เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
เมษายน 24, 2025, 05:12:01 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เสี่ยตันเยี่ยมไปเลยครับ>>หน้า2 เสี่ยตันมอบเงินทุกบาทจากหนังสือฯช่วยเหยื่อน้ำท่วม  (อ่าน 4352 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 07:16:34 PM »

เคยดูรายการ......คุณตันบอก ว่าธุรกิจหลังๆจากที่ขายกิจการ"โออิชิ"ให้กลุ่มเบียร์ช้างของเสี่ยเจริญไป ธุรกิจที่ทำใหม่ๆจะเน้นเอากำไรให้การกุศล  เยี่ยม




เปิดดูรายชื่อ"บิ๊กเนมใจบุญ"บริจาคน้ำท่วม เฉียด 400 ล้านแล้วจ้า เศรษฐีฟอร์บส์ ไม่พลาด!

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน   นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เขียนข้อความผ่าน Facebook  มีใจความว่า
 
“ขอขอบคุณคนไทยทั้งประเทศ เพื่อมารวมพลังบอกพี่น้องทั้ง 44 จังหวัด ว่าเรามีความรักห่วงใย เป็นกำลังใจให้ผู้ประสบภัยและให้ทุกคนเข้มแข็งต่อสู้ต่อไปได้ ในนามรัฐบาลขอขอบคุณทุกภาคส่วน ในการรวมพลังครั้งนี้ และน้ำใจคนไทยเกือบ 400 ล้านบาทนี้ จะถึงมือพี่น้องผู้ประสบภัยแน่นอนค่ะ”

 

 

หลังจากรัฐบาลได้จัดงาน "รวมพลังไทย ช่วยภัยน้ำท่วม"  บริจาคเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย  เพียงไม่นานก็ได้เงินเกือบ 400 ล้านบาท

 

ถามกันว่า เงินบริจาค 400 ล้านมาจากไหนบ้าง   มติชนออนไลน์ มีคำตอบ ....

 

"ตัน ภาสกรนที" ในนามมูลนิธิ ตันปัน   บริจาคเป็นจำนวนเงิน 40 ล้านบาท

 

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)  หรือ ซีพี  ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน  30 ล้านบาท

 

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจฯ  ของเสี่ยเจริญและคุณหญิงวรรณา  สิริวัฒนภักดี  ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 30 ล้านบาท

 

บริษัท ปตท.  จำกัด(มหาชน) ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน  20 ล้านบาท

 

"กระทรวงคมนาคม" ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท

 

"กระทรวงอุตสากรรม" ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 9,999,999 บาท    

 

"การไฟฟ้าฝ่ายผลิต" (กฟผ.) ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 6,000,000 บาท

 

กลุ่ม "นักธุรกิจไทยจีน" ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 6,000,000 บาท บริจาคโดย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ลูกพี่ลูกน้องของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร

 

ประธานกรรมการ "กลุ่มอินทัช" หรือ ชินคอร์ป (เดิม)ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 5,000,000บาท

 

"ตลาดหลักทรัพย์" ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 4,000,000 บาท

 

"กระทรวงแรงงาน" ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 3,365,179 บาท

 

"กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 3,000,000 บาท

 

"สถาบันวิทยาการตลาดทุน" รุ่น 12 ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร่วมเรียนด้วย ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 2,345,000 บาท

 

"กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร" ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 2,045,000 บาท บริจาคโดย                                      
 

บริษัท กสท โทรคมนาคม(มหาชน)และพันธมิตร

 

บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี "โฮลดิ้ง" ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 2,000,000 บาท

 

บริษัท โตโยต้า ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 2,000,000 บาท

 

บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด(มหาชน) ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 2,000,000 บาท

 

บริษัท เอสซีแอสเซท คอร์ปเปเรชั่น(มหาชน) บริษัทที่นายกฯยิ่งลักษณ์ เคยนั่งเป็นเบอร์ 1  บริจาคเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท

 

บริษัท จี เอ็ม เอ็ม แกรมมี่ จำกัด(มหาชน) ของอากู๋  ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท

 

บริษัท อาร์เอส จำกัด(มหาชน) ของเฮียฮ้อ นายสุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ ได้บริจาค 1,000,000 บาท

 

บริษัท กระเบื้องโอฬาร ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท

 

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล  ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท

 

กลุ่ม "เซ็นทรัล" ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท

 

"การบินไทย" ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน  1,000,000 บาท

 

"เทสโก้โลตัส" ยักษ์ค้าปลีกรายใหญ่ สัญชาติอังกฤษได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท

 

บริษัท "มิสทีน" ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท

 

"พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ และครอบครัว ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท

 

"ธงไชย แมคอินไตย์" นักร้องยอดนิยมตลอดกาล  ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท

 

ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี บริจาคเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท

 

บริษัท "โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์" จำกัด (มหาชน) ได้บริจาคเป็นจำนวนเงิน 100,000 บาท


รายชื่อทั้งหมด เป็นเพียงบางส่วน ยังมีผู้ใจบุญอีกเป็นจำนวนมาก ที่ไม่ปรากฏชื่อ  

 

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่า รายชื่อนักธุรกิจส่วนใหญ่ที่ร่วมบริจาค  ติดอันดับมหาเศรษฐีจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์
 

แต่กระนั้นก็ยังมีอีกหลายตระกูลธุรกิจที่ไม่ปรากฎชื่อ !!!
..........................
เชิญร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย


ผู้ใดประสงค์ บริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ร่วมบริจาคเงินได้ที่บัญชี "กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี" บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บัญชีเลขที่ 067 – 0 - 06895 - 0 โดยผู้บริจาคที่โอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าว ให้นำใบนำฝาก หรือ pay - in ที่ได้รับจากธนาคาร พร้อมทั้งระบุชื่อ – สกุล ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ส่งโทรสารให้กับกองคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่โทรสารหมายเลข 02-2825296 เพื่อจะได้ออกใบเสร็จรับเงิน นำไปเป็นค่าลดหย่อนภาษีเงินได้ต่อไป

 

 

เรื่อง ศรางกูล พูลทวี


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1316433367&grpid=&catid=02&subcatid=0202
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 15, 2011, 10:36:04 AM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 07:21:13 PM »

เห็นที่ต้องกินโอเอชิ บ่อยๆซะแล้ว  เยี่ยม
+1ให้พี่เบิ้ม ผู้นำเสนอข้อมูลครับ ไหว้
บันทึกการเข้า
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 07:22:21 PM »

ใจดีจังคุณตัน

บริษัทแกอยู่ตึกเดียวกะบริษัทผมเนี่ย
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
tum610
sorry i'm happy
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7385
ออฟไลน์

กระทู้: 68526


ความตาย อยู่ที่ปลายจมูก


« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 07:24:12 PM »

ใจดีจังคุณตัน

บริษัทแกอยู่ตึกเดียวกะบริษัทผมเนี่ย

น้าดุนไม่บริจาคให้ไทยคมมั่งเหรอครับ... กุศลแรงนะ... คิก คิก คิก คิก
บันทึกการเข้า

เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 07:25:07 PM »

เห็นที่ต้องกินโอเอชิ บ่อยๆซะแล้ว  เยี่ยม
+1ให้พี่เบิ้ม ผู้นำเสนอข้อมูลครับ ไหว้

แกขายกิจการโออิชิไปแล้วครับ เนื้อๆ 3,300ล้าน  Cheesy

แต่ทราบว่าแกทำหลายอย่างครับ ธุรกิจที่ดินก็ทำ รายใหญ่เสียด้วย เก่งจริงๆ จากคนไม่มีอะไร ใครอ่านประวัติแกต้องทึ่งครับ จากเปิดแผงเล็กขายนสพ.ในบขส. วิ่งขายในรถทัวร์ จนมาทำธุรกิจเวดดิ้ง,อาหารญี่ปุ่นโออิชิ,และที่ทำให้รวยเป็นพันๆล้านจากชาเขียว  เยี่ยม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2011, 07:32:08 PM โดย เบิ้ม » บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 07:29:20 PM »

ใจดีจังคุณตัน

บริษัทแกอยู่ตึกเดียวกะบริษัทผมเนี่ย

น้าดุนไม่บริจาคให้ไทยคมมั่งเหรอครับ... กุศลแรงนะ... คิก คิก คิก คิก

แรงบาปน่ะไม่ว่า ทุกคนจ่ายค่าใช้สัญญาญให้ชินไปเท่าไหร่แล้ว คิก คิก คิก คิก

ฟ้าเป็นของชิน ดินเป็นของซีพี

รวยเป็นเท่าไหร่แล้ว ชิน ของเค้าน่ะ อย่าเอาขนห่านไปแปะหนังช้างเลย บู่
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 07:33:19 PM »

เห็นที่ต้องกินโอเอชิ บ่อยๆซะแล้ว  เยี่ยม
+1ให้พี่เบิ้ม ผู้นำเสนอข้อมูลครับ ไหว้

แกขายกิจการโออิชิไปแล้วครับ เนื้อๆ3พันล้าน  Cheesy

แต่ทราบว่าแกทำหลายอย่างครับ ธุรกิจที่ดินก็ทำ รายใหญ่เสียด้วย เก่งจริงๆ จากคนไม่มีอะไร ใครอ่านประวัติแกต้องทึ่งครับ จากเปิดแผงเล็กขายนสพ.ในบขส. วิ่งขายในรถทัวร์ จนมาทำธุรกิจเวดดิ้ง,อาหารญี่ปุ่นโออิชิ,และที่ทำให้รวยเป็นพันๆล้านจากชาเขียว  เยี่ยม

  อ๋อครับ  งั้น ต้อง อุดหนุน "แซ๊บอีลี้" ของลูกสาว  แทนครับ   Grin ไหว้

http://www.restauranthit.com/2011/05/zaab-eli.html
บันทึกการเข้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 07:35:25 PM »

เรื่องราวหลังจากคุณตันขายกิจการโออิชิครับ  ยาวหน่อย อ่านประดับความรู้ครับ  อย่าให้เค้าว่าคนไทยอ่านหนังสือปีละไม่กี่บรรทัด  คิก คิก



Cover Story : การต่อสู้ครั้งสุดท้าย ของ ตัน ภาสกรนที (Marketeer/ส.ค./51)

 

Cover Story



การต่อสู้ครั้งสุดท้าย ของ ตัน  ภาสกรนที



                         



            ตัน ภาสกรนที  ผู้เปลี่ยนจาก “เจ้าของ” มาเป็น “ลูกจ้างหมายเลข1” ในโออิชิ กรุ๊ปของเจริญ สิริวัฒนภักดี เอาเงินทุกบาททุกสตางค์จากการขายหุ้นจำนวนประมาณ 3,300ล้านบาทไปลงทุนทางด้านเรียลเอสเตททั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเพื่อ  และที่สุดแห่งความท้าทายครั้งใหม่คืออภิมหึมมหาโปรเจ็กต์มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ในทำเลทองของกรุงเทพฯ



             เป็นฉากชีวิตที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งของเขา และจุดจบของเรื่องจะลงเอยอย่างไร ยังไม่มีใครรู้ แต่ จะเป็นตำนานอีกครั้งของเจ้าพ่อชาเขียวโออิชิ นักมาร์เก็ตติ้ง ไร้ปริญญาที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของยุคนี้ 



                         



   “จะไปดูแบบโครงการตรงเพลินจิตไหมล่ะ เสร็จเรียบร้อยแล้วนะมันสวยมากจริงๆวาง อยู่หลังรถผมนี่เอง” ตัน ภาสกรน กรรมการผู้จัดการบริษัทโออิชิ จำกัด (มหาชน)เอ่ยกับ Marketeer  เพื่อย้ำให้เห็นว่าบิ๊กโปรเจ็กต์ของเขาในทำเลที่บอกว่ายิ่งกว่าไพรม์แอเรียนั้น เสร็จเรียบร้อยแล้วจริงๆ   แต่เมื่อบอกว่าขอถ่ายรูปด้วยนะ เขาก็บอกอย่างอารมณ์ดีว่า ยังไม่ได้ เพราะมีบางส่วนต้องแก้ไข



การได้เป็นเจ้าของธุรกิจของโออิชิ กรุ๊ป และเป็นผู้ปลุกกระแสตลาดชาเขียวให้เกิดขึ้นในเมืองไทยอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนแม้แต่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ในตลาดเครื่องดื่มที่อยู่ในวงการนี้มาหลายปี คือชีวิตในภาคแรกที่เขาประสบความสำเร็จไปแล้ว



 เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ต่อไปคือการเป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ดีและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย เขาบอกว่าโชคดีที่เขาได้ที่ดินแปลงนี้มา และมั่นใจว่าสามารถที่จะต่อยอดเม็ดเงินที่มีให้งอกเงยต่อไปได้



                  “ผมยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่นะ มันอาจจะจบลงตรงที่ผมประสบความสำเร็จในชีวิตอีกครั้ง หรืออาจจบด้วยการสร้างตึกค้างคาเอาไว้ก็ได้ แต่มันเป็นความท้าทายครั้งใหม่ว่าเงินที่ขายหุ้นได้รวมทั้งเงินปันผลในมือทั้งของใหม่และของเก่า ผมเอาไปทำธุรกิจอะไรต่อ และสุดท้ายธุรกิจนั้นจะเป็นอย่างไร  ”



                ตันเอ่ยอย่าง อารมณ์ดี เป็นการทุ่มสุดตัวครั้งใหญ่ของชีวิต โดยเขามั่นใจว่าถ้ามีข้อมูลในการทำธุรกิจที่รอบคอบ  มีหุ้นส่วนในการทำธุรกิจที่ดี  มีทีมงานมืออาชีพในการบริหารจัดการ และมีที่ดินในโลเกชั่นที่ยอดเยี่ยมของกรุงเทพฯซึ่งหาไม่ได้อีกแล้วๆทำไมจะไม่ยอม “เสี่ยง” 



                และที่สำคัญมันคือความท้าทายครั้งใหม่ที่จะสร้างแรงขับดันทางความคิดที่มีพลังให้คนอย่างเขาอีกครั้ง 



งานใหม่ ขายพื้นที่ตารางเมตรละแสนกว่าบาท ต้องสนุกกว่าการทำธุรกิจเครื่องดื่ม ขวดละ 20-25 บาท หรือขายอาหารมื้อละ200-500บาทต่อคนอย่างแน่นอน



 



 นาทีเปลี่ยนชีวิต มั่นใจในทำเลมังกร



  เมื่อ คำว่า “เจ้าของ” ถูกเปลี่ยน เป็น “ลูกจ้าง” ที่มีหุ้นอยู่เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ กับเงิน3,300 ล้านบาท ที่ได้จากการขายหุ้นเขาเอาเงินทั้งหมดไปลงทุนในเรื่อง การซื้อที่ดินทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด



                “ซื้อที่ดินหมดเกลี้ยงเลยครับไม่มีเงินเหลือเลยผมเป็นคนที่ไม่ชอบถือเงินสด และมีความเชื่อว่าเงินสดถือไว้แล้วมันเล็กลง แล้วเป็นอย่างนั้นจริงๆนะเพราะถ้าผมถือเงินสดเดี๋ยวนี้ก็ซื้อที่ดินได้นิดเดียว”



                 หลายคนไม่รู้ว่าในวันที่กำลังคร่ำเคร่งกับการวางกลยุทธ์ การตลาดของเครื่องดื่มและอาหารในกลุ่มโออิชิ  เขายังเจียดเวลาส่วนหนึ่งไปหาซื้อที่ดิน และทำโครงการในต่างจังหวัดด้วย



หลายโครงการที่กำลังพัฒนาอยู่เช่น Monky Mall ในจังหวัด ลพบุรี โครงการบูทีคโฮเต็ล ที่ปราณบุรี และโครงการเซอร์วิส อพาร์ทเม้นต์ที่หาดบางแสน ชลบุรี ( อ่านรายละเอียดใน เรื่อง “ โครงการอสังหาฯในมือตัน”)



แต่สำหรับ 2โครงการใหญ่ที่เขาบอกว่าสำคัญที่สุดในชีวิต และเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิต จากนี้ไปคือโครงการที่ทองหล่อ และ บนถนนเพลินจิต ซึ่งมูลค่าในการลงทุน2โปรเจ็คนี้ประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท



ตันไปซื้อที่ดิในทองหล่อซอย 10 ใกล้ๆกับร้านอาหารโอออิชิ ไว้ 12 ไร่  ในราคาประมาณ 1,000ล้านบาท แผนการที่เขาวาดฝันไว้ก็คือตรงนั้นจะมีทั้งคอนโดมีเนียม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์และห้างสรรพสินค้า โดยโฟกัสไปยังลูกค้าระดับไฮเอ็นด์ ใช้งบประมาณ ในการลงทุนไม่น่าต่ำกว่า7,000ล้านบาท ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาโครงการนี้อยู่ในระหว่างการทำแบบและเคลียร์พื้นที่ เขายืนยันว่าได้ผู้ร่วมทุนที่เซ็นสัญญาเบื้องต้นกันเรียบร้อยแล้ว         



ส่วนที่ดินแปลงที่แพงที่สุด  อยู่ตรงบริเวณสี่แยกเพลินจิตซึ่งปัจจุบันยังเป็นที่ดินว่างเปล่าประมาณ10ไร่ติดกับอาคารเวฟเพลส ของค่ายแลนด์แอนด์เฮ้าส์  ตันมั่นใจว่าที่ดินตรงนี้ยิ่งนานวันเข้าจะเป็นยิ่งกว่าการเป็นไพร์มแอเรียเพราะ 1.อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิต ที่สามารถต่อเชื่อมเข้าโครงการได้เลย 2.ในที่ดินฝั่งตรงข้ามซึ่งเคยเป็นตึกแถวประมาณ 20ห้องปากทางเข้าถนนวิทยุตรงไปยังโรงแรมพลาซ่าแอทธินี่ บริษัทในเครือของเจริญ สิริวัฒนภักดี กำลังทุบทิ้งเพื่อก่อสร้างโรงแรม อาคารสำนักงานและ เซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ ที่หรูหรา จับกลุ่มลูกค้าระดับบน(อ่านรายละเอียดในเรื่องไพร์มแอเรีย ที่ไม่มีวันตาย) และยังพยายามหาทางเชื่อมต่อที่ดินกับตัวโรงแรมพลาซ่าแอธินี่ และพลาซ่าเรสิเด้นท์ที่อยู่ด้านหลังอีกด้วย   



3. อยู่ใกล้กับที่ดินจำนวน10ไร่ของสถานทูตอังกฤษ ที่ทางกลุ่มเซ็นทรัล ประมูลได้ไป และกำลังเตรียมพัฒนาเป็นโรงแรม และอาคารสำนักงานระดับไฮเอ็นด์เช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อ3 โครงการยักษ์ แห่งนี้พัฒนาเสร็จเมื่อไรบริเวณนี้ก็จะกลายเป็นแลนด์มาร์ก แห่งใหม่ของเมืองไทย และของเอเชียทันที



                ตันบอกว่าเขาโชคดีที่ซื้อที่ดินแปลงนี้ได้ในราคาที่ถูกกว่าเซ็นทรัลมาก  เพราะได้มา ก่อนที่ทางกลุ่มเซ็นทรัลจะประมูลที่ดินแปลงของสถานทูตอังกฤษที่อยู่ ใกล้กันเพียง 3เดือนโดยเซ็นทรัลเสนอราคาซื้อสูง ถึงประมาณตารางวาละ 950,000 บาท   



 ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯบนที่ดินเพลินจิต จะใช้บริษัท ภาสกรนที โฮลดิ้ง จำกัดรูปแบบโครงการจะมีทั้งที่อยู่อาศัยและห้างสรรพสินค้าโดยใช้งบประมาณไม่ต่ำกว่า 10,000ล้านบาทแน่นอน



“ตอนนี้เซ็นทรัลกำลังเขียนแบบหาผู้ร่วมทุนส่วนที่ดินของ คุณเจริญเป็นที่ดินเซ้ง30ปีเขาก็รอช้าไม่ได้ตอนนี้กำลังเร่งเคลียร์พื้นที่ ผมเองก็รอเซ็นทรัล เขาลงมือเมื่อไหร่ผมก็ตามเลย อยากให้เขาเสร็จก่อน คืออยากให้เสร็จปุ๊ปทุกโครงการเสร็จแล้วสวยไปทั้ง 3 มุมเลย”



ตันรอให้เซ็นทรัลขึ้นโครงการก่อน เพื่อที่จะได้สร้างความคึกคักของผู้คนให้มาถึงโครงการของเขา เหมือนครั้งหนึ่งที่เขาเคยรอให้ เซ็นทรัล ขึ้นโครงการที่จังหวัดชลบุรีก่อนเพื่อหวังจะให้ความเจริญ ลามไหลมายังที่ดินของเขาทางด้านหลัง



 วันนั้นเขาไม่ใจเย็นพอที่จะรอเวลาได้นานเพราะที่ดินแปลงนั้น ซื้อมาด้วยเงินกู้ และเงินนอกระบบ  เขาต้องติดกับดักทางการเงินครั้งใหญ่ของชีวิต เมื่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ตัดสินใจลอยตัวค่าเงินบาทในวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 และเซ็นทรัลประกาศชะลอโครงการที่ชลบุรีทันที ส่งผลให้โครงการของตันส่วนหนึ่งไม่มีคนมาโอน สร้างหนี้สินให้เขาทันทีถึง100 ล้านบาท



 “ครั้งนี้ผมไม่ได้เป็นนักพัฒนานะแต่เป็นนักลงทุนมันเกิดจากผมหาซื้อที่ดินได้ในทำเลที่ดีหาพันธมิตรที่ดีได้ และเงินสดเก็บไว้มันเล็กลงทุกวัน ยิ่งปี 2ปีนี้อัตราเงินเฟ้อสูงมาก ถ้าเก็บไว้แย่แน่ๆคราวนี้ขอรอเวลาอีกนิด เราไม่ได้กู้เงินมาซื้อที่ดินไม่จำเป็นต้องรีบสบายๆจะช้าหรือเร็วก็ใน2-3ปีนี้ล่ะเ อาเป็นว่าภายใน5-6ปีนี้ได้เห็นแน่”



ตันกล่าวกับ Marketeer ก่อนหน้าที่ทางกลุ่มของเจริญ แถลงข่าวเปิดตัวโครงการอาคารสำนักงานและโรงแรม5ดาวแห่งใหม่บนถนนเพลินจิต-วิทยุ เพียงไม่ถึง1 อาทิตย์



 



 เคยพลาดกับธุรกิจอสังหามูลค่า 100 ล้าน



 ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน สมัยของพล.เอก ชาติชาย ชุณหวัณ เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นยุคที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กำลังเฟื่องฟู สุดขีดตันได้ก้าวเข้าไปในธุรกิจนี้และตกหลุมรักทันที ด้วยการทำธุรกิจเก็งกำไรและซื้อมาขายไปเขาบอกว่ามันน่าประหลาดใจมากที่ทุกโครงการ ขายดีตั้งแต่โครงการยังอยู่ในแผ่นกระดาษ



  ในชีวิต  หนังสือ”ชีวิตนี้ไม่มีทางตัน” ที่เขียนโดยสรกล อดุลยานนท์ บอกว่าเขามีโอกาสได้รู้จักและเป็นเพื่อนกับวัฒน์ ลูกชายคนหนึ่งของวันชัย จิราธิวัฒน์ และวันหนึ่ง เมื่อวันชัยไปธุระที่พัทยาโดยมีเขาติดรถไปด้วยพร้อมกับ สุทธิธรรมและสุทธิภัค จิราธิวัฒน์ เมื่อรถผ่านที่ดินแปลงหนึ่งติดกับ "เทสโก้ โลตัส" ในปัจจุบัน วันชัยชี้ให้เขาดูแล้วบอกว่าที่ดินแปลงนี้สวยมากน่าจะสร้างโครงการของเซ็นทรัลได้   



หลังจากนั้นตันได้รวบรวมที่ดินแปลงนั้นให้กับวันชัย เขาไม่ได้หวัง "กำไร" จากค่านายหน้า เพราะ ให้กลุ่มเซ็นทรัลเจรจากับเจ้าของที่ดินเอง แต่ เขาหวัง "โอกาส" จากที่ดินอีกแปลงหนึ่งที่อยู่ด้านหลังที่  ซึ่งเป็นทุ่งนา ห่างจากถนนใหญ่ เพราะเมื่อไรด้านหน้าเป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่ดินแปลงนี้ก็จะเป็น"ขุมทอง" ทันที



เพียงแค่เซ็นทรัลลงเสาเข็ม โครงการ ที.วาย.แกรนด์ซิตี้ ของตันซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ประมาณ70ห้องก็เปิดขาย ในวงเงินลงทุนประมาณ100ล้านบาท  ตันให้บริษัทแปลนอาคิเต็ค บริษัทสถาปนิกของคนรุ่นใหม่ที่โด่งดังมากในสมัยนั้นเป็น ผู้ออกแบบให้มีลักษณะสถาปัตย์สอดคล้องไปกับตัวตึกของห้างเซ็นทรัลด้านหน้า



  เป็นโครงการที่เกิดขึ้นในปี 2538 ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกเบี้ยสูง แบงก์เริ่มคุมเข้มสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์เขาเลยต้องกู้เงินนอกระบบมาเพิ่มอีก 40ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ร้อยละ 15 ต่อปี แต่เงินกู้นอกระบบร้อยละ 2 ต่อเดือน ตึกแถวทั้งหมด 70 กว่าหลังภายในเวลาปีเศษ ขายได้เกือบหมด อีกไม่เกิน2 เดือน ตึกแถวอีก60หลังจะถูกโอนแต่วิกฤติ ทางการเงินที่เกิดขึ้นในปี2540 ทำให้ เม็ดเงินกำไร 200 ล้านที่คาดหวังไว้กลายเป็นหนี้สินทันที 100ล้านบาท และกลายเป็นประสบการณ์การทำธุรกิจครั้งสำคัญของชีวิต



                เวลาผ่านไปเกือบ10ปี จาก “คุณตัน” กลาย เป็น “เสี่ยตัน” ผู้มีสมญา เล็กๆไม่ ใหญ่ๆ ตันทำ ได้หวนกลับไปทำโครงการอสังหาริมทรัพย์นี้อีกครั้ง เขาได้อธิบายถึงความกล้าครั้งใหม่นี้ว่า



“การทำงานมันต่างกันมากนะครับ ตอนนั้นผมทำหลายอย่างเกินไป เงินก็มีอยู่นิดเดียวหวังจะได้กลับมาเป็นกอบเป็นกำแต่ครั้งนี้ผมซื้อที่ดินด้วยเงินสดและมีคอนเน็กชั่นในแวดวงธุรกิจพอที่จะมีผู้บริหารเก่งๆมาเป็นเป็นคนทำ ผมไม่ต้องทำเอง จึงไม่ได้เป็นโครงการที่ท้าทายอะไร และครั้งนี้ผมไม่ได้เอาเงินของครอบครัวไปค้ำประกัน เต็มที่ถ้าหมดก็หมดแค่นี้ล่ะ แต่สมมุติ ว่าขายไม่หมดทำต่อไม่ได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเพราะราคาที่ดินตรงนั้นมีแต่จะสูงขึ้นการขายต่อมันคุ้มทุนอยู่แล้ว



“เป็นไปไม่ได้ว่าทุกที่ๆผมทำมันจะล้มเหลวหมด มังกี้มอลล์ก็ไม่รอด โครงการที่ปราณบุรีก็ขายไม่ออก มันคงไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้นน่า”



                บางคนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ได้พูดถึงตันในเรื่องการลงทุนครั้งนี้ว่า เป็นเรื่องท้าทายจริงๆสำหรับคนที่ไม่เคยทำโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่อย่างนี้ มาก่อน แต่ก็อย่าลืมว่าตันเองก็ไม่เคยทำธุรกิจทางด้านเวดดิ้ง เขาก็ทำได้สำเร็จ ไม่เคยทำธุรกิจทางด้านร้านอาหาร หรือเครื่องดื่ม เวลาผ่านไปเพียง9 ปีเขาก็สามารถสร้างยอดขายได้เกือบ5 พันล้านบาทมีพนักงานถึง4 พันคน คราวนี้จึงอาจจะได้เห็นแคมเปญใหม่ๆทางด้านการขายที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นมาอีกก็ได้



                โจทก์สำคัญครั้งนี้จึงอยู่ที่เขาต้องได้พันธมิตรที่มีความสามารถเข้ามาร่วมทุน เพื่อช่วย ในเรื่องการบริหาร จัดการความเสี่ยงในเรื่องราคาวัสดุก่อสร้างที่มีราคาสูงขึ้นทุกวัน  การคาดการณ์ในเรื่องผันผวนของราคาน้ำมัน ,ดีมานด์และซัพพลายของตลาดอสังหาณ.วันที่เขาเริ่มทำการขาย     



ทุกเรื่องล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องราวความ “เสี่ยง” ในวิธีคิดแบบเล็กๆไม่ ใหญ่ๆตันทำ อีกครั้งที่น่าติดตาม  แต่ไม่แน่นะทุกเรื่องที่เขา คิด อาจเป็นจริงได้เพียงการสร้างมูลค่าเพิ่มในที่ดินอย่างมหาศาล ก่อนที่จะตัดสินใจขายทิ้ง



 



 



 



 ล้อมกรอบ



                                                ที่ดินแปลงนี้ได้มาแล้วก็ต้อง คิดหนัก



 



                “ถ้าเป็นนักพัฒนาที่ดินจะเอาแปลงที่ดินตรงนั้นหรือเปล่าเหรอ ขึ้นอยู่กับราคาที่ดินนะ ถ้าขายในราคาที่อ้างถึงแปลงของเซ็นทรัลแล้วไม่เอาแน่นอน ไม่รู้จะทำอะไรขายในเมื่อต้านทุนแพงถึงขนาดนั้น



คือที่ดินแปลงของเซ็นทรัลที่ได้ราคาสูงอย่างนั้นเพราะมันเป็นที่ดินที่ติดกับโครงการของเขาที่สามารถทำโครงการ เชื่อมต่อกันให้เป็นแปลงที่ดินผืนเดียวกันดังนั้นราคาแพงแค่ไหน เขาก็ซื้ออยู่แล้วล่ะ  แต่ไม่ใช่ว่าทุกแปลงในบริเวณนั้นจะสามารถตั้งราคาได้สูงเหมือนกันหมด



                 ได้มาแล้วจะทำอะไรล่ะที่จริงที่ดินกลางเมืองอย่างนั้นมีโมเดลให้พัฒนาได้ไม่กี่อย่าง ก็หนีไม่พ้นอาคารสำนักงาน โรงแรม  คอนโดมี้เนียม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ที่ต้องโฟกัส กลุ่มบนอย่างเดียวด้วย ที่นี้ถ้าเป็นโรงแรมเซ็นทรัลก็ประกาศว่าจะเอาแบรนด์ดังมาลง ฝั่งตรงข้ามก็ คุณโสมพัฒน์ ก็ประกาศไปแล้วจะเอาเชนโรงแรมระดับท็อปของโลก มาลง  แล้วคุณตัน จะทำอย่างไร ก็ต้องหาเชนที่เป็นspecialist อย่างเดียว ทีจะเป็นใครต้องขึ้นกับคอนเนกชั่นเหมือนกัน   หรือถ้าจะใส่รีเทลลงไปจะสู้ความเชี่ยวชาญของเซ็นทรัลชิดลมได้ไม๊



                ถ้าจะเป็นออฟฟิศ เกรดเอก็คงต้องแข่งกันขายกับโครงการของยูนิเวนเจอร์ แล้วล่ะค่ะ แต่อย่างไรก็ตามการได้ที่ดินแปลงงามๆไว้ในมือ แม้ไม่ได้ทำอะไร ทิ้งไว้สักช่วงหนึ่ง ราคา ก็ขึ้นไปแน่นอน ยิ่งคุณตันบอกว่าไม่ได้ใช้เงินกู้มาซื้อก็ยิ่งไม่น่าห่วง
 


http://www.marketeer.co.th/inside_detail.php?inside_id=6511
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 07:39:11 PM »

ยอดคนจริงๆครับ  กล้าจริงๆ ครับ   เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม 
บันทึกการเข้า
JJ-รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 386
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 9425


« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 08:04:05 PM »

คนไทย ที่มีน้ำใจ ยังมีอีกเยอะนะครับ
บันทึกการเข้า
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 08:13:25 PM »

ใจดีจังคุณตัน

บริษัทแกอยู่ตึกเดียวกะบริษัทผมเนี่ย

น้าดุนไม่บริจาคให้ไทยคมมั่งเหรอครับ... กุศลแรงนะ... คิก คิก คิก คิก

หลังจากออกจากโออิชิ
ตัน ได้สร้างธุรกิจใหม่ ได้แก่ Melt Me, Yes R&B, Ramen Champian ตั้งอยู่ที่ตรงกลาง ซอยทองหล่อ 10 และ ได้หวนคืนธุรกิจเครื่องดื่มอีกครั้ง โดยใช้ชื่อว่า Double Drink น้ำดื่มผลไม้

บริษัท ไม่ตัน จำกัด
http://www.mai-tan.com
อาคารชาญอิสระทาวเวอร์ 2 ชั้น28
เลขที่ 2922/301-303 ถนน เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ
เขตห้วยขวาง จังหวัด กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ 10310

http://multi-smart.com/forums/index.php?topic=1444.0;wap2


เสียดายที่ผมดื่มชาเขียวแกไม่ได้ เนื่องจากลองหลายครั้งแล้ว นอนไม่หลับตาค้างเลย ทีหลังทราบว่า ชาเขียวปริมาณ คาเฟอีนมันสูงมากๆ กว่ากาแฟสดอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2011, 08:15:56 PM โดย Southlander » บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #11 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 08:34:08 PM »


เสียดายที่ผมดื่มชาเขียวแกไม่ได้ เนื่องจากลองหลายครั้งแล้ว  นอนไม่หลับตาค้างเลย

ทีหลังทราบว่า ชาเขียวปริมาณ คาเฟอีนมันสูงมากๆ กว่ากาแฟสดอีก


Ha Ha Ha  ฮา  อ๋าว ลุงดุลย์  ฮา

แค่  "ชาเขียว"  ฮา  นอนไม่หลับ เอิ๊ก เอิ๊ก  ฮา
แต่ถ้าแม่อีหนู "ด่า"  คงต้องเอา "ผ้าห่ม คลุมหัว"  อ่ะ  ฮา

"Oishi"  ของเฮียตัน อุ่ะ  แกใส่  "น้ำตาล"  ปริมาณสูงมากมากคร๊า
เกินกว่าความจำเป็นต้อง บริโภค  "สองพันเท่า"  ฮา

คนที่กิน   มันก็เชื่อว่า เป็นการบริโภคเำพื่อ "สุขภาพ"  ฮา
มารู้อีกที  แกขายให้เสี่ย "เจริญ" ไป สามสี่พันล้าน ฮา

พอขายไปแล้ว    สามสี่ห้าปี  คงหมดสัญญา  ฮา
แกก็ทำ  "อิชิตัน"  ชาเพื่อสุขภาพ ของ "กรู"  มาหลอกขาย อีกคร๊า  ฮา

บริจาคแค่ สี่สิบล้านอ่ะ  ยายว่าเฉยๆ คร๊า
กำลังรอดู  ธุรกิจของน้อง "ตั๊น"  ทายาทเบียร์ "สิงห์" ว่าจะจ่ายเท่าไหร่คร๊า ฮา
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #12 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 08:44:51 PM »


เสียดายที่ผมดื่มชาเขียวแกไม่ได้ เนื่องจากลองหลายครั้งแล้ว  นอนไม่หลับตาค้างเลย

ทีหลังทราบว่า ชาเขียวปริมาณ คาเฟอีนมันสูงมากๆ กว่ากาแฟสดอีก


Ha Ha Ha  ฮา  อ๋าว ลุงดุลย์  ฮา

แค่  "ชาเขียว"  ฮา  นอนไม่หลับ เอิ๊ก เอิ๊ก  ฮา
แต่ถ้าแม่อีหนู "ด่า"  คงต้องเอา "ผ้าห่ม คลุมหัว"  อ่ะ  ฮา

"Oishi"  ของเฮียตัน อุ่ะ  แกใส่  "น้ำตาล"  ปริมาณสูงมากมากคร๊า
เกินกว่าความจำเป็นต้อง บริโภค  "สองพันเท่า"  ฮา

คนที่กิน   มันก็เชื่อว่า เป็นการบริโภคเำพื่อ "สุขภาพ"  ฮา
มารู้อีกที  แกขายให้เสี่ย "เจริญ" ไป สามสี่พันล้าน ฮา

พอขายไปแล้ว    สามสี่ห้าปี  คงหมดสัญญา  ฮา
แกก็ทำ  "อิชิตัน"  ชาเพื่อสุขภาพ ของ "กรู"  มาหลอกขาย อีกคร๊า  ฮา

บริจาคแค่ สี่สิบล้านอ่ะ  ยายว่าเฉยๆ คร๊า
กำลังรอดู  ธุรกิจของน้อง "ตั๊น"  ทายาทเบียร์ "สิงห์" ว่าจะจ่ายเท่าไหร่คร๊า ฮา

เอ่อ..นะ ป้าบาฯ พูดให้คิด ค่ายสิงห์เขาเงียบๆนะครับ ทั้งที่ก็รวยท๊อปเทนของประเทศเช่นกัน การกุศลไม่ค่อยเห็น เฮ้อ....เสียดายผมลูกค้าเบียร์เค้าตัวยง  แบร่
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #13 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 08:45:04 PM »

ไมน่าเชื่อล่ะยาย สิบกว่าปีที่แล้วตอนนั้นไปญี่ปุ่นอยู่เป็นเดือนๆ เห็นคนญี่ปุ่นเอาชาเขียวขวดมากินเองที่ทำงาน ชงมาเองมั่ง
ในซุปเปอร์มาเก๊ตมั่ง มีสารพัดขนาด สารพัดยี่ห้อ ผมเองเห็นแล้วคิดว่า ถ้าเป็นเมืองไทยจะขายใครวะ คนไทยไม่ดื่มชาเขียว

 แล้ววันนี้มีสารพัดชาเขียว ชาขวดในเมืองไทยเลย ถึงว่าสายตาผมมองอะไรๆ เป็นธุระกิจกะเขาไม่เป็น เป็นลูกจ้างเขาต่อไป

มอ มอ มอ ๆๆๆ
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: กันยายน 21, 2011, 08:59:05 PM »

นับถือครับ

คนจริง ครับ รวยแล้วไม่ลืม พี่น้องประชาชนที่กำลังตกทุกได้ยาก
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.222 วินาที กับ 21 คำสั่ง