกฎเกณฑ์
โจรผู้ร้ายซื้อได้และส่วนมากเป็นคนที่ตั้งใจเป็นโจรหาซื้อกันเสียด้วย
ทางการเจ้าหน้าที่ไม่รู้เห็น
ใช้เสร็จปาทิ้งไปก็ไม่รู้เป็นของใคร
สุดท้ายคือราคาถูกกว่าปืนถูกกฎหมายประมาณว่าไม่น้อยกว่าสิบเท่า
ในประเทศไทยประมาณกันว่ามีปืนผิดกฎหมายในมือโจรอยู่มากกว่าปืนถูกกฎหมายในมือพลเมืองดีอย่างน้อย
2-3 เท่า
ทางการในทุกประเทศก็พยายามกันแต่ก็ยังทำไม่ได้ทั้งๆ
ที่สภาพภูมิศาสตร์และทรัพยากรเอื้ออำนวยมากกว่า เช่น
ญี่ปุ่นก็ห้ามไม่ให้โจรสมาชิกกลุ่มอาชญากรรมมีปืนไม่ได้
ดังนั้นคงไม่ต้องถามว่าเมืองไทยจะปลอดปืนเถื่อนจริงหรือไม่?


3.
ท่านอย่าลืมว่าถึงแม้ว่าทุกคนทั้งโจรทั้งพลเมืองดีไม่มีปืนเท่ากัน
พลเมืองดีก็แย่ละครับ
เพราะผู้ร้ายลงมือก่อนย่อมเลือกสถานการณ์ที่ได้เปรียบ
ใช้กำลังคนมากกว่า
และเลือกเหยื่อที่ร่างกายอ่อนแอกว่าได้สบาย
รวมทั้งใช้อาวุธอื่นๆ ได้อีก มีด ไม้ ท่อเหล็ก มือเปล่า
จะให้ลูกหลาน พ่อแม่ที่แก่เฒ่าของท่าน
ใช้วิชาหมัดมวยสู้กับโจรเหล่านี้จะยุติธรรมดีหรือไม่?
โจรที่ฆ่าคนตามสะพานลอย
และที่บุกเข้าไปเชือดคนตามบ้านไม่เห็นต้องใช้ปืนเลย
ตอนนี้บางคนบางบ้านมีปืนบางคนบางบ้านไม่มีปืน
จะจี้ปล้นใครต้องเสี่ยงเจอปืน
ถ้าประชาชนไม่มีปืนโจรก็สบาย
ถ้าผู้ที่ท่านรักถูกทำร้ายหรือฆาตกรรมไปแล้ว
ท่านคิดว่าจะคุ้มกันหรือถ้าต่อมาเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมผู้ร้ายมาลงโทษได้

4. ในสหรัฐอเมริกา
พบว่ารัฐที่อนุญาตให้ประชาชนสามารถพกพาปืนในที่สาธารณะได้มีอัตราอาชญากรรมลดลงมาก
จนในปัจจุบันมีถึง 36
รัฐที่อนุญาตให้ประชาชนสามารถพกพาปืนในที่สาธารณะได้โดยต้องขออนุญาต
และถูกตรวจสอบก่อน (อย่างไรก็ตามประชาชนในรัฐเวอร์มอนต์
และ
อะแลสก้าสามารถพาพาปืนโดยปกปิดได้เลยไม่ต้องขออนุญาตเป็นรายบุคคลก่อน)
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาอัตราอาชญากรรมร้ายแรง
และการประทุษร้ายต่อร่างกายในสหรัฐต่ำลงเรื่อยๆ
และต่ำกว่าในอังกฤษซึ่งอัตราอาชญากรรมร้ายแรง
และการประทุษร้ายต่อร่างกายเพิ่มสูงขึ้นมาดยตลอดตั้งแต่อังกฤษเริ่มการจำกัดสิทธิการครอบครองปืนของประชาชนอย่างมาก
อัตราการบุกเข้าปล้นบ้านประชาชนทั้งที่เจ้าของบ้านอยู่บ้านซึ่งมักนำไปสู่การทำร้ายร่างกายในอังกฤษก็สูงกว่าในสหรัฐอเมริกาหลายเท่า
ความจริงทั้งหมดตรงข้ามกับความเชื่อผิดๆ
ที่ว่าอังกฤษมีปืนน้อยและมีอาชญากรรมน้อย
ส่วนสหรัฐอเมริกามีปืนมากและมีอาชญากรรมสูง
หลังจากอังกฤษควบคุมปืนอย่างรุนแรงหลังปี 1996
ห้ามประชาชนมีปืนพก ในปี 2003
ที่ผ่านมาสถิติอาชญากรรมใช้ปืนเถื่อนในอังกฤษเพิ่มขึ้น
35% มากที่สุดตั้งแต่ปี 1993
และมากกว่าในสหรัฐอเมริกาทั้งประเทศโดยเฉลี่ย
ที่จริงประเทศที่ประชาชนมีปืนอยู่ในมือมากที่สุดคือสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมาก
ชายสวิสทุกคนต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารและเมื่อปลดประจำการจะได้รับปืนยาวอัตโนมัติประจำตัว
ซึ่งก็คืออาวุธสงครามแลพปืนพกที่ทหารสวิสใช้กลับบ้านไปพร้อมกระสุน
ปืนทหารนี้ยังถือว่าเป็นสมบัติของรัฐ
แต่ประชาชนสามารถใช้ได้ในกรณีฉุกเฉิน
นอกจากนี้กฎหมายสวิสยังอนุญาตให้ประชาชนมีปืนส่วนตัวได้อย่างเสรีมาก
ส่วนประเทศประชาชนมีปืนส่วนตัวต่อหัวมากที่สุดคือฟินแลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่ปลอดภัยมากเหมือนกันครับ

ทั้งสองประเทศนี้อัตราส่วนประชาชนที่มีปืนสูงกว่าประเทศไทยหลายเท่า
 คิดง่ายๆ
ว่าถ้าท่านเป็นโจรอยากจะปล้นคนมีปืนหรือคนมือเปล่า

5.
เราไม่ค่อยได้ยินข่าวประชาชนใช้ปืนป้องกันตนเองเท่ากับข่าวประชาชนใช้ปืนในทางที่ผิด
แต่ที่จริงอัตราส่วนของปืนที่ประชาชนขออนุญาตมีอย่างถูกกฎหมายในประเทศไทยและนำไปก่อาชญากรรมคือ
0.007% เท่านั้น (ในประเทศเยอรมันคือ 0.004%)
โดนธรรมชาติสื่อจะเสนอข่าวที่ขายได้และวัตถุดิบขึ้นอยู่กับการรายงานของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
เช่น การแจ้งความของเจ้าทุกข์ การรายงานของเจ้าหน้าที่
การมอบหมายหน้าที่ให้ผู้สื่อข่าว ฯลฯ
และข่าวที่ขายได้คือข่าวเรื่องความผิดพลาด
ข่าวที่สร้างความคิดวิพากษ์วิจารณ์ ติเตียน
ซึ่งข่าวเหล่านี้จะทำให้ประชาชนสนใจและติดตามสื่อต่อไป
ส่วนข่าวประชาชนใช้ปืนในทางที่ผิดเป็นข่าวที่มีการรายงานเต็มที่
เจ้าทุกข์แจ้งความทุกกรณี
เนื้อข่าวได้รับความสำคัญจากบรรณาธิการหรือผู้สื่อข่าวและถูกนำแสนออย่างต่อเนื่อง
เน้นย้ำ
ข่าวการใช้ปืนป้องกันตัวของประชาชนส่วนมากไม่มีการรายงานเพราะไม่มีผู้ร้ายที่ไหนไปแจ้งความกับตำรวจแน่นอนว่า
“กระผมจะฉุดผู้หญิงไปข่มขืนแต่เธอชักปืนออกมาขู่ทำให้กระผมเสียขวัญ
และถูกทำร้ายจิตใจ”
ส่วนประชาชนผู้เกือบตกเป็นเหยื่อเองก็มักไม่รายงานการใช้ปืนของตนป้องกันตัวเพราะกฎหมายในปัจจุบันไม่ชัดเจนเพียงพอ
การป้องกันตัวให้สมควรแก่เหตุตกอยู่ในดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
ประชาชนผู้พ้นทุกข์มาแล้วจึงไม่ต้องการเสี่ยงมีภาระหรือปัญหาเพิ่มเติมจากการรายงานเหตุการณ์นั้นนอกจากนี้รายละเอียดของความจริงที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้รับการนำเสนออย่างถูกต้อง
ข่าวประชาชนใช้ปืนในทางที่ผิดมักไม่ได้รายงานว่าเป็นปืนที่ถูกกฎหมาย
หรือเป็นปืนที่ผิดกฎหมาย
ความผิดจึงไปตกอยู่กับประชาชนผู้ขออนุญาตมีและใช้ปืนอย่างถูกกฎหมาย

7.   ขอให้มาดูกันว่าประโยชน์การใช้งานของปืนคืออะไร?
ถ้าท่านเป็นนักกอล์ฟ
ซื้อไม้กอล์ฟมาเก็บไว้ที่บ้านแต่ไม่เคยหยิบมาฝึกซ้อมท่าทาง
หรือไปตีที่สนามเลยอาจเรียกได้ว่าท่านไม่ได้ใช้ประโยชน์จากไม้กอล์ฟของท่าน
บางคนกล่าวว่าไม่เห็นคนที่มีปืนใช้ปืนยิงผู้ร้ายที่จะมาคร่าชิวิตบ่อยๆ
เลย มีปืนไว้อย่างนั้นเอง ไม่มีประโยชน์
แต่ความจริงปืนมีประโยชน์ตั้งแต่มีอยู่ในตู้ที่บ้านท่านแล้วครับ
ทุกวินาทีของ “การคงอยู่” ของปืนนั่นเองที่เป็นประโยชน์
ผู้ร้ายจะต้องฉุกคิดว่าจะต้องเจอกับอะไรเพราะเหยื่อสามารถป้องกันตัวเองได้
เป็นการป้องปรามอาชญากรรมทางปฏิบัติจริงๆ
ได้ผลดีกว่ามาตรการบังคับใช้กฎหมายของรัฐมาก เพราะ
“การคุ้มครองประชาชน”
โดยเจ้าหน้าที่เป็นการป้องปรามอาชญากรรมทางจิตวิทยาเท่านั้น
ผู้ร้ายรู้สึกว่าจะ “เสี่ยง” ต่อการถูกลงโทษเท่านั้น
ไม่สามารถคะเนได้ว่าการคงอยู่ของปืนลดความคิดก่ออาชญากรรมตั้งแต่ต้นลมไปมากมายแค่ไหนแล้ว



“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์

บันทึกการเข้า
evil 01
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2004, 03:21:12 PM »

มันก้อแล้วแต่ ดุลยะพินิด ของรัดตะบานแต่ละประเทศ ครับ งานนี้ Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2004, 05:03:38 PM »

ขอบคุณครับ...... Grin
บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
E_mail
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2004, 06:11:50 PM »


“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์


 ขอเอาไปใช้ต่อเลยนะครับ ถูกใจเอาขนาดหนัก Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า
...GlockGlack™...
โพสท์ถึง 999 ก็พอ
Sr. Member
****

คะแนน 8
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 991


สติหมา ปัญญาหมี


« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2004, 06:23:14 PM »

ขอบคุณครับ  Smiley
บันทึกการเข้า

วันใดที่อาวุธปืนมีทะเบียนเป็นสิ่งผิดกฎหมาย สุจริตชนจะพ่าย แต่โจรผู้ร้ายกลับชนะ

Success Begins With A Fellow's Will,  It's All In The State Of Mind  Smiley
วสี
นัตถิ ปัญญา สมา อาภา
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1178
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1998


^_^


« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2004, 06:38:13 PM »

 : Huh อยากให้รัฐบาลมาอ่านจริงๆ...ไม่รู้ทำไมคนในรัฐฯ มองปืนในแง่ร้ายกันจัง... ว่าแล้วคิดใหม่เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ดีกว่า... Huh
บันทึกการเข้า

carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2004, 09:16:19 PM »


“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
ทางกลับกัน ถ้าชอบปืนนี่จะเรียกว่า อารมณ์ทางเพศ มันปึ๊ง ปั๋ง รึเปล่าครับ ผมยังเตะปี๊บดังอยู่เหมือนกัน  Grin Grin Grin Grin
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10983


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2004, 09:46:38 PM »

 Cheesyขอบคุณครับสำหรับข้อความดี ๆ Wink
“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์

Grinขอเอามาใช้เป็นลายเซ็นนะครับ Grinชอบจริง ๆ
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
visith
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 474
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9438



« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2004, 11:40:06 PM »

 Huh  คุ้นๆว่าเคยอ่านผ่านตาทางเวปนี้....เมือคราวที่คำสั่งอัปยศออกมาสร้างความวุ่นวายในสังคมชาวปืน... Huh
บันทึกการเข้า



"ร่วมส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิการใช้อาวุธปืนของประชาชน"
นาจา™รักในหลวง
คุณธรรม...นำสู่ยุติธรรม
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 268
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11147



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2004, 06:33:13 AM »

...ขอบคุณหลาย...
บันทึกการเข้า

อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
poojar
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 6
ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 445


« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2004, 11:18:15 AM »

ขอบคุณนะคะ ที่โพสให้อ่านกัน  Wink
บันทึกการเข้า

Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2004, 11:39:10 AM »

เอ้า เวอร์ชั่นเต็มๆ คร้าบบบบ

ปืนชั่ว/ปืนดี หรือ คนชั่ว/คนดี
ขออนุญาตแสดงความเห็นว่าในประเทศประชาธิปไตยอย่างไทยเรานี้ประชาชนพึงมีสิทธิก่อนอย่างเต็มที่ ส่วนกฎหมายที่จำกัดสิทธิประชาชนจะมีตามความจำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยโดยต้องยึกประโยชน์ของประชาชนส่วนมากเป็นหลัก ไม่ใช่ประชาชนไม่มีสิทธิแต่ดั้งเดิมแโดยจะออกกฎหมายมาให้สิทธิแก่ประชาชนตามความจำเป็น ในเรื่องปืน ถึงจะมีบางคนใช้สิทธิในทางที่ผิด นำปืนที่กฎหมายอนุญาตให้มีได้ไปก่ออาชญากรรม แต่ก็ยังสมควรต้องให้ประชาชนมีปืนเนื่องจากปืนยังเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนมากกว่าอีกหลายพันเท่าที่มีปืนไว้ป้องกันตัวโดยไม่เคยก่ออาชญากรรม โดยอัตราส่วนของปืนที่ประชาชนขออนุญาตมีอย่างถูกกฎหมายและนำไปก่อาชญากรรมคือ 0.007%
ผมเชื่อว่าประชาชนพลเมืองดีทุกคนสนับสนุนการปราบปรามอาชญากรและอาวุธเถื่อน             แน่นอน ส่วนการดำเนินการเกี่ยวกับอาวุธปืนถูกกฎหมายนี่ก็ต้องพิจารณาให้ดี ดังนั้นควรมาดูกันก่อนว่าอาวุธปืนถูกกฎหมายในมือประชาชนนี่คืออะไร? นอกจากอาวุธปืนสงครามเถื่อนแล้วปืนทั้งถูกกฎหมายทั้งผิดกฎหมายก็ใช้ยิงคนบาดเจ็บหรือตายได้เหมือนกัน ดังนั้นการมีอาวุธปืนของประชาชนต่างกับปืนเถื่อนในมืออาชญากรอย่างไร?
ปืนถูกกฎหมายก็คือปืน บางขนาด บางแบบ บางลักษณะที่ประชาชนพลเมืองดีสามารถขออนุญาตมีใว้ในครอบครองเพื่อใช้ในบางลักษณะอย่างถูกกฎหมาย ที่ใช้คำว่าประชาชนพลเมืองดีก็เพราะในการขออนุญาตนอกจากประชาชนผู้ขอจะต้องมีอายุครบตามกำหนดแล้วยังจะต้องถูกพิมพ์ลายนิ้วมือ ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากสถานีตำรวจท้องที่ มีผู้รับรองอาชีพการงาน และแสดงหลักฐานฐานะทางการเงิน รวมทั้งไม่ขาดคุณสมบัติอื่นๆ อีกหลายประการ ไม่เรียกว่าเป็นประชาชนไทยผู้เป็นพลเมืองดีแล้วก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วครับ? ต้องมีคุณสมบัติทและเป็นบุคคลที่มีหลักมีฐานมากกว่าผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งหลายประการนะครับ
ถึงแม้หลักฐานครบนายทะเบียนอาวุธปืนอาจมีดุลพินิจไม่อนุญาตก็ได้ครับ
ที่สำคัญคือเมื่อได้รับอนุญาตแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าพลเมืองดีสามารถนำมาพกพาติดตัวได้อย่างในหนังคาวบอย การนำออกนอกบ้านนั้นเป็นเรื่องยุ่งยากมากและถึงแม้ว่าปฏิบัติตาม “แนวทาง” ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดไว้ก็มีสิทธิถูกจับได้เหมือนกัน อีกทั่งยังไม่สามารถให้ผู้อื่นใช้ปืนนั้นได้ด้วยครับ
สรุปว่า ปืนถูกกฎหมายนั้นพบเห็นอยู่ที่ไหนก็สามารถตรวจสอบเจ้าของได้ เจ้าของก็โดนตรวจสอบมาจนปรุแล้ว การซื้อหาไม่ง่าย ไม่สามารถเดินไปซื้อมาได้เหมือนรถยนต์ที่สามารถซื้อได้ก่อนทันทีแล้วนำไปจดทะเบียนภายหลัง ส่วนปืนผิดกฎหมายก็เหมือนของผิดกฎหมายทั้งหลาย ซื้อขายใต้ดินไม่มีกฎเกณฑ์ โจรผู้ร้ายซื้อได้และส่วนมากเป็นคนที่ตั้งใจเป็นโจรหาซื้อกันเสียด้วย ทางการเจ้าหน้าที่ไม่รู้เห็น ใช้เสร็จปาทิ้งไปก็ไม่รู้เป็นของใคร สุดท้ายคือราคาถูกกว่าปืนถูกกฎหมายประมาณว่าไม่น้อยกว่าสิบเท่าก็แล้วกัน ขนาดอาวุธสงครามทางการยังกล่าวออกโทรทัศน์ว่าราคา แค่ 3-4 พันบาท ไม่ต้องกล่าวว่าอย่างไรก็ตามประชาชนผู้มีอาวุธปืนอย่างถูกกฎหมายคือสุจริตชนที่ได้ปฏิบัติตามกฎหมายเป็นอันดี
ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่พยายามกำจัดปืนเถื่อนอย่างเต็มที่ ทางการในทุกประเทศก็พยายามกันแต่ก็ยังทำไม่ได้ทั้งๆ ที่สภาพภูมิศาสตร์และทรัพยากรเอื้ออำนวยมากกว่า เช่น ญี่ปุ่น โจรผู้ร้ายก็ยังสามารถหาอาวุธปืนมาใช้ก่ออาชญากรรมได้ ในส่วนของประเทศไทย พรมแดนป่าเขาระยะทางหลายพันกิโลเมตรย่อมเป็นอุปสรรคอย่างยิ่ง ตัวอย่างการสกัดกั้นพรดแดนในภูมิภาคนี้ที่เห็นชัดมากคือช่วงสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกัน 540,000 นาย สกัดกั้นการลักลอบขนส่งอาวุธจากเวียดนามเหนือมาให้เวียดกงในเวียดนามใต้ไม่ได้ครับ ซึ่งเขตพรมแดนที่กล่าวนี้ขนาดนับรวมเขตที่มีการลักลอบขนส่งอาวุธอ้อมผ่านลาวก็ยังสั้นกว่าพรมแดนรอบประเทศไทยเป็นสิบเท่า ทุกรัฐบาลทุกประเทศเขาก็ห้ามโจรมีปืนมาตลอดประวัติศาสตร์แล้วครับ แต่ห้ามไม่ได้ ญี่ปุ่นก็ห้ามไม่ให้โจรสมาชิกกลุ่มอาชญากรรมมีปืนไม่ได้ หลังจากอังกฤษควบคุมปืนอย่างรุนแรงหลังปี 1996 ห้ามประชาชนมีปืนพก ในปี 2003 ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจดี อาชญากรรมกลับเพิ่มขึ้นเพิ่ม 35% และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มากที่สุดตั้งแต่ปี 1993 การควบคุมปืนถูกกฎหมายส่งผลให้ประชาชนผู้ประกอบสัมมาชีพในสังคมต้องตกเป็นเหยื่ออาชญากรมากกว่าเดิมอีก นอกจากนี้ปืนเถื่อนยังหาซื้อง่ายแค่ 100-200 ปอนด์ (ถูกกว่าเมืองไทยมากเมื่อเทียบกับรายได้และค่าครองชีพในอังกฤษ) 
ดังนั้นคงไม่ต้องถามว่าเมืองไทยจะปลอดปืนเถื่อนจริงหรือไม่?
สำหรับนโยบายปลอดปืนทั้งประเทศนั้นขอให้คิดให้ดีว่าสถานการณ์อย่างนั้นหมายความว่าอย่างไร ถึงเป็นโลกอุดมคติจริงๆ ที่รัฐควบคุมไม่ให้โจรมีปืนได้ ท่านอย่าลืมว่าถ้าทุกคนทั้งโจรทั้งพลเมืองดีไม่มีปืนเท่ากัน พลเมืองดีก็แย่ละครับ เพราะผู้ร้ายลงมือก่อนย่อมเลือกสถานการณ์ที่ได้เปรียบ ใช้กำลังคนมากกว่า และเลือกเหยื่อที่ร่างกายอ่อนแอกว่าได้สบาย รวมทั้งใช้อาวุธอื่นๆ ได้อีก มีด ไม้ ท่อเหล็ก มือเปล่า จะให้ลูกหลาน พ่อแม่ที่แก่เฒ่าของท่าน ใช้วิชาหมัดมวยสู้กับโจรเหล่านี้จะยุติธรรมดีหรือไม่? โจรที่ฆ่าคนตามสะพานลอย และที่บุกเข้าไปเชือดคนตามบ้านไม่เห็นต้องใช้ปืนเลย ถ้าพ่อแม่ที่แก่เฒ่าของท่านตกอยู่ในสถานการณ์ร้ายท่านคิดว่าให้ใช้วิชาหมัดมวยสู้กันจะยุติธรรมดีหรือ ดูตัวอย่างข่าวการปล้นฆ่าเพื่อชิงมือถือทั้งๆ ที่เจ้าทรัพย์ยอมแล้วด้วยซ้ำ ถ้าเราคิดสักหน่อยว่าเหยื่ออาชญากรต่างๆ นั้นถ้าเขามีปืนเขาจะต้องสูญเสียชีวิตหรือไม่? หลายคนอยู่ในบ้านตนเองก็ถูกบุกรุกเข้ามาทำร้าย บางคนมีปืนก็สู้ได้แต่ก็เป็นข่าวเล็ก หรือไม่มีการนำเสนอข่าวผมเจอกับคนเอง คนเมายาปีนรั้วเข้าบ้านกลางวันแสกๆ ผมถือปืนมาพูดให้ออกไปดีๆ เขาก็ยอมไป ตำรวจจะมาทันหรือไม่? ถ้ามาแล้วจะช่วยได้ไหม? ก็เป็นข่าวคนโดยขี้ยาเมายาบ้าเชือดตายอีกราย ตากล้องอาจได้รางวัลอีก ถ้าไปแจ้งสื่อ แน่นอนว่าจะไม่เป็นข่าวเหมือนคนที่อาจมีปืนโดยถูกกฎหมายแต่พกพาผิดกฎหมายเกิดโทสะชักปืนขู่ชาวบ้าน บางท่านอาจดวงดีรอดมาได้หลายปีแต่ก็คือการเสี่ยงชีวิตให้อยู่ใต้ความกรุณาของอาชญากรอย่างที่เป็นข่าวกันทุกวัน นอกจากนี้การที่ประชาชนผู้ไม่มีอาวุธรอดพ้นจากอาชญากรมาได้ส่วนหนึ่งเพราะในสังคมบางคนมีอาวุธปืนการที่โจรจะปล้นใครก็มีความเสี่ยงว่าจะเจอคนที่เขาสามารถป้องกันตัวเองได้ ลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าเราเป็นโจรจะชอบอย่างไหนล่ะครับ ถ้ารัฐบาลออกกฎหมายริบปืนประชาชน โจรจะวิ่งเอาไปคืนหรือ? ตอนนี้บางคนบางบ้านมีปืนบางคนบางบ้านไม่มีปืน จะจี้ปล้นใครต้องเสี่ยงเจอปืน ถ้าประชาชนไม่มีปืนโจรก็สบาย ถ้าผู้ที่ท่านรักถูกทำร้ายหรือฆาตกรรมไปแล้ว ท่านคิดว่าจะคุ้มกันหรือถ้าต่อมาเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมผู้ร้ายมาลงโทษได้
การไม่ให้ประชาชนมีปืนไม่ว่าในกรณีใดๆ จึงเป็นเพียงการเตรียมประชาชนให้เป็นเหยื่ออาชญากรเท่านั้น  ถ้าผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนแสนมีปืนและฝึกซ้อมเรื่องเศร้าเหตุการณ์จะเปลี่ยนไป ความจริงอีกข้อก็คือกรณีที่ประชาชนที่ใช้ปืนป้องกันตัวมักไม่ได้รับการบันทึกไว้ หรือเป็นข่าวเล็ก แต่เมื่อมีการใช้ปืนก่ออาชญากรรมมักเป็นข่าวใหญ่โตและไม่แสดงข้อมูลว่าเป็นปืนที่ถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย ในสหรัฐอเมริกา พบว่ารัฐที่อนุญาตให้ประชาชนสามารถพกพาปืนในที่สาธารณะได้มีอัตราอาชญากรรมลดลงมาก จนในปัจจุบันมีถึง 36 รัฐที่อนุญาตให้ประชาชนสามารถพกพาปืนในที่สาธารณะได้โดยต้องขออนุญาต และถูกตรวจสอบก่อน ส่วนมากมักเป็นการอนุญาตให้พกพาปืนแบบปกปิด ไม่ให้เห็นว่ามีปืนติดตัว ซึ่งสามารถป้องปรามโจรไม่ให้คิดร้ายกับผู้ที่จริงๆ แล้วไม่ได้พกปืนได้ด้วย (อย่างไรก็ตามประชาชนในรัฐเวอร์มอนต์ และอแลสก้าสามารถพาพาปืนโดยปกปิดได้เลยไม่ต้องขออนุญาตเป็นรายบุคคลก่อน) ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาอัตราอาชญากรรมร้ายแรง และการประทุษร้ายต่อร่างกายในสหรัฐต่ำลงเรื่อยๆ และต่ำกว่าในอังกฤษซึ่งอัตราอาชญากรรมร้ายแรง และการประทุษร้ายต่อร่างกายเพิ่มสูงขึ้นมาดยตลอดตั้งแต่มีการจำกัดสิทธิการครอบครองปืนของประชาชน อัตราการบุกเข้าปล้นบ้านประชาชนทั้งที่เจ้าของบ้านอยู่บ้านซึ่งมักนำไปสู่การทำร้ายร่างกายในอังกฤษก็สูงกว่าในสหรัฐอเมริกาหลายเท่า ความจริงทั้งหมดนี้ตรงข้ามกับความเชื่อผิดๆ ที่ว่าอังกฤษมีปืนน้อยและมีอาชญากรรมน้อย ส่วนสหรัฐอเมริกามีปืนมากและมีอาชญากรรมสูง ที่จริงประเทศที่ประชาชนมีปืนอยู่ในมือมากที่สุดคือสวิสเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมาก ชายสวิสทุกคนต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารและเมื่อปลดประจำการจะได้รับปืนยาวอัตโนมัติประจำตัว ซึ่งก็คืออาวุธสงครามแลพปืนพกที่ทหารสวิสใช้กลับบ้านไปพร้อมกระสุน ปืนทหารนี้ยังถือว่าเป็นสมบัติของรัฐ แต่ประชาชนสามารถใช้ได้ในกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้กฎหมายสวิสยังอนุญาตให้ประชาชนมีปืนส่วนตัวได้อย่างเสรีมาก ส่วนประเทศประชาชนมีปืนส่วนตัวต่อหัวมากที่สุดคือฟินแลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่ปลอดภัยมากเหมือนกันครับ
ต้องยอมรับว่าการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะสามารถคุ้มครองกันใครก็ตามให้ปลอดภัยได้จริงๆ ก็ต้องเดินตามล้อมหน้าล้อมหลังตลอดเวลา การคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยได้จริงๆ จึงเป็นไปไม่ได้ ทำให้คนไทยต้องพยายามมีปืนอย่างถูกกฎหมาย (เรียกว่าพยายามแน่นอนเพราะมีขั้นตอนที่ยากมาก) ถึง 2-3 ล้านคน และความจริงอีกข้อก็คือทุกประเทศพยายามกำจัดปืนเถื่อนมาโดยตลอดแต่ก็ไม่เคยกำจัดได้ ในประเทศไทยมีปืนเถื่อนมากกว่าปืนที่ประชาชนขอมีอย่างถูกกฎหมายหลายเท่ามาโดยตลอด คนไทยที่มีปืนส่วนมากมีเพื่อป้องกันตนเองเป็นหลัก เพื่อใช้ในการกีฬาเป็นหลักนั้นน้อยกว่ามาก อย่างไรก็ตาม เชื่อได้ว่าผู้ที่มีปืนทุกคนจะพยายามใช้อาวุธปืนป้องกันตนเองเมื่อภัยมาถึงชีวิต
ในการดำรงชีวิต และในการเลี้ยงดูลูกหลานเราก็ต้องสอนทักษะในการดำรงชีวิตต่างๆ นั่งรถก็คาดเข็มขัด ขับเองอย่างคะนองนัก ดื่มเหล้าเมาก็อย่าขับรถ อย่าหาเรื่องนักเลงเดี๋ยวเจ็บตัว หลายต่อหลายอย่างทั้งป้องกันภัยทางตรง และภัยทางอ้อมรวมทั้งการป้องกันตัวไม่ให้เจ็บป่วย ดังนั้นคนเราผ็มีสติละเลยไม่คิดเรื่องป้องกันตัวจากภัยที่มาตรงไปตรงมาอย่างอาชญากรรมทั้งหลายได้อย่างไร? บ้านเมืองเรายังอันตรายอยู่มากถ้าไม่พยายามปิดหูปิดตาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจ
นอกจากนี้ขอความกรุณาท่านที่คิดไปว่าประชาชนไม่ต้องป้องกันตัวให้คิดว่าแม้แต่คนใหญ่โตมีอำนาจแค่ไหนก็ย่อมมีวันที่จะไม่มีลูกน้องล้อมหน้าล้อมหลัง ลูกหลานท่านก็เดินถนนประเทศนี้เหมือนกัน ท่านอาจจ้าง รปภ. ให้คอยดูไปตลอดชีวิตได้แต่มั่นใจได้หรือว่าจะช่วยได้ทั้งวันทั้งคืน ถ้าโจรเป็นฝ่ายได้เปรียบประชาชน สังคมจะปลอดภัยได้ด้วยประชาชนที่เข้มแข็งสู้โจรได้ครับ ถ้าประชาชนอยู่ในสถานะของ “เหยื่อ” ที่อ่อนแอตั้งแต่ต้นตำรวจวิเศษคงช่วยไม่ได้ แต่จะมีประสบการณ์ชันสูตรศพเพิ่มครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 04, 2004, 11:52:09 AM โดย Law Enforcement » บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2004, 11:40:19 AM »

คำถาม 

ประชาชนมีปืนแล้วใช้ป้องกันตัวบ่อยแค่ไหน?

คำตอบ

เราไม่ค่อยได้ยินข่าวประชาชนใช้ปืนป้องกันตนเองเท่ากับข่าวประชาชนใช้ปืนในทางที่ผิด แต่เมื่อพิจารณาการแสนอข่าวแล้วจะพบว่า สื่อมักเสนอข่าวที่ขายได้และวัตถุดิบขึ้นอยู่กับการรายงานของบุคคลที่เกี่ยวข้อง เช่น การแจ้งความของเจ้าทุกข์ การรายงานของเจ้าหน้าที่ การมอบหมายหน้าที่ให้ผู้สื่อข่าว ฯลฯ และข่าวที่ขายได้คือข่าวเรื่องความผิดพลาด ข่าวที่สร้างความคิดวิพากษ์วิจารณ์ ติเตียน ซึ่งข่าวเหล่านี้จะทำให้ประชาชนสนใจและติดตามสื่อต่อไป ส่วนข่าวประชาชนใช้ปืนในทางที่ผิดเป็นข่าวที่มีการรายงานเต็มที่ เจ้าทุกข์แจ้งความทุกกรณี เนื้อข่าวได้รับความสำคัญจากบรรณาธิการหรือผู้สื่อข่าวและถูกนำแสนออย่างต่อเนื่อง เน้นย้ำ ข่าวการใช้ปืนป้องกันตัวของประชาชนส่วนมากไม่มีการรายงานเพราะในฝ่ายของผู้ร้าย ไม่มีผู้ร้ายที่ไหนไปแจ้งความกับตำรวจแน่นอนว่า “กระผมจะฉุดผู้หญิงไปข่มขืนแต่เธอชักปืนออกมาขู่ทำให้กระผมเสียขวัญ และถูกทำร้ายจิตใจ” หรือ “พวกกระผมมีแค่มีดสปาต้าร์กับเหล็กชะแลงและปืนเถื่อนเป็นอาวุธกะจะปล้นให้สะดวกหน่อย บุกเข้าบ้านเขาตอนตีสามแต่โดนเจ้าของบ้านคว้าปืนมาข่มขู่”

ส่วนประชาชนผู้เกือบตกเป็นเหยื่อเองก็มักไม่รายงานการใช้ปืนของตนป้องกันตัวเพราะกฎหมายในปัจจุบันไม่ชัดเจนเพียงพอ การป้องกันตัวให้สมควรแก่เหตุตกอยู่ในดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ การรายงานการป้องกันตัวของประชาชนจึงเป็นเพียงการเสมอตัวหรือเกิดความผิด ประชาชนผู้พ้นทุกข์มาแล้วจึงไม่ต้องการเสี่ยงมีภาระหรือปัญหาเพิ่มเติมจากการรายงานเหตุการณ์นั้น อีกประการคือการใช้ปืนป้องกันตัวส่วนมากไม่มีหลักฐานหรือพยานนอกจากผู้เกือบตกเป็นเหยื่อเอง นอกจากนี้การป้องกันตัวด้วยปืนที่ถูกรายงานก็มักไม่กลายเป็นข่าว หรือเป็นข่าวเล็กซึ่งไม่ได้รับการนำเสนอซ้ำซ้อน ตอกย้ำ ดังเช่นข่าวประชาชนใช้ปืนในทางที่ผิด รายละเอียดของความจริงที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้รับการนำเสนออย่างถูกต้อง ข่าวประชาชนใช้ปืนในทางที่ผิดมักไม่ได้รายงานว่าเป็นปืนที่ถูกกฎหมาย หรือเป็นปืนที่ผิดกฎหมาย ความผิดจึงไปตกอยู่กับประชาชนผู้ขออนุญาตมีและใช้ปืนอย่างถูกกฎหมาย

ขอให้มาดูกันว่าประโยชน์การใช้งานของปืนคืออะไร? ถ้าท่านเป็นนักกอล์ฟ ซื้อไม้กอล์ฟมาเก็บไว้ที่บ้านแต่ไม่เคยหยิบมาฝึกซ้อมท่าทาง หรือไปตีที่สนามเลยอาจเรียกได้ว่าท่านไม่ได้ใช้ประโยชน์จากไม้กอล์ฟของท่าน บางคนกล่าวว่าไม่เห็นคนที่มีปืนใช้ปืนยิงผู้ร้ายที่จะมาคร่าชิวิตบ่อยๆ เลย มีปืนไว้อย่างนั้นเอง ไม่มีประโยชน์ แต่ความจริงปืนมีประโยชน์ตั้งแต่มีอยู่ในตู้ที่บ้านท่านแล้วครับ ทุกวินาทีของ “การคงอยู่” ของปืนนั่นเองที่เป็นประโยชน์ ผู้ร้ายจะต้องฉุกคิดว่าจะต้องเจอกับอะไรเพราะเหยื่อสามารถป้องกันตัวเองได้ เป็นการป้องปรามอาชญากรรมทางปฏิบัติจริงๆ ได้ผลดีกว่ามาตรการบังคับใช้กฎหมายของรัฐมาก เพราะ “การคุ้มครองประชาชน” โดยเจ้าหน้าที่เป็นการป้องปรามอาชญากรรมทางจิตวิทยาเท่านั้น ผู้ร้ายรู้สึกว่าจะ “เสี่ยง” ต่อการถูกลงโทษในภายหลัง แต่รู้ว่าจะก่ออาชญากรรม
สำเร็จได้ง่ายโดยไม่เจ็บตัว แค่ “เสี่ยง” ต่อการสืบสวนติดตามจับกุมภายหลังเท่านั้น ไม่สามารถคะเนได้ว่าการคงอยู่ของปืนลดความคิดก่ออาชญากรรมตั้งแต่ต้นลมไปมากมายแค่ไหนแล้ว นี่พูดถึงความคิดของฝ่ายผู้ร้ายนะครับ สำหรับผู้ตกเป็นเหยื่อแล้วความเสียหายในชีวิตไม่สามารถไดัรับการชดใช้ได้ ส่วนปืนพร้อมใช้ที่อยู่ในมือก็จะมีประโยชน์อีกขั้นเมื่ออาชญากรรมลงมือจริง เมื่อเห็นว่าเหยื่อมีปืนผู้ร้ายก็มักหนีแล้ว การป้องกันตัวเช่นนี้มีมากกว่าการยิงต่อสู้กับผู้ร้ายจริงๆ หลายเท่า สรุปว่า “ปืนคุ้มครองชีวิตได้ตั้งแต่มีอยู่แล้ว การใช้ยิงจริงๆ เป็นเพียงการใช้งานส่วนหนึ่งเท่านั้น” พูดอีกก็คล้ายๆ กับประกันชีวิต คุณไม่ได้ใช้บ่อยๆ หรอกครับ! ที่ยังต่างกันคือประกันชีวิตให้เงินกับทายาทถ้าเกิดเหตุร้ายกับท่าน แต่ปืนสามารถช่วย “คืนชีวิต” ให้กับท่านและทายาทได้
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2004, 11:41:13 AM »

คำถาม

ประชาชนไม่ควรใช้กำลังตัดสินปัญหาด้วยตนเองแต่ควรพึ่งระบบยุติธรรมของรัฐ

คำตอบ

ถูกต้องครับ แต่ถ้าจะมาพิจารณากันว่าประชาชนควรมีปืนอย่างถูกกฎหมายเพื่อป้องกันตัวหรือไม่ขอให้มาดูระบบยุติธรรมของรัฐกันก่อน

โดยสรุประบบยุติธรรมของรัฐคือการที่รัฐออกกฎหมายมาเพื่อรักษาความสงบสุขของสังคม เช่นการกำหนดโทษอาญา และการลงโทษ รวมทั้งเพื่อการพัฒนาประเทศด้านต่างๆ เช่นการเก็บภาษี กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์สาธารณะที่รัฐแจ้งให้ประชาชนทราบก่อนโดยประชาชนจะปฏิเสธว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ เมื่อผู้ใดกระทำความผิดก็ต้องได้รับการลงโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับอาชญากรรมที่ได้เกิดขึ้นถือเป็นความผิดที่ได้ถูกระทำต่อรัฐด้วย ถึงแม้ผู้ตกเป็นเหยื่อจะเสียชีวิตไปแล้วไม่สามารถฟ้องร้องใครได้ เจ้าหน้าที่ของรัฐก็จะสืบสวนติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดอย่างเสมอภาคโดยไม่ให้ประโยชน์แก่ผู้ใด และเมื่อจับกุมได้แล้วผู้กระทำความผิดก็จะถูกไต่สวนตามความเป็นจริง และได้รับโทษตามสมควรตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ประชาชนทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมายเดียวกันหมดโดยรัฐจะรักษาความยุติธรรมนี้เต็มความสามารถ สิ่งนี้เป็นความยุติธรรมที่ดีที่สุดที่รัฐใดๆ จะพึงกระทำได้ แต่เมื่อมาพิจารณาในส่วนของผู้เกี่ยวข้องฝ่ายต่างๆ ในอาชญากรรมที่เกิดขึ้น ผู้ตกเป็นเหยื่อถูกทำร้าย หรือถูกฆาตกรรม ส่วนผู้กระทำความผิดถูกจับกุมและลงโทษตามกฎหมาย แต่ตามความเป็นจริงแล้วผู้เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายได้รับผลที่ต่างกัน ผู้กระทำความผิดได้รับโทษตามความผิดที่ตนเองเลือกกระทำนั้น ส่วนผู้ตกเป็นเหยื่อที่เสียหายในร่างการหรือชีวิตก็ยังคงมีความเสียหายที่ถูกยัดเยียดให้โดยตนเองไม่เต็มใจนั้นอยู่ดี การที่ผู้กระทำความผิดได้รับโทษไม่สามารถแก้ไขความเสียหายของผู้ตกเป็นเหยื่อได้จริง

ดังนั้นการที่ประชาชนลงมือต่อสู้กับผู้ร้ายเองเป็นการนำระบบความยุติธรรมของรัฐมาไว้ในมือหรือไม่? คำตอบคือ “ใช่” ถ้าเป็นพฤติกรรมดังต่อไปนี้

1. ประชาชนมีข้อมูลว่าบุคคลอื่นมีแผนการณ์จะทำร้ายตน จึงออกเดินทางติดตามไปเพื่อทำร้ายบุคคลนั้นก่อน

2. ประชาชนจะถูกทำร้านโดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่ด้วย แต่ขัดขวางมิให้เจ้าหน้าที่เข้าระงับเหตุโดยต้องการต่อสู้กับผู้ร้ายด้วยตนเอง

3. ประชาชนถูกทำร้ายก่อนและได้ต่อสู้ป้องกันตนเอง แต่เมื่อผู้เข้าทำร้ายหลบหนีไปประชาชนก็ออกติดตามหาตัวเพื่อจัดการกับบุคคลนั้นด้วยตนเอง

ไม่มีประชาชนที่ป้องกันตนเองด้วยปืนขัดขวางเข้าหน้าที่ของรัฐว่า “ตำรวจอย่าเข้ามา ผมจะยิงสู้กับโจรเอง” “ท่านอย่าติดตามจับผู้ร้ายที่มาทำร้ายผมไปขึ้นศาลรับโทษตามกฎหมายเลย ผมจะติดตามไปยิงมันเอง” หรือ “ก็ผมรู้ว่ามันจะมาฆ่าผม ผมเลยไปยิงมันก่อน” ในการใช้ปืนป้องกันตัว ประชาชนจะต้องถูกตั้งข้อหาเพื่อให้ศาลพิจารณาว่าความจริงเป็นเช่นไร และพิจารณาลงโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำผิดคนหนึ่ง

เมื่อไม่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ความช่วยเหลือในสถานการณ์ฉุกเฉิน คงไม่ต้องถามว่าประชาชนมีสิทธิ “เลือก” ที่จะใช้อาวุธที่มีประสิทธิภาพต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดหรือไม่ ในเมื่อผู้ร้าย “เลือก” ที่จะทำร้ายประชาชนก่อน

นักสิทธิอาชญากรจะตอบว่าประชาชนไม่มีสิทธิครับ
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2004, 11:42:24 AM »

คำถาม

ไม่ควรให้ประชาชนมีปืนเพราะจะนำไปทำร้ายตนเองและครอบครัว

คำตอบ

สิ่งต่างๆ ย่อมจะส่งผลทั้งในทางลบและทางบวก สามารถใช้ให้เป็นประโยชน์ได้และก็มีโทษได้ถ้าใช้ในทางที่ผิด โดยเฉพาะนโยบายสาธารณะที่จะใช้บังคับกับทุกคนในสังคมต้องพิจารณาชั่งน้ำหนักระหว่างโทษกับประโยชน์ รวมทั้งต้องพิจารณาความเป็นไปได้ในการบังคับใช้นโยบายนั้นๆ ตามความเป็นจริงด้วยว่าจะบังคับใช้ได้ผลมากน้อยเพียงไร มิใช่คิดฝันไปว่าเมื่อออกกฎมาแล้วจะสามารถบังคับใช้ได้ถ้วนหน้า คงไม่ต้องชี้ว่าถ้ากฎหมายมีประสิทธิภาพเต็มที่จริงก็คงจะไม่มีอาชญากรในสังคมเหลืออยู่เลย

นานๆ ครั้งเราจะได้ข่าวว่ามีประชาชนผู้ใช้ปืนที่ตนครอบครองถูกต้องตามกฎหมายทำร้ายตนเองและครอบครัวดังนั้นจึงไม่ควรให้ประชาชนมีปืน ในกรณีเหล่านี้ปืนเป็นเพียงอุปกรณ์ประกอบเหตุการณ์ขั้นสุดท้ายเท่านั้น เมื่อประชาชนต้องการทำร้ายกัน ก็จะสามารถหาอุปกรณ์อื่นมาใช้เป็นอาวุธได้อย่าง             แน่นอน โดนเฉพาะการทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตายนั้น เป็นความจริงหรือว่าถ้าผู้นั้นไม่มีปืนเขาจะไม่ฆ่าตัวตาย หรือฆ่าตัวตายไม่สำเร็จ? บางคนอาจแย้งว่าปืนทำให้ประชาชนทำร้ายตนเองและครอบครัวได้ง่ายขึ้น ถ้าเราพิจารณาสถานการณ์แล้วจะพบความจริงว่าปืนไม่ใช่อุปกรณ์ที่ประชาชนสามารถใช้ทำร้านตนเองและครอบครัวได้ในทันที ประชาชนผู้ครอบครองปืนโดยถูกกฎหมายไม่ได้พกปืนบรรจุกระสุนพร้อมใช้ติดตัวตลอดเวลาเวลาอยู่ที่บ้าน เมื่อมีโทสะชั่ววูบก็หยิบมาทำร้ายกันได้ฉับพลัน โดยทั่วไปประชาชนจะเก็บปืนในตู้ล็อกกุญแจ และหลายคนไม่ได้บรรจุกระสุนไว้ เมื่อเกิดโทสะในบ้านการที่จะหยิบอาวุธปืนมาใช้นั้นยากกว่าการหยิบฉวยอุปกรณ์อย่างอื่นในบ้านเช่น มีด หรือโคมไฟ มาทำร้ายกันมากนักซึ่งก็ทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงหรือถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน ทั้งนี้ขออย่าให้สับสนกับความสามารถในการใช้ปืนป้องกันตนเองของประชาชนว่าประชาชนใช้เครื่องเรือนหรืออุปกรณ์อย่างอื่นต่อสู้ป้องกันตนเองก็เพียวพอแล้ว เนื่องจากการใช้ปืนต่อสู้กับอาชญากรเป็นหลักรับประกันสูงสุดในการป้องกันตนเองวิธีต่างๆ ส่วนในกรณีการฆ่าตัวตายนั้นปืนยิ่งไม่เป็นปัจจัยสำคัญ เนื่องจากผู้ที่ฆ่าตัวตายย่อมมีสาเหตุ หรือปัญหาเรื้อรัง สามารถเลือกฆ่าตัวตายได้ทุกรูปแบบ ทั้งใช้อุปกรณ์ หรือสภาพแวดล้อม เช่นกระโดตึก ประเทศญี่ปุ่นควบคุมการครอบครองปืนอย่างเข้มงวดมากแต่ประชาชนก็ฆ่าตัวตายได้สำเร็จสูง

ที่สำคัญที่สุดคือประชาชนทุกคนจะต้องรับผลจากการกระทำของคนส่วนน้อยมากหรือไม่? เมื่อคนส่วนน้อยนำอุปกรณ์ที่ขออนุญาตครองครองเพื่อป้องกันตนเองมาใช้ทำร้ายตนเองและครอบครัวประชาชนอื่นๆ ควรจะถูกตีตราว่าต้องปฏิบัติตามนั้น และไม่ควรมีสิทธิใช้อุปกรณ์นั้นป้องกันตนเองต่อไปหรือไม่? ความจริงเบื้องต้นคือการเรียกร้องสิทธิในการครอบครองปืนเพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินเป็นเพียงการเรียกร้องให้เปิดทางเลือกสำหรับประชาชน ไม่ได้ต้องการบังคับให้ประชาชนทุกคนมีปืน ไม่มีใครสามารถบังคับให้ทุกคนรับผิดชอบชีวิตของตนเองได้ ประชาชนทุกคนสามารถเลือกที่จะเสี่ยงต่ออันตรายถึงชีวิตหรือเลือกที่จะทำลายชีวิตของตนและครอบครัวได้ตลอดเวลาในชีวิตประจำวันตามปรกติ เช่นการขับรถโดยประมาท การโกนหนวด การใช้อุปกรณ์ที่สามารถใช้เป็นอาวุธอื่นๆ การเสี่ยงภัยต่อโรคร้าย ฯลฯ แต่ประชาชนก็เลือกที่จะดำรงชีวิตของตนและครอบครัวอยู่ตลอดมา การกำจัดอุปกรณ์สำหรับป้องกันตนเองของประชาชนโดยอ้างว่าเพื่อป้องกันประชาชนทำร้ายตนเองครอบครัวจึงไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง เป็นการเอาความคิดสติปัญญาของผู้ผิดปรกติมาบังคับยัดเยียดให้ประชาชนและดูถูกประชาชนว่าเป็นผู้ไม่ต้องการดำรงชีวิตของตนเองและครอบครัวอีกต่อไป

สุดท้ายนี้ ขอร้องเรียนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ปฏิเสธประชาชนผู้ที่ยื่นคำร้องขอครอบครองปืนเพื่อนำไปใช้ฆ่าตัวตาย ทำร้ายครอบครัว หรือประกอบอาชญากรรม

บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.129 วินาที กับ 22 คำสั่ง