รถเกราะคอมมานโดสเก้าท์
(Commando Scout)1. ความเป็นมาของโครงการ : เมื่อปี พ.ศ.2521 ศอว.ทบ. ได้ทดลองสร้างรถเกราะขึ้น 1 คัน ตามแนวความคิดของ พล.อ.เจริญ พงษ์พานิช ซึ่งเป้น เสธ.ทหาร อยู่ในขณะนั้น โดยยึดถือแบบรูปร่าง COMMANDO SCOUT ของบริษัท คาดีแลค สหรัฐอเมริกา เป็นรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 130 แรงม้า และได้ทำการทดลองวิ่งเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ทั้งบนถนนและในภูมิประเทศ ต่อมาก็ได้ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ อีกหลายครั้ง จนถึงปี พ.ศ.2523 ศอว.ศอพท. ได้รับงบประมาณให้สร้างรถเกราะ ต้นแบบคันที่ 2 อีก 1 คัน โดยใช้เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 150 แรงม้า รูปร่างใกล้เคียงกับคันแรก แต่มีขนาดใหญ่กว่าคันแรก ทาง ศอว.ศอพท. ได้ทดลองวิ่ง อยู่ประมาณ 1 ปี เป้นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ผลปรากฎว่ารถมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก ไม่สมดุลย์กับขนาดของเครื่องล่าง เกิดการชำรุด ง่ายและมีข้อบกพร่องซ่อนเร้น ไม่คาดมาก่อนหลายประการ
2. มูลเหตุที่ขอให้ดำเนินการวิจัย : ในช่วงปี พ.ศ.2522 +- 2523 นั้น การสู้รบปราบปราม ผคก. ยังอยู่ในชั้นรุนแรง ฝ่ายทหารมักจะถูก ผกค. ซุ่มโจมตี ได้รับความเสียหายอยู่เสมอ ทำให้กำลังพลและยุทโธปกรณ์ต้องได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก พล.ท.สัมผัส พาสนยงภิญโญ ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผบ.ศอว.ศอพท. อยู่ในขณะนั้น ได้มีแนวความคิดที่จะป้องกันและตอบโต้ฝ่าย ผกค. ที่คอยซุ่มโจมตีขบวนยานยนต์ของทหาร โดยการสร้างรถหุ้มเกราะขนาดเล็ก ๆ ขึ้น เพื่อเป้นการป้องกันและขวัญกำลังใจแก่ทหาร โดยขณะเคลื่อนพลด้วยยานยนต์ จากสถานการณ์และสภาพแวดล้อม ประกอบกับความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ที่ได้รับการสร้างรถเกราะ 2 คัน ต้นแบบที่ผ่านมา ศอว.ศอพท. จึงมั่นใจจะสร้างรถเกราะในแนวความคิดใหม่ขึ้นได้ และเพื่อให้มีการทดลองใช้จริงในสนามรบ โดยมุ่งหมายที่จะใช้รถตาม PILOT PROJECT ที่ปฏิบัติการจริง โดยให้หน่วยรบตามชายแดน เช่น ทหารราบใช้เป็นรถควบคุมขบวนเดินทาง หรือใช้เป็นรถเข้าปะทะทำการสู้รบโดยทันที ที่มีการชุ่มโจมตีเกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่ง เพราะ การปฏิบัติในขณะนั้น เมื่อถูกโจมตีครั้งใด ขบวนรถทุกทหารไปช่วยก็ได้ใช้รถ ขนาด 1/4 ตัน หรือ 3/4 ตัน ที่ไม่มีเกราะหุ้ม ซึ่งทำให้ฝ่ายเราได้รับอันตรายจากการซุ่มโจมตีจากฝ่าย ตรงข้ามทุกครั้ง ซึ่ง ผกค. จะรู้เสมอว่า เมื่อซุ่มโจมตีที่จุดใดแล้ว ก็จะจัดเตรียมซุ่มโจมตี ขบวนรถที่จะยกกำลังหนุนมาช่วยไว้ก่อนได้เสมอ และฝ่ายเราก็เป็นอันตรายทุกครั้ง แต่ถ้าใช้รถเกราะที่สร้างมาให้บรรทุกทหารได้คันละ 4 - 5 นาย จะสามารถเข้าช่วยฝ่ายเดียวกัน ที่ถูกซุ่มโจมตีได้แน่นอน โดยตนเองไม่ต้องถูกซุ่มโจมตีพินาศไปเสียก่อน อย่างที่เป็นอยู่เสมอ
3. ความมุ่งหมายของโครงการ : เพื่อสร้างรถเกราะคอมมานโดสเก้าท์ จำนวน 5 คัน ให้หน่วยที่ออกปราบปราม ผคก. ใช้เป็น รถลาดตระเวนตามเส้นทาง เป็นรถคุ้มครองขบวนเดินทาง ใช้เป็นรถเข้าปะทะเมื่อถูกซุ่มโจมตี นอกจากนี้ยังใช้ป้องกันจุดสำคัญ และสถานที่สำคัญ ใช้ป้องกันสนามบิน ใช้เป้นฐานยิงในลักษณะต่าง ๆ เช่น การใช้เป็นฐานยิงเคลื่อนที่เร็วในการป้องกันสถานที่สำคัญ ๆ โดยติดตั้งอาวุธให้กับรถดังกล่าว มีอำนาจการยิงที่มีประสิทธิภาพ
4. ขอบเขตการวิจัย : แบบรูป จะกำหนดให้มีขนาดเล็ก มีกำลังสูง สามารถบรรทุกทหาร พร้อมสัมภาระได้ 4 - 5 นาย
โครงสร้างรถใช้เหล็กเกราะแผ่นหนา 9.5 มม. เพื่อให้สามารถป้องกันกระสุนปืนเล็กได้
ติดตั้งอาวุธ ปก. เอ็ม 60 และ ปก.5.56 ให้กับรถ เพื่อให้มีอำนาจการยิงป้องกันตัวเอง และป้องกันผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัสดุ อุปกรณ์ ตลอดจนชิ้นส่วนที่นำมาสร้าง ต้องมีความคงทนต่อการใช้งานจัดหาง่าย และใช้ของที่ผลิตได้ในประเทศมาดำเนินการให้มากที่สุด เว้นของบางอย่างที่จำเป็นต้องจัดหาจากต่างประเทศ
ชิ้นส่วนทางแมคานิกส์ สำหรับใช้ในการสร้างที่จัดหาไม่ได้ หรือมีลักษณะพิเศษ จัดทำโดยเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคและช่างเทคนิคของ ศอว.ศอพท.
การประกอบ การสร้าง และการทดสอบ ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ ช่างเทคนิคและเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคของ ศอว.ศอพท. เว้นการทดสอบการใช้งานจากผู้ใช้นั้น ให้ ทบ. ดำเนินการ
เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ต้องง่าย สะดวกต่อการใช้งาน การส่งกำลัง และซ่อมบำรุงในอนาคต
5. ผลที่คาดว่าจะได้รับ : เมื่อดำเนินการสร้างรถเกราะคอมมานโดสเก้าท์ สำเร็จแล้ว มีผลที่คาดว่าจะได้รับ ดังนี้
หน่วยที่ออกปราบปราม ผกค. เช่น หน่วยทหารราบ จะมีรถเกราะใช้เป็นรถลาดตระเวนตามเส้นทาง รถคุ้มครองขบวนเดินทางใช้เป็นรถเคลื่อนที่เข้าจุดปะทะเมื่อถูกโจมตี และเป็นการลดอันตรายให้แก่ฝ่ายเราได้มาก เนื่องจากมีเกราะกำบัง
สามารถใช้รถเกราะฯ ป้องกันจุดหรือสถานที่สำคัญ และใช้เป็นฐานยิงที่มีเกราะกำบังในลักษณะต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้เป็นฐานยิงเคลื่อนที่เร็ว
เจ้าหน้าที่ช่างเทคนิคจะได้รับความรู้และประสบการณ์ทางเทคโนโลยี ในการสร้างรถเหกราะหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเชื่อมเหล็กเกราะซึ่งมีการเชื่อมผิดไปจากการเชื่อมเหล็กธรรมดา ซึ่งจะเป็นแนวทางในการสร้างรถเกราะชนิดอื่น ต่อไปได้
เป็นการฝึกบุคคลากร ของ ทบ. ให้มีความรู้ ความชำนาญ ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ประหยัดงบประมาณในการจัดหารถเกราะจากต่างประเทศ ซึ่งจัดหาได้ยาก และมีราคาแพง
ระยะเวลาดำเนินการ และงบประมาณที่ใช้ : ใช้ระยะวลาดำเนินการ 5 ปี (2523 - 2528) วงเงิน 8,415,767.-บาท
สรุปผลการวิจัย : มีข้อบกพร่อง ผลการวิจัยมีข้อบกพร่อง จะต้องปรับปรุงแก้ไขอีกมาก ไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ใน ราชการ
ทบ.จึงอนุมัติให้ปิดโครงการโดยเก็บตัวอย่างรถเกราะคอมมานโสเก้าท์ จำนวน 5 คัน ไว้ที่ ศอว.ศอพท. เพื่อเป็นข้อมูลในการวิจัยและพัฒนาต่อไป
คุณลักษณะเฉพาะพลประจำรถ 4 นาย น้ำหนักพร้อมรบ 7 ตัน
ความกว้าง 2,180 มม. ความยาว 5,070 มม.
ความสูงตัวรถ 1,730 มม. ความหนาเกราะ 9 มม.
อาวุธ ปก.93 ขนาด 0.50 นิ้ว (12.7 มม.)
1 กระบอก
ปก.เอ็ม 60 ขนาด 7.62 มม.
1 กระบอก
สมรรถนะ ความเร็วสูงสุดบนท้องถนน
105 กม./ชม.
อัตราไต่ลาด
60 %
ความจุเชื้อเพลิง/ระยะปฏิบัติการ
150 ลิตร/335 กม.
เครื่องยนต์ Cummins 6 สูบดีเซลแบบ 378-C 4จังหวะ 145 แรงม้า ที่ 3,000 รอบ/นาที
เครื่องเปลี่ยนความเร็ว แบบ Synchromesh
ระบบไฟตรง 24 โวลท์
ที่โพส รู้สึกน่าเสียดายเป็นการส่วนตัว ที่เมืองไทย มีบุคลากรพร้อม แต่ทุนต่ำเหลือเกิน
คิดดู Commando Scout ถูกพัฒนาขึ้นในปี 2524 เทคโนโลยี บุคลากรไทย ก็ยังไม่มากเท่าปัจจุบัน
แต่ก็ยังสามรถทำได้ขนาดนั้นแล้วแท้ๆ ในงบประมาณวิจัยเพียง 8ล้านบาท
แต่ก็อย่างว่า คงไม่พอใจพวกนักการเมืองเข้า เลยหั่นงบเล่นๆ ซื้อของต่างชาติเอา