เยี่ยมครับพี่ยาม
ถ้าเราไม่หวังมุ่งผลเลิศที่เป็นดีกรี ว่าเด็กของเราสอบได้เกรดสูง สอบติดที่โน้นที่นี้
ลองสอนรวมกันดูครับ เอามันทั้งเด็กทั้งครูนั้นแหละ เรียนรู้ไปด้วยกัน เพราะในชิวิตจริง เด็กต้องเผชิญสภาพแบบนี้อยู่แล้ว คนที่หลากหลายความคิด ความรู้ต่างกัน ความชำนาญต่างกัน แต่เราต้องทำงานร่วมกันให้ได้ พลักดันให้สังคมก้าวหน้าไปด้วยกันให้ได้
ยกตัวอย่างในที่ทำงานของเรา มีบุคคลากรหลายประเภท ฉลาดสุดๆ อ่อนสุดๆ เก่งสุดๆ หรือพอใช้งานได้ก็มี แต่ก็ยังทำงานร่วมกันได้ โดยพึ่งพาอาศัยความชำนาญที่แตกต่างกัน ไอ้คนฉลาดสุดๆ จะละเลยคนอ่อนสุดก็ไม่ได้ เพราะงานที่ต้องใช้แรงกายต้องพึ่งเขา
โจทย์ให้เป็นโจทย์ใหญ่โจทย์เดียว แต่ทำทั้งเดือน
เช่น พาเด็ก ไปทำรังวัดที่ดิน วัด...หรือที่สาธารณะ หรือสวนหลังบ้าน
เด็กเล็กสอนให้รู้จักจำนวนนับ โตขึ้นมาหน่อยสอนให้รู้จักหน่วยวัดการใช้เครื่องมือ การวัดองศา โตขึ้นมาอีกสอนให้รู้จักการคำนวน ถ้าเด็กโตมากและมีความพร้อมก็อาจสอนตรีโกนมิติ ด้วย
โดยให้เขาทำงานร่วมกันเป็นทีม เด็กเล็กช่วยถือไม้วัด โตหน่อย เป็นคนนับ ส่วนอีกพวกเป็นคนจดบันทึก
แล้วพอ......พัก กินข้าว
ระหว่างนั้นจะแทรกความรู้เรื่อง ชีววิทยา ง่ายๆ ที่เด็กพบเห็นระหว่างร่วมกิจกรรม เช่น แมลง นก หนู หรือขณะทำอาหาร ก็บอกไปว่าทำอะไร ควรปรุ่งแบบไหน ผักอะไรมีคุณค่าทางสารอาหารแบบไหน
หลังจากนั้นวันถัดมา เราค่อยต่อยอด ตามความพร้อมของเด็กแต่ละคน ก็เอาจากโจทย์เดิมนั้นแหละ เด็กเล็กสอนนับเลข เด็กโตสอนบวกเลข โตอีกหน่อย สอนเรื่องมุม การหาพื้นที่ ฯลฯ
สมมุติว่าพื้นที่เป็นวัด ขณะว่างเราก็สอนแทรก พุทธตำนาน หรือมีขบวนแห่อะไรผ่านมา เราก็ยกมาสอนเป็นเกร็ดความรู้
หลังจากนั้น จะสอนการเกตร ในพื้นที่ทดลอง หรือจะเล่นกีฬาอะไรก็ได้ แต่อย่าลืมว่าโปรเจ็คใหญ่ที่เรากะเด็กต้องทำร่วมกันยังมีอยู่
วันถัดๆไปก็ค่อยขยับ ร่วมกันที่ละขั้นๆ จน จบ โปรเจ็ค แล้วเราค่อยคิดหาโจทย์ใหม่
เด็กมีความอ่อนล้าง่าย ต้องวางแผนที่ละขั้นๆ แบ่งช่วงระยะเวลาที่ไม่นานเกินไป เสร็จพักก่อนวันหน้าทำต่อ
แต่ต้องบอกผู้ปกครองก่อนนะครับ ว่าเรียนกะเรา ไม่ได้ช่วยให้ลุกคุณได้เกรดดีๆในห้องเรียน