เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 20, 2024, 12:37:27 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าผมทำเอกสาร และภาพประกอบ เรื่องรู้ทันร้านซ่อมคอม ( ช่างช่อมคอม )  (อ่าน 5342 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #15 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 04:20:17 PM »

คิดผิดถนัด ครับพี่โรจน์ งานมือถือ ที่ทำอยู่เนี้ย บางวัน เรียกว่า"กินดิบ" ได้เลย
เทคนิค บางอย่าง แค่รู้ ก็ทำได้แล้ว ไม่ต้องถึงมือ ช่าง  แต่ทุกวันนี้ ที่ เหล่าคนใช้ เสียเงินให้กับ ช่างเพราะ คำว่า " ไม่รู้ "
ใครจะไปรู้ กด ฟอแมท เครื่อง  แค่ กด ปุ่ม 3 ปุ่ม เท่านั้น  ช่างกินกันบาน ตัวละ 150-300 บาท  ทั้งๆที่กดเองก็ได้ "ถ้ารู้"
เครื่องพี่พงษ์ มีปัญหาเรื่องปุ่ม กด วิธิแก้ไข ที่ผมเคยบอกไป ใช้ต้นทุน ไม่ถึง 3 บาท ด้วยซ้ำ แต่พี่พงษ์บอกว่า "ช่างแถวบ้าน เก็บไป 300 บาท"
คำถามคือ  ถ้าพี่พงษ์รู้ แล้วจะทำมั้ย  คำตอบก็คือ " กูทำเองก็ได้ว่ะ" จริงมั้ยพี่พงษ์  ขำก๊าก

 คอมพิวเตอร์กับมือถือ ไม่ต่างกันหรอกครับ เมื่อก่อน  เมื่อ 10กว่า ปีที่แล้ว  มีเพื่อน แนะนำให้ผม  เรียนซ่อมคอม แต่ลูกพี่ ให้ เรียนซ่อมมือถือ
ในมุมมองผม สมัยนั้น  คอมพิวเตอร์เป็น อุปกรณ์ อิเล็ก ตั้งโต๊ะ อยู่กับที่  โอกาส เสียนั้นยากมาก บวกกับ สมัยโน้น คอมพิวเตอร์ ยังไม่แพร่หลายมากนัก (กลุ่มลูกค้าน้อย)
ส่วนมือถือ ครั้งที่จับครั้งแรกเป็นโนเกีย 101(ช่วงปลาย) สมัยนั้น 30000+ และ หลังจากนั้น ราคา ก็ลดลงมาทำให้ ประชากรการใช้มือถือเพิ่มมากขึ้น
มือถือ เป็นอุปกรณ์ อีเล๊ค ที่ สามารถพกพาได้ ยิ่งสามารถ ใส่กระเป๋าได้ นั้นหมายถึงเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย  และที่สำคัญ แพร่หลายมากกว่า คอมพิวเตอร์
นี้คือ สาเหตุที่ผมเลือกมือถือ  

 ผมไม่ได้ สนใจ สินค้าสิขสิทธ์ เท่าไหร่ เพราะอะไหล่มือถือ นั้น เป็นของ เกรด แทบ ทั้งหมด ยกเว้น สั่งจากศูนย์
เช่น   พีเอ  ไมค์ ลำโพง  ไอซีชารท์  ต่างๆ  พวกนี้ ไม่มีลิขสิทธิ์ มาจับอยู่แล้ว

เทคนิคมือถือ ของช่างรุ่นเก่าเป็นอะไรที่บ้านๆ สุดๆ ซึ่งใครๆก็ทำเอง ได้  
เอาง่ายๆ


ชุดนี้เป็นชุดแกะ มือถือ  ราคา 300 บาท   ใช้ได้เต็มที่ไม่เกิน 2 เดือนเดี๋ยวก็พัง  บิ่นมั้ง งอมั้ง   สุดท้ายต้องไปซื้อใหม่  

แต่ในขณะที่ ช่างรุ่น ผม ใช้



  นี้คือ อุปกรณ์ที่ผม ใช้มาเป็น 10 ปี ถามว่า รำคาญ มั้ยตอบได้เลยครับว่า โครตรำคาญ เลย แต่ก็นะ ถึงมันจะหัก จะบิ่น  เดี๋ยวมันก็งอกใหม่

ไม่เหมือน ช่างเดี๋ยวนี้   มันโปรโมท ขายกันซะ  คุณจะใช้เล็บไม่ได้เพราะ เดี๋ยว ฉีก เดี๋ยว หัก เดี๋ยว มีผลต่อมีอายุ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ   แบร่ แบร่ แบร่ แบร่

     ข้อมูลที่ผมแนะนำไปในเวป นี้ ส่วนมากคือ เทคนิคเบื้องต้น เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงให้ไปเจอช่าง ให้น้อยที่สุด   เจอช่างเมื่อไหร่ เสียเงินเมื่อนั้น  เพราะ อุปกรณ์มันเยอะ

อุปกรณ์ เยอะ ค่าใช้จ่ายก็เกิด มากตามๆกัน ที่นี้สิ่งที่เกิด  คือ การ กั๊กข้อมูล

  ในเวปแห่งนี้ก็มีอาวัฒน์ ท่านนึง ที่คอย ป้อนข้อมูลอยู่ ก่อนพี่จะมา  ทั้งโปรแกรม ต่างๆ บอกตามตรง ผมได้จากอาวัฒน์เยอะ มาก

ทั้งโปรแกรม แปลงไฟล์ ต่างๆ   เช่น   http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=66227.0  


              สุดท้าย สิ่งที่บอกมาทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่ที่พี่โรจน์จะพิจารณา   ผมไม่สามารถ ชี้แนะอะไรได้มากกว่านี้    
                                                      
                                                                          ด้วยความเคารพ                    
                                                                         Cheesy Cheesy Cheesy                

ร้านที่ผมอยู่ 7 ปี ยอดขายมือถือ อันดับ 5 ของประเทศครับ  แต่ก่อน จูนเครื่องใช้กันเองครับ

ตั้งแต่ 470 โน่น กิกิ ผม ผ่านงานมือถือมาก่อนแต่ไม่ชอบ ครับ แก้ ทุกอย่างกันเอง

เพราะทุกเดือน จะมี ช่าง จากศูนย์ของแต่ละยี่ห้อ มาที่ร้านเปิดศูนย์ย่อยด้วย

ความรู้ที่ได้ โปรแกรมที่ใช้แก้มาจากศูนย์ครับ บัง กิกิ
บันทึกการเข้า
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 04:22:03 PM »



เขียน Blog ครับ

เวปผมที่นี่เลยครับ

แต่ที่แรง ๆยังไม่ให้ใครเห็นหรืออ่่านครับ 

http://vr2800.com
บันทึกการเข้า
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #17 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 04:30:58 PM »

อืม นึกออกแล้ว เปลี่ยนแนวทางที่รุ่นแรงเป็นแนวทางที่แนะนำดีกว่า

เหมือนที่นี่ที่ผมกำลัง ศึกษาอยู่ครับ

http://www.ifixit.com/Guide/Installing-iPad-Wi-Fi-Ambient-Light-Sensor/2208/1
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #18 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 05:08:10 PM »

เรียนช่างโรจน์ และช่างอาบังฯ... เคยคุยกับสำนักพิมพ์แล้วหรือยังครับ, น่าจะคุยกับสำนักพิมพ์ท้องถิ่นก่อน หรือโรงพิมพ์ของวิทยาลัยฯ มหาลัยในท้องถิ่น ขอให้เขาพิมพ์ขาย...

หากสำนักพิมพ์ เห็นช่องทางการตลาด เขาจะพิมพ์ให้ครับ... ข้อดีของการทำเป็นหนังสือฯ คือคนเขียนได้เครดิต(นอกเหนือจากค่าลิขสิทธิ์) สำหรับเป็นช่องทางต่อยอดได้ เช่นเครดิตความน่าเชื่อถือในการประมูลงานต่างๆ...
บันทึกการเข้า
ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #19 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 05:12:47 PM »

ผมรู้จักสำนักพิมพ์เล็กๆสนใจมะครับ Grin Grin
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #20 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 05:18:54 PM »

เรียนช่างโรจน์ และช่างอาบังฯ... เคยคุยกับสำนักพิมพ์แล้วหรือยังครับ, น่าจะคุยกับสำนักพิมพ์ท้องถิ่นก่อน หรือโรงพิมพ์ของวิทยาลัยฯ มหาลัยในท้องถิ่น ขอให้เขาพิมพ์ขาย...

หากสำนักพิมพ์ เห็นช่องทางการตลาด เขาจะพิมพ์ให้ครับ... ข้อดีของการทำเป็นหนังสือฯ คือคนเขียนได้เครดิต(นอกเหนือจากค่าลิขสิทธิ์) สำหรับเป็นช่องทางต่อยอดได้ เช่นเครดิตความน่าเชื่อถือในการประมูลงานต่างๆ...

ผมรู้จักสำนักพิมพ์เล็กๆสนใจมะครับ Grin Grin

ขอบคุณครับ น่าสนใจ
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #21 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 05:25:13 PM »

สมมติว่าได้พิมพ์เป็นหนังสือนะครับ... เวลาประมูลงานฯ คนอื่นเขายื่นนามบัตรแนะนำตัวเอง, แต่ช่างโรจน์จะบอกว่าผมไม่มีนามบัตร แต่แจกหนังสือหนึ่งเล่มแนะนำตัวครับ...

เท่ห์ออก... เย้...
บันทึกการเข้า
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #22 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 05:27:37 PM »

อ่านให้จบนะครับ แล้วจะรู้ว่าทำไมเดี๋ยวก็ยกเข้าร้าน ยกไปก็ไม่หายสักที เปลี่ยนมาไม่รู้กี่ร้านแล้ว

เพราะโดยทั่วไปร้านจะชี้ให้เห็นถึงอาการเสียที่เกิด จาก โปรแกรม ( Software ) มากกว่า แต่ จริงๆ แล้ว

ผม เน้นที่จะดู ในเรื่องของ ตัวเครื่อง ( Hardware ) เพราะมันคือสาเหตุจริงที่ทำให้เครื่องเสีย และต้องเสียเงินมากมาย

ดูตัวอย่างที่มีภาพประกอบ แบบ ชัด เกี่ยวกับภายในเครื่องได้ที่นี่

มีทั้งหมด 5 หน้านะครับ เยอะนิดแต่มีประโยชน์ครับ

Power supply สิ่งที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ เสียแล้วเสียเงินเยอะมากนะครับ

เป็นมุมมองเรื่องจริงที่ไม่มีร้านใหนกล้าเปิดเผยข้อมูล เพราะ เป็นจุดที่ทำให้เครื่องเสียไวที่สุด และได้เงินดีมาก

เพราะอุปกรณ์ที่เสียตามมา อาจไม่ใช่ Power supply อย่างเดียว อาจจะเป็น Harddisk Mainboard Ram Cpu

หรือพูดสั้นๆ ง่ายๆ ทุกชิ้นนั้นแหละครับ ที่ต้องการไฟฟ้าจาก เจ้า Power Supplyตัวนี้ เพราะ ถ้าไฟไม่พอ

อะไร ๆ ก็จะทำงานรวน มั่ว ไปหมด ต้องหมั่นดูแลทำความสะอาดนะครับ แล้วคอมพิวเตอร์ จะมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวครับ

นี่ครับถ้าเปลี่ยนคำพูดไปแนวทางที่ดี ผม ว่ามันน่าจะไปได้สวย อ่านเพิ่มเติมได้ที่เวปผมครับ
บันทึกการเข้า
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #23 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 05:29:22 PM »

สมมติว่าได้พิมพ์เป็นหนังสือนะครับ... เวลาประมูลงานฯ คนอื่นเขายื่นนามบัตรแนะนำตัวเอง, แต่ช่างโรจน์จะบอกว่าผมไม่มีนามบัตร แต่แจกหนังสือหนึ่งเล่มแนะนำตัวครับ...

เท่ห์ออก... เย้...

สุดยอดเลยครับ น้า ผมว่าจะค่อยเปลี่ยนคำพูดให้ดีแล้วทำตามแนวความคิดพี่ ผมว่าเท่จริงๆ นะครับ

+10 ครับ ค่อยๆ +
บันทึกการเข้า
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #24 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 05:34:29 PM »

คิดผิดถนัด ครับพี่โรจน์ งานมือถือ ที่ทำอยู่เนี้ย บางวัน เรียกว่า"กินดิบ" ได้เลย
เทคนิค บางอย่าง แค่รู้ ก็ทำได้แล้ว ไม่ต้องถึงมือ ช่าง  แต่ทุกวันนี้ ที่ เหล่าคนใช้ เสียเงินให้กับ ช่างเพราะ คำว่า " ไม่รู้ "
ใครจะไปรู้ กด ฟอแมท เครื่อง  แค่ กด ปุ่ม 3 ปุ่ม เท่านั้น  ช่างกินกันบาน ตัวละ 150-300 บาท  ทั้งๆที่กดเองก็ได้ "ถ้ารู้"
เครื่องพี่พงษ์ มีปัญหาเรื่องปุ่ม กด วิธิแก้ไข ที่ผมเคยบอกไป ใช้ต้นทุน ไม่ถึง 3 บาท ด้วยซ้ำ แต่พี่พงษ์บอกว่า "ช่างแถวบ้าน เก็บไป 300 บาท"
คำถามคือ  ถ้าพี่พงษ์รู้ แล้วจะทำมั้ย  คำตอบก็คือ " กูทำเองก็ได้ว่ะ" จริงมั้ยพี่พงษ์  ขำก๊าก

 คอมพิวเตอร์กับมือถือ ไม่ต่างกันหรอกครับ เมื่อก่อน  เมื่อ 10กว่า ปีที่แล้ว  มีเพื่อน แนะนำให้ผม  เรียนซ่อมคอม แต่ลูกพี่ ให้ เรียนซ่อมมือถือ
ในมุมมองผม สมัยนั้น  คอมพิวเตอร์เป็น อุปกรณ์ อิเล็ก ตั้งโต๊ะ อยู่กับที่  โอกาส เสียนั้นยากมาก บวกกับ สมัยโน้น คอมพิวเตอร์ ยังไม่แพร่หลายมากนัก (กลุ่มลูกค้าน้อย)
ส่วนมือถือ ครั้งที่จับครั้งแรกเป็นโนเกีย 101(ช่วงปลาย) สมัยนั้น 30000+ และ หลังจากนั้น ราคา ก็ลดลงมาทำให้ ประชากรการใช้มือถือเพิ่มมากขึ้น
มือถือ เป็นอุปกรณ์ อีเล๊ค ที่ สามารถพกพาได้ ยิ่งสามารถ ใส่กระเป๋าได้ นั้นหมายถึงเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย  และที่สำคัญ แพร่หลายมากกว่า คอมพิวเตอร์
นี้คือ สาเหตุที่ผมเลือกมือถือ 

 ผมไม่ได้ สนใจ สินค้าสิขสิทธ์ เท่าไหร่ เพราะอะไหล่มือถือ นั้น เป็นของ เกรด แทบ ทั้งหมด ยกเว้น สั่งจากศูนย์
เช่น   พีเอ  ไมค์ ลำโพง  ไอซีชารท์  ต่างๆ  พวกนี้ ไม่มีลิขสิทธิ์ มาจับอยู่แล้ว

เทคนิคมือถือ ของช่างรุ่นเก่าเป็นอะไรที่บ้านๆ สุดๆ ซึ่งใครๆก็ทำเอง ได้ 
เอาง่ายๆ


ชุดนี้เป็นชุดแกะ มือถือ  ราคา 300 บาท   ใช้ได้เต็มที่ไม่เกิน 2 เดือนเดี๋ยวก็พัง  บิ่นมั้ง งอมั้ง   สุดท้ายต้องไปซื้อใหม่ 

แต่ในขณะที่ ช่างรุ่น ผม ใช้



  นี้คือ อุปกรณ์ที่ผม ใช้มาเป็น 10 ปี ถามว่า รำคาญ มั้ยตอบได้เลยครับว่า โครตรำคาญ เลย แต่ก็นะ ถึงมันจะหัก จะบิ่น  เดี๋ยวมันก็งอกใหม่

ไม่เหมือน ช่างเดี๋ยวนี้   มันโปรโมท ขายกันซะ  คุณจะใช้เล็บไม่ได้เพราะ เดี๋ยว ฉีก เดี๋ยว หัก เดี๋ยว มีผลต่อมีอายุ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆ   แบร่ แบร่ แบร่ แบร่

     ข้อมูลที่ผมแนะนำไปในเวป นี้ ส่วนมากคือ เทคนิคเบื้องต้น เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงให้ไปเจอช่าง ให้น้อยที่สุด   เจอช่างเมื่อไหร่ เสียเงินเมื่อนั้น  เพราะ อุปกรณ์มันเยอะ

อุปกรณ์ เยอะ ค่าใช้จ่ายก็เกิด มากตามๆกัน ที่นี้สิ่งที่เกิด  คือ การ กั๊กข้อมูล

  ในเวปแห่งนี้ก็มีอาวัฒน์ ท่านนึง ที่คอย ป้อนข้อมูลอยู่ ก่อนพี่จะมา  ทั้งโปรแกรม ต่างๆ บอกตามตรง ผมได้จากอาวัฒน์เยอะ มาก

ทั้งโปรแกรม แปลงไฟล์ ต่างๆ   เช่น   http://www.gunsandgames.com/smf/index.php?topic=66227.0 


              สุดท้าย สิ่งที่บอกมาทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่ที่พี่โรจน์จะพิจารณา   ผมไม่สามารถ ชี้แนะอะไรได้มากกว่านี้     
                                                       
                                                                          ด้วยความเคารพ                   
                                                                         Cheesy Cheesy Cheesy               

ผม ก็ใช้เล็บครับ แกะ โนตบุค อุปกรณ์ไม่เสียหายด้วย ดีกว่าพวกใช้เครื่องมือ ไม่เป็นไม่รู้น้ำหนัก หัก หมดครับ
บันทึกการเข้า
อนัตตา
หนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์ สุขเพียงใดก็ไม่พลั้ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1616
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8201


เมื่อเจ้ายืนอยู่บนยอดภูผา อย่าลืมว่าเจ้ามาจากที่ใด


« ตอบ #25 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 05:55:43 PM »

เรื่องหนังสือ ฯ ถ้าพิมพ์แล้วเฉพาะในเวปนี้คงได้หลายเล่มแล้วครับ  Grin
บันทึกการเข้า

ขุนช้าง-รักในหลวงและสมเด็จพระเทพ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1183
ออฟไลน์

กระทู้: 12698



เว็บไซต์
« ตอบ #26 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 05:56:27 PM »

จะคุ้มต้นทุนเปล่าอีกเรื่องนะครับ Grin Grin
บันทึกการเข้า

คนโง่ มันทำไม่คิด แต่คนชั่ว มันคิดแล้วจึงทำ จึงเรียกว่า คิดชั่ว //by อ.เหลือง

เกิดเป็นคน ทำดีได้ง่ายกว่าเดรัจฉานตั้งเยอะ แล้วมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำความดี
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #27 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 06:36:00 PM »

จะคุ้มต้นทุนเปล่าอีกเรื่องนะครับ Grin Grin

มีกำหนดพิมพ์ขั้นต่ำด้วยนี่ครับ  แต่ไม่รู้กี่เล่มนะ   Grin
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #28 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 07:12:43 PM »

มันก็ได้หลายหน้าอยู่ครับ เพราะพูดถึง สาเหตุ ต่างๆ ของแต่ละ อย่าง แต่ละจุด ครับ แต่ไม่คุ้มต้นทุนแน่นอนครับ
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #29 เมื่อ: กันยายน 20, 2011, 09:25:47 PM »

จะคุ้มต้นทุนเปล่าอีกเรื่องนะครับ Grin Grin

มีกำหนดพิมพ์ขั้นต่ำด้วยนี่ครับ  แต่ไม่รู้กี่เล่มนะ   Grin

มันก็ได้หลายหน้าอยู่ครับ เพราะพูดถึง สาเหตุ ต่างๆ ของแต่ละ อย่าง แต่ละจุด ครับ แต่ไม่คุ้มต้นทุนแน่นอนครับ

นายสมชายพอมีประสบการณ์ตรงเรื่องแต่งตำราขายอยู่บ้างครับ... โดยปรกติหน้าใหม่ ทางสำนักพิมพ์จะทำหนังสือเล่มเล็กให้ก่อน เพื่อดูตลาด, มักเป็นเล่มราคาไม่เกิน 200 บาท ผู้แต่งได้ประมาณ 12 - 15 เปอร์เซ็นต์จากราคาขาย จำนวนพิมพ์ครั้งแรกประมาณ 3000 เล่ม, จะได้เงินประมาณ 7 หมื่นกว่าบาทครับ...

เงินจำนวนนี้หากเขียนหนังสือได้รวดเร็วจะใช้เวลาประมาณ 4 - 6 สัปดาห์, ดังนั้นรายได้ไม่น้อยเลย หากสามารถเขียนให้ผู้อ่านติด และสามารถปั๊มหนังสือออกได้เป็นระยะ... แต่ปัญหาก็คือคิดพล็อตยากครับ คิดเสร็จแล้วเขียนไปได้สองสามเล่มมักตันคิดไม่ออก ต้องเปลี่ยนแนว และก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนตันอีก...

นอกจากนี้ปัญหาของอุตสาหกรรมหนังสือเองคือผู้คนเริ่มอ่านหนังสือเสียเงินน้อยลง เพราะเขาไปอ่านของฟรีบนเว็บได้ง่ายกว่า(เช่นอ่านบล็อกหรือเว็บบอร์ด), ดังนั้นการเขียนหนังสือจะเหมาะสำหรับเอาไว้"แนะนำตัวแทนนามบัตร"เพื่อหากินจากอย่างอื่นต่อยอดขึ้นไปครับ... สำหรับเรื่องการเปลี่ยนคำพูด หรือสำนวนนั้นเป็นเรื่องไม่ยาก เพราะเขียนไปแก้ไป ในที่สุดมันจะเข้าท่า+อ่านลื่นเองครับ...

ปัญหาของช่างโรจน์เองคือต้องหาวิธีให้สำนักพิมพ์เชื่อมั่นว่าพิมพ์ขายแล้วจะขายได้หมดตามยอดที่พิมพ์(ประมาณ 3000 เล่ม)... เช่นอาจต้องสำรวจว่าในร้านหนังสือมีหนังสือแนวเดียวกันกี่เล่มแล้ว ใครเป็นคนแต่ง ยอดขายได้ประมาณกี่เล่ม และตลาดกลุ่มเป้าหมายมีประมาณกี่คน มีวิธีคิดอย่างไร, เพราะบางทีสำนักพิมพ์เล็กๆอาจไม่มีข้อมูลการตลาด...

ดังนั้นวิธีเริ่มต้น ต้องคุยกับสำนักพิมพ์ก่อนครับ, หากเขาเห็นว่าเข้าท่า เขาจะขอสารบัญ(เค้าโครง)+ขอดูสำนวนฯ ฯลฯ...
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.06 วินาที กับ 22 คำสั่ง