ถ้าท่านโอบามาไม่ผ่นข้อตกลงนี้เกิดปัญหาเสรษฐกิจโลกแน่ครับ
จากผู้จัดการ on line
ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ประกาศบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้
เอเอฟพี/เอเจนซี - ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ประกาศข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้อันจะสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อประเทศในนาทีสุดท้าย พร้อมกับกระตุ้นให้สมาชิกสภาคองเกรสทำในสิ่งที่ถูกต้อง โดยการลงมติเห็นชอบข้อตกลงนี้
ผมต้องการประกาศว่า คณะผู้นำของทั้งสองพรรคในทั้งสองสภาบรรลุข้อตกลงซึ่งจะลดการขาดดุล และหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ การปิดนัดที่จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของเรา โอบามาประกาศอย่างเร่งรีบในทำเนียบขาว
ในสภาคองเกรส ผู้นำจากวุฒิสภาซึ่งพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก และสภาผู้แทนราษฎรซึ่งพรรครีพับลิกันควบคุมอยู่นั้น เผยว่า พวกเขาจะเสนอกรอบการทำงานกับบรรดาสมาชิกในวันจันทร์ (1) ก่อนหน้าที่จะมีการลงมติเห็นชอบข้อตกลงนี้
เรายังทำงานไม่สำเร็จ ผมต้องการกระตุ้นให้สมาชิกทั้งสองพรรคทำในสิ่งที่ถูกต้อง และสนับสนุนข้อตกลงนี้ด้วยเสียงโฆวตของพวกคุณในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวก่อนที่กำหนดเส้นตายใกล้เข้ามาในเวลาเที่ยงคืนของวันอังคาร (2) นี้ ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 11.00 น.ของวันพุธ (3) ตามเวลาของไทย
สำหรับข้อตกลงดังกล่าวนี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลรายหนึ่งเผยว่า จะมีการเพิ่มเพดานหนี้อย่างน้อย 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเพียงพอยืดเวลาไปจนถึงปี 2013 แต่ก็ส่งผลให้มีการตัดลดงบประมาณลง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์เป็น 2 รอบ
เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า การตัดลดงบประมาณดังกล่าวจะแบ่งเป็นทางด้านการทหาร และโครงการอื่นๆ รวมถึงการลดงบประมาณกลาโหมลงอย่างน้อย 350,000 ล้านดอลลาร์ภายใน 10 ปีข้างหน้าด้วย
ในการเปิดเผยร่างของข้อตกลงนี้ เจ้าหน้าที่ชี้ว่า โอบามา และผู้นำในสภาคองเกรสเห็นพ้องกันที่จะลดงบประมาณลงเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยออกเป็นกฎหมายสำหรับอีก 10 ปีนี้ในทันที
สหรัฐฯ มีหนี้สินท่วมจนสุดเพดาน 14.3 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา และมีการปรับเปลี่ยนการใช้จ่าย และบัญชี รวมถึงตัวเลขภาษีสูงกว่าที่คาด เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศดำเนินไปได้ตามปกติต่อไป แต่ก็สามารถทำเช่นนั้นได้จนถึงวันอังคาร (2) นี้เท่านั้น
ขณะที่ผู้นำด้านธุรกิจ และการเงินต่างเตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้จะส่งให้กระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เปราะบางอยู่แล้ว โดยเฉพาะในขณะที่ประเทศยังมีอัตราการว่างงานสูงถึง 9.2% มาตั้งแต่วิกฤตการเงินทั่วโลกปี 2008