เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 30, 2024, 08:22:45 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: Glock Full Auto Switch  (อ่าน 23896 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
NOOM 19 รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 495
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3733


อดอย่างเสือ ดีกว่าอิ่มอย่างหมา


« ตอบ #90 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2004, 01:18:26 PM »

โปรแกรม UG เป็นโปรแกรมช่วยในการออกแบบ ส่วนมาใช้ในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ เครื่องบิน อาวุธ ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมอื่นๆอีกเช่น CATIA โปรแกรมตั้วนี้ใช้ผลิตเครื่องบินรบ มิลาจ ของฝรั่งเศษมาแล้ว แต่ที่บริษัทผมซื้อมาไม่ครบทุก Module เลยไม่ได้เล่นแบบเต็มๆ เพราะถ้าซื้อครบจริงๆเป็นล้านครับ(ไม่รวมเครื่อง) แต่พันธ์ทิพย์ 150 บาท และมีอีกโปรแกรมหนึ่งที่สามารถใส่ค่าต่างๆทางวิศวกรรม เช่นคุณสมบัติต่างๆของเหล็ก ของโพลิเมอร์ และโหลดที่มากระทำ ก่อนการผลิตจริง มีโปรแกรมพวกนี้อยู่ผมสามารถผลิตปืนใหญ่ ยี่ห้อคนไทยได้เลยครับ หรือเอาปืนสั้นก็พอ .......ปืนใหญ่ต้องมีอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคเข้ามาเกี่ยวข้องผมไม่รู้เท่าไร...ส่วนการผสมเหล็กให้ดีขนาดไหนไม่มีปัญหา ....... Grin
บันทึกการเข้า

"นี้ไรเฟิลของฉัน"
"มีเหมือนกันหลายกระบอก,แต่กระบอกนี้เป็นของฉัน"
"ถ้าไม่มีไรเฟิล.ฉันก็ไม่มีอะไร"
"ถ้าไม่มีฉัน.ไรเฟิลก็ไม่มีค่าอะไร"

เสียตังค์ทำรถ ..ดีกว่าหมดกับโคโยตี
salin - รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1327
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2694



« ตอบ #91 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2004, 02:49:24 PM »

ไม่ถูกแล้วครับ กฏหมายต้องดูหลายบทด้วยนะครับเช่นมาตรา 78 55 24 ถ้าคุณมีปืนกลไว้ในครอบครอง มันต้องมีที่มาสักอย่าง หลักกฏหมายไทยเป็นหลักกล่าวหาซึ่งผู้ถูกกล่าวหาต้องหาหลักฐานมาแก้ต่าง การ "มี" (ดูนิยาม) ปืนกลคุณจะถูกสันนิษฐานว่าเป็นผู้ทำ หรือ สั่ง หรือนำเข้า คุณก็จะต้องหาหลักฐานมาแก้ต่าง
กฎหมายที่มีโทษทางอาญา  จะปรับบทแบบกำปั้นทุบดินไม่ได้นะครับ   จะต้องหาข้อกฎหมายให้ได้ว่าผิดอย่างไร  และต้องตีความอย่างเค่งครัดด้วย   จะขยายความแบบกฎหมายแพ่งไม่ได้


ผู้การกรุณาดูที่ผมตอบมาก่อนหน้าด้วยครับ ไม่อย่างนั้นจะไม่เข้าใจความหมาย เพราะเคยบอกมาแล้วว่ากฏหมายอาญาเป็นกฏหมายที่ต้องตีความโดยเคร่งครัด ถ้าเรียนกฏหมายมาก็จะรู้ว่าคำว่าเคร่งครัดหมายหมายถึงอะไร ดู ปอ.มาตรา 2 และ 3 เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

 
ส่วนที่บอกว่าผู้ถูกกล่าวหา  ต้องหาหลักฐานมาแก้ต่างให้ตัวเองพ้นผิด   อันนี้ไม่ใช่กฎหมายไทยครับ  อาจจะเป็นของแอฟริกาประเทศที่อยู่ลึก ๆ หน่อย  หรือถ้าของไทย ก็ต้องก่อนรัชกาลที่ 4
แน่ใจหรือครับ....ว่ากฏหมายไทยไม่ใช่ระบบกล่าวหา Smiley
......
แต่เรื่องอื่น ๆ  พนักงานสอบสวน กับพนักงานอัยการ  จะต้องมีหน้าที่นำสืบให้ศาลเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริง

"แต่เรื่องอื่น ๆ  พนักงานสอบสวน กับพนักงานอัยการ  จะต้องมีหน้าที่นำสืบให้ศาลเชื่อว่าจำเลยกระทำผิดจริง"

เรื่องมันไม่ใช้แค่นั้นหรอกครับ ผมยืนยันว่าเป็นระบบกล่าวหา


ป.วิ.อาญา มาตรา 2 (2) และ (11) เขียนอธิบายได้ว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจและหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน...เพื่อที่ทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดและเพื่อที่จะเอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษ
พนักงานอัยการหมายถึงเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล (นอกจากผู้เสียหาย)
วิธีพิจารณาความอาญาคือเมื่อเกิดการกระทำความผิดขึ้นพนักงานสอบสวนจะทำหน้าที่ดังกล่าวข้างต้นให้พนักงานอัการพิจารณาหลักฐานแล้วดำเนินการฟ้องว่าใครกระทำอะไรที่กฏหมายบัญญัติว่าเป็นความผิดมาตราใด ต้องระบุให้ชัดด้วย มิฉะนั้นจะเป็นฟ้องเคลือบคลุมและศาลยกฟ้องได้ เช่นฟ้องลักทัพย์และรับของโจรย่อมเป็นไปไม่ได้ จะต้องฟ้องว่าลักทรัพย์ก็ลักทรัพย์ รับของโจรก็รับของโจร อีกทั้งศาลจะพิพากษาลงโทษเกินคำฟ้องก็ไม่ได้ ดังนั้นการระบุความผิดต้องดูตามข้อเท็จจริงว่าเป็นความผิดตามมาตราใดบ้าง การกระทำความผิดบางครั้งอาจผิดข้อหาเดียว แต่บางครั้งกระทำความผิดเดียวแต่ผิดหลายบทมาตราก็ได้ซึ่งต้องฟ้องทุกข้อหา ศาลจะลงโทษในบทที่มีโทษหนักที่สุด แต่ถ้าเป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระก็ลงโทษเรียงกระทงความผิดไป เมื่อศาลรับฟ้องแล้วจะเปลี่ยนจากผู้ต้องหาตกเป็นจำเลยทันทีต้องถูกคุมขังหรืออาจมีประกัน ทัณห์บน ระบบนี้คือการกล่าวหานั่นเอง ม.174 บัญญัติให้โจทย์มีหน้าที่นำสืบพยานก่อนเสมอ เสร็จแล้วให้พยานจำเลยนำพยานเข้าสืบ จำเลยมีหน้าที่นำสืบแก้ข้อกล่าวหาไงละครับ จริงอยู่ว่าถ้าจำเลยนิ่งเฉย ป.วิ.อาญาไม่ให้สันนิษฐานว่าเป็นการยอมรับ ศาลจะใช้ดุลพินิจในการพิจารณาว่าเชื่อได้หรือไม่เอง แต่ก็โดนกล่าวหาไปแล้วนะครับ ถึงจะเข้ากระบวนการทางศาลได้ ที่ผมเขียนมาคงไม่ใช่ประเทศตอนในของอาฟริกานะหรือก่อนรัชกาลที่ 4 นะครับ  Wink
ในเรื่องบทสันนิษฐานว่าบริสุทธินั้น เป็นไปตามรัฐธรรมนูญจนกว่าศาลจะตัดสินลงโทษ ถูกต้องครับแต่ไม่ใช่ความหมายเรื่องระบบกล่าวหา เป็นเรื่องวิธิพิจารณาความอาญา การตัดสินนั้นตามมาตรา 227 ป.วิ.อาญา ให้ศาลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานทั้งปวง อย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำผิดนั้น เมื่อมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ ให้ยกประโยชน์ความสงสัยนั้นให้จำเลย
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.053 วินาที กับ 22 คำสั่ง