เช้าๆแบบนี้ มาเสริมวิตามินทางจิตกันหน่อยดีกว่า แล้วค่อยว่าเรื่องไอพีกันต่อ ตะกี้ผมดูรายการธรรมะทางทีวี พีธีกรผู้ชายคือคุณอ้ายสรุปได้ดีมากตรงกับหลักคิดทางพุทธข้อหนึ่งที่ว่า
..จิตเคี้ยวอารมณ์เป็นอาหาร...คือจิตคนจะทุกข์หรือสุขขึ้นอยู่กับอารมณ์ที่ส่งไปให้มันเคี้ยวกิน ดังนั้นสภาวะของจิตก็ขึ้นอยูกับอารมณ์ เช่น ส่งอารมณ์โกรธไปให้มันกิน จิตก็จะร้อนรุ่มหงุดหงิด ส่งอารมณ์ดีๆไปให้มันกินจิตก็จะสดใสเบิกบาน เป็นต้น
หรือดังที่พระบอกเป็นบุคลาธิษฐานไว้ว่า เมื่อโกรธจิตเป็นสัตว์นรก เมื่ออาฆาตมาดร้ายก็เป็นเดรัจฉาน เมื่อกลัวเป็นอสูรกาย เมื่อโลภอยากได้เป็นเปรต อะไรทำนองนั้น(ผมจำได้ไม่หมด)
วกมาที่พิธีกรดังกล่าวพูด เขาพูดว่า...เรื่องบางเรื่องผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ยังเอามาคิดมาเคื่อง ถ้าเปรียบเป็นอาหารก็บูดไปแล้ว ถามจริงๆถ้าเป็นอาหารบูดๆคุณจะกินไหม?
อาหารกายบูดๆไม่กินกันอยู่แล้ว ดังนั้นอาหารใจก็ควรจะเป็นอาหารดีๆไม่ควรส่งอาหาร(อารมณ์)บูดๆไปให้มันกินเช่นกันเพราะ
ใจหรือจิตมันก็กินอารมณ์เป็นอาหารนะครับ...
ขณะนี้มื้อนี้ท่านกำลังส่งอารมณ์แบบไหนให้จิตเคี้ยวกันครับ? สติเท่านั้นที่จะบอกเราได้...บุญรักษาครับ ต่อด้วยนิทานเพื่อเยาวชนอีกเรื่องเนาะ...ผู้ใหญ่ไม่ควรอ่านครับ55
เรื่อง หมาไล่เนื้อ ไก่ กับหมาจิ้งจอก
หมาไล่เนื้อและไก่รู้สึกถูกชะตากันจึงตกลงเป็นเพื่อนร่วมเดินทางด้วยกัน เมื่อถึงเวลาค่ำไก่บินขึ้นไปนอนบนกิ่งไม้ ส่วนหมาไล่เนื้อม่อยหลับอบยู่โคนต้น ครั้นรุ่งสางไก่ตื่นโก่งคอขันเสียงเจื้อยแจ้วเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมาหมาจิ้งจอกตัวหนึ่งได้ยินเสียงขันคิดว่าเช้าวันนี้จะได้กินเนื้อไก่จึงวิ่งตามเสียมา เห็นไก่แกะอยู่บนกิ่งไม้เลยแกล้งเข้าไปทักทาย เจ้านกน้อยเสียงทอง เช้าวันนี้เชิญมาร่วมสวดมนต์กับข้าเพื่อความสุขสวัสดีเถิด หมาจิ้งจอกพยายามพูดจาชักชวน อ้อได้ซิ.. ไก่รู้ทันเล่ห์ของหมาจิ้งจอก แต่เจ้าช่วยไปปลุกภารโรงผู้ดูแลโบสถ์ที่นอนอยู่โคนต้นไม้ ให้ช่วยตีระฆังก่อนได้ไหม หมาจิ้งจอกไม่รู้ว่าไก่หมายถึงหมาไล่เนื้อ มันจึงรับปากและเดินเข้าไปที่โคนต้นไม้ เลยถูกหมาไล่เนื้อไล่กัดจนต้องวิ่งเตลิดหนีไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ผู้คิดร้ายวางแผนการล่อลวงผู้อื่น เมื่อเขารู้ทันย่อมได้รับการสั่งสอนหรือลงโทษอย่างสาสม