เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 27, 2024, 01:45:01 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ถามแบบคนไม่รู้จริงๆ นะครับ เรื่อง รถน้ำท่วม  (อ่าน 2321 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
kensiro
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: ตุลาคม 03, 2011, 10:38:37 AM »

ระหว่างทำสีรถใหม่ กับ น้ำท่วมรถ เป็น อาทิตย์ กับเป็นเดือน อันใหน ซ่อมแพงกว่ากันครับ

ไม่รวมพวก เครื่องเสียง หรือ ของตกแต่ง เวอร์ๆ นะครับ
บันทึกการเข้า
MU_CZ รักในหลวง
ชาว อวป.
Jr. Member
****

คะแนน 6
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 79



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2011, 11:47:04 AM »

น้ำท่วมรถ เป็น อาทิตย์ กับเป็นเดือน ซ่อมแพงกว่าทำสีรถใหม่ครับ

  ไหว้
บันทึกการเข้า
muskey == รักในหลวง ==
Jr. Member
**

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 50



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2011, 11:52:11 AM »

ระหว่างทำสีรถใหม่ กับ น้ำท่วมรถ เป็น อาทิตย์ กับเป็นเดือน อันใหน ซ่อมแพงกว่ากันครับ

ไม่รวมพวก เครื่องเสียง หรือ ของตกแต่ง เวอร์ๆ นะครับ

พี่โรจน์คงกำลังหาวิธีเอารถหนีน้ำอยู่แน่ๆ
ปล ที่บ้าน้ำเริ่มลดลงแล้ว มีนกเป็ดน้ำ 1 ตัว ไก่แจ้ 1 ตัว หลงมาจากใหนไม่รู้มาอยู่ที่บ้าน
บันทึกการเข้า
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2011, 11:53:25 AM »

และถ้ารู้ว่า น้ำจะท่วม ใช้ ถังพาสติก 200 ลิตร ยกรถ ให้เหนือน้ำ ก็แค่สีเป็นรอย ดีกว่า ซ่อมทั้งคันนะครับ

แต่ต้องคำนวณ เรื่อง การรับน้ำนัีกให้ดี ว่า ต้องใช้เท่าไรจึงจะยกรถให้เป็นแพ ได้ หรือจมไปสัก นิดหน่อยผม

ว่าอย่างไรมันก็คุ้มกว่านะครับ ส่วน มากว่านี้ต้องให้ผู้รู้ลึกว่า มาเสริมครับ
บันทึกการเข้า
cooper_s # รักในหลวง #
Full Member
***

คะแนน 168
ออฟไลน์

กระทู้: 446


M.T.T.S. 3415153


« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2011, 12:21:50 PM »



        ไหว้  ถ้ารู้ว่าน้ำมีโอกาสท่วม ย้ายรถหนีก่อนดีกว่าครับ เพราะไม่ต้องมาเสียเงินเสียเวลาซ่อม

                หลังน้ำลดจะได้มีรถใช้เลย เพราะรถจมน้ำซ่อมหลายตังค์ แล้วไม่ค่อยเหมือนเดิมครับ เสียเวลานานด้วย

                ถ้าย้ายทันเอาไปฝากไว้บ้านคนรู้จักที่น้ำท่วมไม่ถึงดีกว่าครับ
บันทึกการเข้า

d^_^b รักกันไว้เถิด....เราเกิดร่วมแดนไทย...จะเกิดภาคไหนๆ...ก็ไทยด้วยกัน....d^_^b
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2011, 12:28:17 PM »



        ไหว้  ถ้ารู้ว่าน้ำมีโอกาสท่วม ย้ายรถหนีก่อนดีกว่าครับ เพราะไม่ต้องมาเสียเงินเสียเวลาซ่อม

                หลังน้ำลดจะได้มีรถใช้เลย เพราะรถจมน้ำซ่อมหลายตังค์ แล้วไม่ค่อยเหมือนเดิมครับ เสียเวลานานด้วย

                ถ้าย้ายทันเอาไปฝากไว้บ้านคนรู้จักที่น้ำท่วมไม่ถึงดีกว่าครับ

ครับ อันนี้กรณีที่หนีทัน ครับ แต่มีบางที่หนีไม่ทันเพราะโดนล้อมกรอบ

บันทึกการเข้า
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2011, 12:30:12 PM »

ซ่อมรถในพื้นที่น้ำท่วม ยากที่สุดคือรถที่ซ่อมจะมีมากกว่าอู่หรือศูนย์บริการ ต้องรอคิว
สีน่ะ ทำเมื่อไหร่ก็ได้
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

cooper_s # รักในหลวง #
Full Member
***

คะแนน 168
ออฟไลน์

กระทู้: 446


M.T.T.S. 3415153


« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2011, 11:27:52 PM »



        ไหว้  ถ้ารู้ว่าน้ำมีโอกาสท่วม ย้ายรถหนีก่อนดีกว่าครับ เพราะไม่ต้องมาเสียเงินเสียเวลาซ่อม

                หลังน้ำลดจะได้มีรถใช้เลย เพราะรถจมน้ำซ่อมหลายตังค์ แล้วไม่ค่อยเหมือนเดิมครับ เสียเวลานานด้วย

                ถ้าย้ายทันเอาไปฝากไว้บ้านคนรู้จักที่น้ำท่วมไม่ถึงดีกว่าครับ

ครับ อันนี้กรณีที่หนีทัน ครับ แต่มีบางที่หนีไม่ทันเพราะโดนล้อมกรอบ

         ไหว้  ถ้าหนีไม่ทันถอดแบตออก (ยกขึ้นไปใช้เป็นไฟสำรองได้ แล้วซื้อหลอดแบบใช้กับแบตมาเตรียมไว้ด้วย)

        ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์ออโต้ออก เอาถุงพลาสติกหนาๆ ปิดแล้วรัดด้วยหนังยางแน่นๆ ท่อร่วมไอดีก็ท่อที่เป็นท่อยางออก

        แล้วรัดให้แน่นเช่นกัน เมื่อน้ำลด อย่าเพิ่งทำให้เครื่องหมุน

        เช็คน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์ว่ามีน้ำเข้าไปปนหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็โชคดีไป แล้วถอดหัวเทียน หรือหัวฉีด (ในเครื่องยนต์ดีเซล)

        แล้วใช้ประแจหมุนที่พูเล่หน้าเครื่อง ดูว่าน้ำเข้าเครื่องหรือไม่ อย่าติดเครื่องเด็ดขาด ถ้าไม่เข้าก็ดีไปเป็นสัญญาณว่าซ่อมน้อย

               จากนั้นลากหรือยกอย่างเดียวไปที่อู่หรือศูนย์ เพื่อรื้อทำความสะอาดครั้งยิ่งใหญ่ครับ กรณีที่ถอดแบตเตอรี่ออก

        จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการลัดวงจร ซึ่งระบบไฟฟ้าโดยเฉพาะ ECU ซ่อมแพง ระบบไฟฟ้า, คอลโซล ต้องรื้อทำความสะอาดทั้งหมด

        พวกแผงวงจรไฟฟ้า, ขั้วต่อ ฯลฯ ต้องล้างทำความสะอาด ภายในต้องรื้อล้างพรม, เบาะ ของเหลวต่างๆ ต้องถ่ายทิ้ง ค่าทำความสะอาดทั้งคัน

        รวมเปลี่ยนถ่ายของเหลวก็น่าจะอยู่ราวสองถึงสามหมื่นบาท ถ้าถอดแบตไม่ทันระบบไฟฟ้าลัดวงจร มีความเสียหายเยอะก็แล้วแต่ราคาอะไหล่

        รวมๆ แล้วก็หลักหมื่นปลายๆ ถึงหลักแสนครับ ไม่นับรวมทำสี  ตกใจ

                 ตอนปากช่องท่วมคนรู้จักไปเหมาะรถแอคคอร์ดกับคัมรี่อายุปีถึงสองปีมาหลายคัน เฉลี่ยคันละ 7 แสน  ตกใจ

         ลงทุนฟอกย้อมอย่างดี เปลี่ยนอะไหล่ใหม่ที่จำเป็น ตกคันละประมาณ 1.5-2.5 แสนครับ ทำคันนึงสองอาทิตย์ได้กำไรคันละ 1-2 แสน น้ำลายหก

         แต่คนซื้อรถมือสองก็เศร้าไปเพราะดูยากมากถ้าทำเนียนๆ ครับ


              ถ้าประเมินสถานะการณ์ได้ว่าเสี่ยงหรือไม่แน่ใจ ย้ายรถก่อนสัก 2-3 วัน ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นก็โชคดีไม่เสียเงินครับ  ไหว้ หลงรัก

             
บันทึกการเข้า

d^_^b รักกันไว้เถิด....เราเกิดร่วมแดนไทย...จะเกิดภาคไหนๆ...ก็ไทยด้วยกัน....d^_^b
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2011, 10:30:49 AM »

หรือจะลองแบบนี้....

 Grin

บันทึกการเข้า
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2011, 06:04:29 PM »



        ไหว้  ถ้ารู้ว่าน้ำมีโอกาสท่วม ย้ายรถหนีก่อนดีกว่าครับ เพราะไม่ต้องมาเสียเงินเสียเวลาซ่อม

                หลังน้ำลดจะได้มีรถใช้เลย เพราะรถจมน้ำซ่อมหลายตังค์ แล้วไม่ค่อยเหมือนเดิมครับ เสียเวลานานด้วย

                ถ้าย้ายทันเอาไปฝากไว้บ้านคนรู้จักที่น้ำท่วมไม่ถึงดีกว่าครับ

ครับ อันนี้กรณีที่หนีทัน ครับ แต่มีบางที่หนีไม่ทันเพราะโดนล้อมกรอบ

         ไหว้  ถ้าหนีไม่ทันถอดแบตออก (ยกขึ้นไปใช้เป็นไฟสำรองได้ แล้วซื้อหลอดแบบใช้กับแบตมาเตรียมไว้ด้วย)

        ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์ออโต้ออก เอาถุงพลาสติกหนาๆ ปิดแล้วรัดด้วยหนังยางแน่นๆ ท่อร่วมไอดีก็ท่อที่เป็นท่อยางออก

        แล้วรัดให้แน่นเช่นกัน เมื่อน้ำลด อย่าเพิ่งทำให้เครื่องหมุน

        เช็คน้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์ว่ามีน้ำเข้าไปปนหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็โชคดีไป แล้วถอดหัวเทียน หรือหัวฉีด (ในเครื่องยนต์ดีเซล)

        แล้วใช้ประแจหมุนที่พูเล่หน้าเครื่อง ดูว่าน้ำเข้าเครื่องหรือไม่ อย่าติดเครื่องเด็ดขาด ถ้าไม่เข้าก็ดีไปเป็นสัญญาณว่าซ่อมน้อย

               จากนั้นลากหรือยกอย่างเดียวไปที่อู่หรือศูนย์ เพื่อรื้อทำความสะอาดครั้งยิ่งใหญ่ครับ กรณีที่ถอดแบตเตอรี่ออก

        จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการลัดวงจร ซึ่งระบบไฟฟ้าโดยเฉพาะ ECU ซ่อมแพง ระบบไฟฟ้า, คอลโซล ต้องรื้อทำความสะอาดทั้งหมด

        พวกแผงวงจรไฟฟ้า, ขั้วต่อ ฯลฯ ต้องล้างทำความสะอาด ภายในต้องรื้อล้างพรม, เบาะ ของเหลวต่างๆ ต้องถ่ายทิ้ง ค่าทำความสะอาดทั้งคัน

        รวมเปลี่ยนถ่ายของเหลวก็น่าจะอยู่ราวสองถึงสามหมื่นบาท ถ้าถอดแบตไม่ทันระบบไฟฟ้าลัดวงจร มีความเสียหายเยอะก็แล้วแต่ราคาอะไหล่

        รวมๆ แล้วก็หลักหมื่นปลายๆ ถึงหลักแสนครับ ไม่นับรวมทำสี  ตกใจ

                 ตอนปากช่องท่วมคนรู้จักไปเหมาะรถแอคคอร์ดกับคัมรี่อายุปีถึงสองปีมาหลายคัน เฉลี่ยคันละ 7 แสน  ตกใจ

         ลงทุนฟอกย้อมอย่างดี เปลี่ยนอะไหล่ใหม่ที่จำเป็น ตกคันละประมาณ 1.5-2.5 แสนครับ ทำคันนึงสองอาทิตย์ได้กำไรคันละ 1-2 แสน น้ำลายหก

         แต่คนซื้อรถมือสองก็เศร้าไปเพราะดูยากมากถ้าทำเนียนๆ ครับ


              ถ้าประเมินสถานะการณ์ได้ว่าเสี่ยงหรือไม่แน่ใจ ย้ายรถก่อนสัก 2-3 วัน ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นก็โชคดีไม่เสียเงินครับ  ไหว้ หลงรัก

             

ขอบคุณครับ สำหรับ ข้อมูลดีๆ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 22 คำสั่ง