เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ธันวาคม 26, 2024, 01:40:03 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แท็กซี่แม่ลูกอ่อนยอดนักสู้ ขับไปเลี้ยงไป  (อ่าน 1466 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สหายอ๋อง เซียนปลาซิว
จริงใจ บริสุทธ์ใจ แล้วจะแคล้วคลาด จากภัยทั้งปวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 657
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9377


คบหมาเป็นเพื่อน ดีกว่าคบเพื่อนหมาๆ


« เมื่อ: สิงหาคม 17, 2011, 08:39:16 PM »

http://hilight.kapook.com/view/61888

"รักใดเล่ารักแน่เท่าแม่รัก ผูกสมัครลูกมั่นมิหวั่นไหว
          ห่วงใดเล่าเท่าห่วงดังดวงใจ ที่แม่ให้กับลูกอยู่ทุกครา
          ยามลูกขื่นแม่ขมตรมหลายเท่า ยามลูกเศร้าแม่โศกวิโยคกว่า
          ยามลูกหายแม่ห่วงคอยดวงตา ยามลูกมาแม่หมดลดห่วงใย"

          เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยได้ยินบทกลอนเช่นนี้กันมาบ้าง แต่จะมีสักกี่คนที่จะรู้ซึ้งถึงหัวอกของคนเป็นแม่ จนกว่าจะได้เป็นแม่คนดูบ้าง เช่นเดียวกับ คุณอี๊ด-รัชฎาภรณ์ อิสระ คุณแม่ลูกอ่อน ที่ต้องดิ้นรนต่อสู้ชีวิต ด้วยการขับรถแท็กซี่รับจ้าง พร้อมทั้งกระเตงลูกชายที่มีร่างกายผิดปกติไปทำงานด้วย แต่เธอก็ไม่หมดหวังต่อโชคชะตา เลี้ยงดูลูกเป็นอย่างดีด้วยความรักและปรารถนาที่จะให้ลูกอยู่รอดปลอดภัย

          โดย คุณอี๊ด-รัชฎาภรณ์ อิสระ แม่ลูกอ่อนวัย 41 ปี ปัจจุบันมีอาชีพขับรถแท็กซี่รับจ้าง เธอมีเป้าหมายสูงสุดในชีวิตก็คือ การเลี้ยงน้องน้ำมนต์ เด็กชายภาสกร อิสระ ลูกชายวัย 5 ขวบให้ดีที่สุด ซึ่งน้องน้ำมนต์มีความผิดปกติทางร่างกายเนื่องจากโรคทางพันธุกรรม แม้แพทย์ผู้รักษาจะชี้ชะตาน้องน้ำมนต์ว่าจะอยู่ได้เพียงไม่นานเท่านั้น รวมทั้งเธอเองก็เป็นโรคพุ่มพวง หรือ SLE ด้วยเช่นกัน แม้จะมีปัญหารุมเร้าเข้ามาในชีวิต แต่คุณอี๊ดก็ไม่ย่อท้อ ยังคงฮึดสู้เลี้ยงลูกของเธอเรื่อยมา จนขณะนี้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

          ทั้งนี้ คุณอี๊ด ต้องต่อสู้ชีวิต ทำงานหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่ที่เธอเรียนจบ ม.3 เท่านั้น เนื่องจากครอบครัวของเธอมีฐานะยากจน และเธอก็ไม่อยากเป็นภาระของครอบครัว จึงตัดสินใจมาหางานทำ เช่น รับจ้างขายของ งานหน้าร้านทั่ว ๆ ไป รวมถึงขายเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ผ้ามือสองตามตลาดนัด แต่ในที่สุดก็ไปไม่รอด จนเธอเปลี่ยนมาขับแท็กซี่จากการชักชวนของเพื่อน แม้ว่าในช่วงแรก เธอจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก เนื่องจากสมัยก่อนแท็กซี่ยังไม่มีมิเตอร์ ทำให้การคำนวณราคาตามระยะทางยากลำบาก และทำให้ขาดทุนอยู่บ่อย ๆ  แต่หลังจากที่แท็กซี่มีการติดตั้งมิเตอร์ ทำให้คุณอี๊ดหันกลับมาทำอาชีพนี้ใหม่อีกครั้ง และได้พบรักกับเพื่อนที่ขับแท็กซี่ร่วมอู่เดียวกัน จนตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และถึงแม้ว่าเธอจะตั้งครรภ์แล้ว เธอก็ยังคงขับรถแท็กซี่ต่อไป

          จนกระทั่งก่อนคลอด 1 สัปดาห์ เกิดความผิดปกติบางอย่างในครรภ์ ทำให้เธอต้องรีบผ่าเอาเด็กออกด่วน ซึ่งภายหลังจากที่คลอดแล้ว คุณอี๊ดเห็นลูกถึงกับตกใจ เพราะเห็นลูกอยู่ในตู้ พร้อมกับสายยาง 20-30 สาย ระโยงระยางรอบตัวลูกชายของเธอเต็มไปหมด

          "แวบแรกที่ตนเห็นลูก รู้สึกตกใจมาก เพราะลูกตัวเล็กมาก จมูกเล็กนิดเดียว หูผลุบเข้าไปในหัวกะโหลก นิ้วสั้น แขนขาเหี่ยว ข้างหนึ่งมีสายออกซิเจน อีกข้างหนึ่งมีสายให้นมเด็ก แต่ความรู้สึกของตนตอนนั้น คือ อยากอุ้มลูก อยากกอดลูก และพูดกับตนเองว่า ตัวเล็กของแม่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนูก็คือลูกแม่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา แม่จะดูแลหนูให้ดีที่สุด"

          แม้ว่าหมอจะบอกให้คุณอี๊ดทำใจไว้ล่วงหน้าว่าลูกชายของเธอจะอยู่ได้ไม่นานเท่านั้น เนื่องจากลูกของเธอเป็นโรคทางพันธุกรรม และมีความผิดปกติเกี่ยวกับกระดูก แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทำให้คุณอี๊ดถึงกับรู้สึกท้อ ซ้ำร้าย สามีของเธอยังไม่ต้องการลูกที่พิการอีกและต้องการเอาลูกไปทิ้งไว้ที่สถานสงเคราะห์ ซึ่งตัวคุณอี๊ดก็ไม่ได้จมปลักอยู่กับปัญหา และไม่ได้เศร้าโศกต่อโชคชะตาที่กำหนดให้เธอเป็นแบบนี้ เธอยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าหาทางเลี้ยงดูลูกให้เติบโตเหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ ให้ได้

          หลังจากคลอดลูก เพื่อให้เธอมีเวลาเลี้ยงดูลูกและใช้เวลาอยู่กับลูกให้นานที่สุด เธอจึงกระเตงลูกขับรถรับจ้างแท็กซี่ไปด้วย โดยเลี้ยงเด็กเอาไว้ที่เบาะหน้า ซึ่งผู้โดยสารบางคนก็ใจบุญ เห็นแล้วสงสาร จึงช่วยแวะซื้อนม ขนมปัง ของเด็กเล่น ตุ๊กตา และเสื้อผ้าเด็กมาให้ด้วย ในขณะที่ผู้โดยสารบางคนก็รับไม่ได้เช่นกัน พร้อมทั้งตะโกนด่าและไล่เธออย่างหยาบคาย ซึ่งก็ทำให้เธอรู้สึกเสียใจมาก เพราะคนเหล่านั้นเหยียบย่ำซ้ำเติมต่อโชคชะตาของเธออีก

          ไม่เพียงเท่านี้ เธอยังพยายามจับลูกให้นั่ง ให้ยืน และเดินให้ได้ แม้หมอบอกว่า ไม่สามารถกระทำได้ เพราะจะทำให้ซี่โครงไปกดทับปอด และทำให้เด็กหายใจลำบาก แต่เธอก็ยังไม่หมดหวัง และฝึกลูกของเธอต่อไป จนในที่สุดน้องน้ำมนต์ก็สามารถนั่ง ยืน และเดิน แม้จะไม่คล่องมากนัก อีกทั้งยังฟังคำพูดของเธอรู้เรื่องอีกด้วย สร้างความปลื้มปีติให้กับคุณอี๊ด ผู้เป็นแม่อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แม้แต่หมอที่ทำการรักษาก็ยังต้องประหลาดใจกับพัฒนาการของน้องน้ำมนต์เป็นอย่างยิ่ง และคอยให้คำปรึกษากับคุณอี๊ดเรื่อยมาเนื่องจากเห็นความพยายามและอดทนของเธอ

          "หน้าที่ของแม่ที่เลี้ยงดูแลลูกถือว่าเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ใครก็สามารถเป็นกันได้ง่าย ๆ ซึ่งเธอได้รับสิทธิของความเป็นแม่นี้ และเธอต้องทำให้ดีที่สุด" คุณอี๊ด กล่าว

          อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้น้องน้ำมนต์จะมีพัฒนาการดีขึ้น แต่คุณอี๊ดก็ยังคงดูแลน้องน้ำมนต์อย่างใกล้ชิดเหมือนเดิม ด้วยความรักที่บริสุทธิ์ของแม่คนหนึ่ง ที่มีแต่ความรัก และความปรารถนาดีให้กับลูกโดยที่ไม่หวังสิ่งใด ๆ ตอบแทน






พ.ย.  2543  เอาไอ้เจี๊ยบ  เข้าบ้าน ต้นปี  2544  ไปทำงานพิเศษกลางคืนเป็นสายตรวจ  รปภ.

เอาไอ้เจี๊ยบไปนอนบริษัท  ไปตรวจเรได้ไม่เกิน  2  ชั่วโมง  วิทยุเรียก  "เฮ้ยลูกของพี่เยี่ยว"  ต้องกลับเข้าบริษัท
บันทึกการเข้า
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2011, 10:46:06 PM »

+๑ ขอบคุณครับ   ไหว้

ส่วนใหญ่แม่ไม่ทิ้งลูก  แต่ส่วนมากลูกกลับทิ้งแม่   เศร้า
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2011, 08:08:43 AM »

ขอบคุณครับ

สู้  สู้
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
Udomkd
รักษ์ธรรมชาติ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3700
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 41046



« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2011, 09:06:24 AM »

อย่าโทษพระเจ้า...ให้มองตัวเอง.......

น้าจักร ซู่ๆ
บันทึกการเข้า

รักมิตร รักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีด้ามขวาน
   รักมิตรรักเพื่อนรักผอง ดั่งขวานทอง ต้องมีคมขวาน
   รักมิตร รักเพื่อน
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2011, 09:29:32 AM »

เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม

ไหว้



...แต่ผมอ่านแล้ว... สะกิดใจตรงที่ว่า... ผู้เป็นพ่อไม่ต้องการลูก... อยากจะเอาไปทิ้งไว้ที่สถานสงเคราะห์... ช่างเป็นพ่อที่แย่มากนะครับ...

บันทึกการเข้า
Wachira1973
"กระบี่อยู่ที่ใจ...ปืนก็อยู่ที่ใจเช่นกัน"
Sr. Member
****

คะแนน 81
ออฟไลน์

กระทู้: 724



« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2011, 09:46:40 AM »

นี่แหละครับคนเป็นแม่ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรก็มิอาจไม่รักได้...ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
บันทึกการเข้า

"...แล้วสอนว่าอย่าใว้ใจมนุษย์   มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
 ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด   ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน.."
                                                                                            ...สุนทรภู่...
รักปืน-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน -68
ออฟไลน์

กระทู้: 1992


« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2011, 03:01:54 PM »

ตื้นตันใจมากๆครับ ความรักของแม่   สู้ๆครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.058 วินาที กับ 22 คำสั่ง