ถ้าไม่ว่าง และไม่ได้ซ้อมจริง ผมขอเรียกคนอย่าง อ.ใหม่ว่ามีพรสวรรค์ แน่นอนครับ
อ้าวโดนเหน็บว่าเป็นคนไม่มีพรสวรรค์ซะแล้ว ถ้าเปลี่ยนจากพรเป็นพวงก็พอมีอยู่บ้างครับถึงจะไม่เยอะแต่พอมี
ผมไม่มีพรสววรค์จริงๆแหล่ะครับอ๋อง จะทำอะไรก็ต้องใช้เวลามหาศาลทั้งนั้น ย้อนหลังไปซัก 3-4 ปี ช่วงนั้นถือว่าซ้อมเยอะมากๆเมื่อเทียบกับเพื่อนๆที่อยู่เชียงใหม่ด้วยกัน ผมเคย dry fire รวมๆแล้ววันละกว่าชั่วโมง บางทีถึง 2 ชั่วโมงต่อวัน5 วันต่อสัปดาห์เลยทีเดียว แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ(หลักๆก็คือสตังค์นั่นแหล่ะ) ผมจะ
wet fire
ได้ไม่มาก โดยปกติการ live fire ของผมคือการจัดสนามกับเพื่อนๆยิงกันทุกวันอาทิตย์ประมาณ 4-6สนาม ใช้กระสุนประมาณ 100 นัด ช่วงนั้นมือจะสากด้านจนลูกไม่อยากให้เล่นด้วยไม่อยากให้ถูกตัวเพราะมือด้านจนลูกเจ็บ ไม่เหมือนช่วงนี้นุ่มนวลน่าจับมากทีเดียว (อ๋องอยากลองจับไหม?)
เพื่อนฝูงมักจะขบขันเมื่อผมได้กระสุนล๊อทใหม่ที่ factor ไม่เท่าเดิม น้ำหนักหัวไม่เท่าเดิม ผมจะทำการวัดลูกพร้อมกับตั้งศูนย์และฝึกการยิงช้า(ทั้งพาดยิง ยืนยิง รวมไปถึงการรีเซ็ทไก) ไปพร้อมๆกัน กระสุน 30 นัดอาจใช้เวลาตั้งศูนย์วัดลูกเป็นชั่วโมง
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ผมพัฒนาการยิงให้ดีขึ้นได้ก็น่าจะเป็น การชอบอ่าน ชอบหาข้อมูลและนำมาวิเคราะห์ตัวเองว่าด้อยตรงไหน จะแก้อย่างไร ผมยิงแบบไม่มีหลักการอยู่ซัก 2 ปี คลาส C ตลอดกาลครับ คิดเป็นอยู่อย่างเดียว วิ่งเข้าไปเหนี่ยวเข้าไป มาเริ่มพัฒนาตอนที่ไปเจอ เวปไซท์ของ Brian Enos ทราบข้อมูลต่างๆ รู้วิธีคิด รู้ว่ามีหนังสืออะไรดีๆ ก็เลยรู้ว่านักยิงปืน IPSC ต้องคิดอย่างไร แก้ไขข้อบกพร่องอย่างไร ก่อนหน้านั้นในเชียงใหม่มี VDO ของ The Burner ดูกันอยู่ในวงแคบๆ และก็หวงกันมาก กว่าจะมีคนกรุณาให้ผมดู เวลาก็ผ่านไปเป็นปีแล้ว
มีอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้มีกำลังใจพัฒนาก็คือการได้พบกับเพื่อนเก่าตั้งแต่เรียนวิศวะมาด้วยกันแต่ไม่เคยเจอกันอีกเลยหลังจากจบการศึกษา ครั้งแรกที่เจอกันอีกคือการบังเอิญไปเจอกันในสนามแข่งยิงปืนครั้งหนึ่ง ตอนแรกจำกันไม่ได้หรอกครับต้องมีคนกลางแนะนำ เพื่อนคนนั้นคือแชมป์ประเทศไทย 3 สมัย นายช่างทนงศักดิ์ วรรณจักร หลังจากนั้นนายช่างกับผมพูดคุยกันเสมอๆทั้งในเรื่องทั่วๆไปและการยิงปืน แต่นายช่างสอนผมยิงปืนน้อยมาก มีหลักๆผมสรุปได้แค่ 2 ประโยคเท่านั้น แต่เป็นประโยคที่ผมยึดเป็นหลักในการยิงปืนมาตลอดคือ (ขอบรรยายเสียงในฟิลม์นะครับ)
1. ฮายิงมาถึงบะเดี่วได้ เพาะ
ฮาญิงโดยใจ๊เหตุผล2. คิงญิงปื๋น คิง
ต้องเจื้อศูนย์สองประโยคนี้ถ้าตีความ แทบจะเขียนตำราได้เลยนะครับ
มาปีนี้แหล่ะครับทั้งกำลังใจ ทั้งความทุ่มเทลดลงไปเยอะเนื่องจากหลายสาเหตุ
1. เพื่อนๆที่เคยบี้กันแซวกันก็หยุดยิงไปหลายคน
2. พอปรับเป็นคลาส GMแล้วหนทางของชัยชนะมันริบหรี่เหลือเกิน
3. การยิงปืนของตัวเองก็แทบจะไม่พัฒนาอีกแล้ว (ผมบอกกับเพื่อนคนหนึ่งที่ยิงปืนมานานแต่ยังยิงได้ไม่ค่อยดีนักว่า ต้องดีใจที่ดู VDO ของตัวเขาเองแล้วเห็นข้อบกพร่องเยอะมากเพราะถ้าพยายามปรับปรุงโดยใช้เหตุผลให้มากกว่านี้จะพัฒนาได้อีกเยอะ แต่ผมสิแย่แล้ว ดู VDO ของผมแล้วพบว่าไม่รู้ว่าจะแก้ไขอะไร ไอ้ที่สามารถจะแก้ไขได้ก็แก้ไปหมดแล้ว ข้อบกพร่องที่เหลืออยู่ก็ไม่รู้จะแก้อย่างไร)
4. งานวิจัยที่ทำอยู่ต้องมีการเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยครั้ง พอเดินทางแปลกที่นอนก็นอนไม่หลับ นอนไม่หลับก็ต้องกินเหล้า แถมกลับมาถึงบ้านยังติดลมต่ออีกหลายวัน
อย่างไรก็ตามตั้งใจว่าจะฮึดอีกซักครั้งนึง เพราะโดนเพื่อนๆที่เชียงใหม่ย่ำยีหลายครั้งเกินไปแล้วครับ
ผมเชื่อว่าการยิงปืนแบบ IPSC เป็นการยิงปืนที่ให้โอกาสกับคนที่มีความแตกต่างกันมากๆสามารถร่วมการแข่งขันกันได้ ไม่ว่าจะตัวเล็กตัวใหญ่ ผอมหรืออ้วน วิ่งเร็ววิ่งช้า ปืนถูกปืนแพง ๆลๆ ถ้าสามารถชดเชยส่วนที่ด้อยด้วยส่วนอื่นๆได้ก็ยังสามารถเคียงบ่าเคียงไหล่กันได้อย่างสนุกสนาน