... ตาม หลวงพ่อแบทแมน ไปติด ๆ ...
... ไม่ใช่ แค่ ตัวบุคคลที่เสื่อมอย่างเดียว ... ลูกศิษย์ ลูกหา ก็เสื่อม ... ไม่ช่วยกัน ติติง สิ่งที่ บุคคลในคลิป กระทำอยู่ ... อย่างนี้ เค้า เรียก เสื้อมเสื่อม ...
... เครื่องหมายของผู้ถือศาสนา ...พระครูอดิสัยคุณาธาร (หลวงพ่อสีทน สีลธโน) วั
ดถ้ำผาปู่ ต.นาอ้อ อ.เมืองเลย จ.เลย
จากหนังสือ อนุสรณ์ งานพระราชทานเพลิงศพ 7 เมษายน 2539คัดลอกจาก :
http://www.geocities.com/Tokyo/Gulf/4126/seeton0001.html การถือศาสนา คำว่าการถือศาสนานี้เราจะหมายเอาแค่ไหนถึงจะเป็นการถือศาสนาอันแท้จริง อันนี้รู้สึกว่าสำคัญอยู่ บางคน ถือกันแต่ปาก ถือแต่คำพูด ถือตามๆกันมา จาก ปู่ ย่า ตา ยาย แต่ไม่รู้จักการถือศาสนาอันแท้จริงนั้น อันเข้าถึงพระพุทธศาสนานั้น จะมีอะไรเป็นเครื่องหมาย บางคนอาจยังไม่รู้แหละ บางคนอาจมีความเห็นว่าตนได้ไปถวายอาหารบิณฑบาตแก่ พระเจ้าพระสงฆ์ เป็นครั้งๆคราวๆ ก็ถือว่าตนเองถือศาสนา อาจจะถือแค่นี้ก็มีบางคนหากถือแค่นี้รู้สึกว่ายังตื้นอยู่ ยังไม่ลึกลับเท่าที่ควร ยังไม่เป็นการถือศาสนา อันถูกต้อง ให้พารู้จักเข้าใจอย่างนั้น คำว่าถือศาสนาที่ถูกต้องนั้นจะต้องมีเครื่องหมายคือ
1) มีไตรสรณคมน์ เป็นเครื่องหมาย
2) มีศีล 5 เป็นเครื่องหมาย
จะต้องได้ไตรสรณคมน์เสียก่อน ต้องมีศีล 5 เสียก่อน ถึงว่าเป็นผู้ถือศาสนา เป็นผู้อยู่ในขอบเขตของศาสนา หากว่าพระไตรสรณคมน์ยังไม่มีศีล 5 ยังไม่มี ยังถือว่าผู้นั้นเป็นคนนอกศาสนาอยู่ ให้พากันรู้จักตัวของตัวเองไว้ว่าเราถือศาสนาพุทธ เราอยู่ในขอบเขตของศาสนาหรือเปล่า ในระยะนี้โอกาสนี้ให้เรารู้และเข้าใจเอาไว้ คำว่าถือไตรสรณคมน์ ก็ถือเอาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่กราบไหว้สักการบูชา นี้ถือว่าเราถือพระไตรสรณคมน์ ทีนี้จะกล่าวโทษ 5 ประการ ที่จะทำให้ขาดจากพระไตรสรณคมน์
1. เราติเตียนพระพุทธเจ้า
2. เราติเตียนพระธรรม
3. เราติเตียนพระสงฆ์
4. ถือศาสนาอื่น
5. เข้ารีตเดียรถีย์
โทษ 5 ประการนี้เป็นเหตุให้เราขาดจากพระไตรสรคมน์ อย่างสมมุติว่าเราเคยกราบเคยไหว้ เคยเคารพนับถือพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เมื่อเราติเตียน พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ถือศาสนาอื่น เข้ารีตเดียรถีย์ เราก็ขาดจากไตรสรณคมน์เลยแหละ ขาดจากพระไตรสรณคมน์เหมือนอย่างพระภิกษุไปผิดสิกขาบท 4 ประการ คือ ปาราชิก 4 ประการแล้วก็ขาดจากการเป็นภิกษุ ทีนี้พวกเราอุบาสกอุบาสิกา ผู้ถือไตรสรณคมน์ ไปล่วงเกินในโทษ 5 ประการ ก็ถือว่าเราขาดจากพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ไปต้องได้ประกาศปฏิญาณตนใหม่ คำว่าติเตียนพระพุทธเจ้านั้นถือว่าพระพุทธเจ้าไม่ดี หาเรื่องหลอกลวงมนุษย์ทั้งหลาย นี่แสดงว่าติเตียนพระพุทธเจ้า ติเตียนพระธรรมคำสั่งสอนที่ท่านเขียนเอาไว้ จารึกเอาไว้นี้เป็นเรื่องหลอกลวงเป็นของปลอมทั้งนั้น นี่แสดงว่าเราติเตียนพระธรรม ติเตียนพระสงฆ์นี้หมายเอาพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบทางกาย วาจา ใจ นับแต่ผู้มีศีล 227 ขึ้นไปนี่แหละ นี่สงฆ์เหล่านี้ไม่ควรตำหนิติเตียนพระสงฆ์เหล่านี้ถือว่าเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นเบื้องต้น ถ้าเราไปติเตียนดูถูกดูหมิ่นว่ากล่าวท่าน พระไตรสรณคมน์ก็จะขาดไปโดยปริยาย
ทีนี้หากว่าเราไปติเตียนว่ากล่าวพระสงฆ์ที่ไม่มีศีลธรรม เป็นผู้หลอกลวงโลกเขากินนั้น อันนี้พระไตรสรณคมน์เราก็ไม่ขาดหรอก ท่านพูดไว้เฉพาะสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ถ้าสงฆ์สะเปะสะปะเที่ยวบอกบุญอันโน้นอันนี้ อะไรที่มันผิดศีลผิดธรรม ด่าหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก สงฆ์เหล่านี้ให้เราสังเกตด้วยสายตาเรา ยิ่งคนที่เคยอ่านนวโกวาท ยิ่งจะรู้จักเรื่องของพระได้ดีในพระวินัย 227 ข้อ นี่แหละหากพระสงฆ์ทั้งหลายจะเป็นนิกาย จะเป็นธรรมยุต จะเป็นพระบ้าน จะเป็นพระป่า ก็แล้วแต่ หากตั้งอยู่ในสิกขาบทวินัย 227 ข้อนั้นแหละเป็นพระที่น่ากราบไหว้ น่าสักการบูชา หากสงฆ์ใดไม่สมบูรณ์ในศีล 227 ท่านว่าเป็นพวกอลัชชี พวกไม่มีหิริละอายต่อบาป
บางคนก็สงสัยกังขาเหมือนกันในคำว่าติเตียนหมู่พระสงฆ์ เห็นสงฆ์ไม่ดีไม่งามไม่อยู่ในระเบียบธรรมวินัย จะว่ากล่าวตักเตือนอะไรก็ไม่กล้า กลัวพระไตรสรณคมน์ของตนจะขาด ไม่เป็นไรหรอก ตักเตือนว่ากล่าวท่านด้วยเพราะท่านจะลงนรกอเวจี เราก็ดึงเอาไว้ซิ ดึงไว้ลากเอาไว้ ได้บุญเสียด้วย เราผู้ตักเตือนว่ากล่าวอย่าเข้าใจว่าเป็นบาป ไม่เป็นบาปเป็นกรรมหรอก เข้ารีตเดียรถีย์ .../
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/misc/lp-seeton_1.htm... พอดี ไปอ่านเจอมาครับ ...
... ปาราชิก ...ปาราชิก คือประเภทของโทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทประเภท ครุกาบัติที่เรียกว่า อาบัติปาราชิก
พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกสี่ข้อใดข้อหนึ่ง แม้จะไม่กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เมื่อความผิดสำเร็จ
ปาราชิก มี 4 ข้อ อยู่ใน ศีล 227 ได้แก่
1. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์)
2. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย)
3. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) หรือแสวงหาศาสตราอันจะนำไปสู่ความตายแก่ร่างกายมนุษย์
4. กล่าวอวดอุตตริมนุสสธัมม์ อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%81