อธิบดีกรมชลประทาน เตรียมไขก๊อก
วันเสาร์ ที่ 29 ตุลาคม 2554 เวลา 14:18 น
แก้ไขน้ำท่วมล้มเหลว แถมยังมีการเมืองมากดดัน ชลิต ดำรงศักดิ์ ขอลาออกเพื่อรับชอบผิดคนเดียว แต่นายกปูเบรกขอให้ช่วยน้ำถล่มกรุงก่อน
เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานข่าวจากศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการหารือ ถึงแนวทางการลดปริมาณน้ำเหนือจำนวน 1.5 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร ที่ปริมาณน้ำเหนือทัพหน้ากว่า 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ได้เข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในแล้ว และทัพหลวงมีปริมาณอีก 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตรที่มาจากพระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท จะมาสมทบสิ้นเดือนนี้ ส่วนทัพหลังได้เดินทางไหลผ่านจาก จ.พิษณุโลกมาแล้วปริมาณ 4,000 ล้านลูกบาศก์เมตร จะส่งผลทำให้น้ำท่วมกรุงเทพฯนานนับเดือน โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฝั่งตะวันออกและฝั่งธนบุรีจะท่วมสูงเกิน 2 เมตรและกรุงเทพชั้นในสูง 1 เมตร ส่วนกรุงเทพพื้นที่พระนครจะสูง 50-100 เซนติเมตร
ทั้งนี้แผนการระบายน้ำออกทะเลฝั่งตะวันออก โดยการสูบออกด้านแม่น้ำบางปะกง ลงคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต ซึ่งมีเครื่องสูบน้ำจำนวนมากกลับไม่มีปริมาณน้ำไปให้เพียงพอต่อการสูบ ทำให้เครื่องสูบน้ำบางเครื่องไม่ได้ทำงานเลย ขณะนี้ได้มีการเลาะขอบถนนวงแหวนด้านตะวันออกทั้งหมด เพื่อให้น้ำข้ามไปออกที่ และ จ.นครนายก กับ จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมกับได้ตัดคันประตูน้ำคลอง 13 เพื่อตัดน้ำให้ออกไปจากทุ่งรังสิต ไประบายออก อ.บางบ่อ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ อีกทาง ส่วนการเสนอให้ตัดถนน 5 สายนั้น ในที่ประชุมเห็นว่าไม่มีประโยชน์และไม่ทันการณ์ เพราะการตัดถนนจะทำให้ไหลย้อนกลับน้ำเข้าพื้นที่กรุงเทพได้มากขึ้น เพราะปริมาณน้ำรอบกรุงเทพ ยังมีระดับที่สูงกว่า แม้ว่าจะมีน้ำทะเลหนุนสูงก็ตาม น้ำที่ผ่านกรุงเทพ ยังมีระดับต่ำกว่าน้ำที่ล้อมรอบกรุงเทพ และกำลังจะทยอยเข้ามาถล่มเมืองหลวงอีก 12,000 ล้านลูกบาศก์เมตร
รายงานข่าวระบุอีกว่าในส่วนของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะสมาชิกบ้าน 111 และ ศปภ.ต่างโยนความผิดให้กรมชลประทาน และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีพรรคชาติไทยพัฒนาเป็นต้นสังกัด ควรจะออกมารับผิดชอบเหตุการณ์ความผิดพลาดในการแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยไม่ยอมผันน้ำไปทางฝั่งตะวันตกตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมหนัก จ.พระนครศรีอยุธยา โดยกลัวว่าจะท่วม จ.สุพรรณบุรี จนสร้างความเดือดร้อนให้คนทั่วประเทศ แต่ตัวแทนกรมชลฯได้ชี้แจงว่าเป็นเพราะปริมาณน้ำฝนที่ตกมากผิดปกติ ทำให้ไม่เป็นไปตามที่วางแผนไว้และได้มีการเสนอให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศใช้ พ.ร.ก ฉุกเฉินเพื่อให้ทุกหน่วยงานเข้าแก้ไขอย่างตรงจุด ก่อนที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะจะแตก เพราะที่ผ่านมาสำนักงานชลประทานในแต่ละพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม ได้ถูกต่อต้านจากชาวบ้านในพื้นที่ไม่ให้เข้าทำการเปิดประตูระบายน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ของแกนนำพรรคเพื่อไทยในโซนสีแดง มีการออกมาระดมชาวบ้านมาต่อต้านและถึงกับไล่ยิงเจ้าหน้าที่
ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเปลี่ยนเป็นเสื้อสีแดงถึงเข้าพื้นที่ได้ ได้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ทั้งพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี ย่านประตูระบายน้ำคลองรังสิต ฉะเชิงเทรา นครนายก ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ส.ส.ในพื้นที่ทราบดีแต่ไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ และไม่ช่วยแก้ไขสถานการณ์ซึ่งมีเรื่องการเมืองเข้ามา ทำให้การบริหารงานแก้ไขและป้องกันไม่ได้มาโดยตลอด โดยเฉพาะในส่วนกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก ส.ส.ในพื้นที่ยังมีการระดมชาวบ้านต่อต้านการเปิดประตูระบายน้ำตลอด ตอนนี้ได้ยอมให้เข้าเปิดก็ไม่มีประโยชน์ เพราะน้ำสูงทั้ง 2 ฝั่งคลอง แต่ในที่ประชุมยังต้องการให้มีผู้รับผิดชอบ ต่อความผิดพลาดกับมหาภัยพิบัติครั้งนี้ โดยได้มีการกดดันผ่าน น.ส.ยิ่งลักษณ์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนายชลิต ดำรงศักดิ์ อธิบดีกรมชลประทาน ได้กล่าวกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ขอลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบเพียงคนเดียว โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยับยั้งไว้ก่อน และขอให้ช่วยกันแก้ไขสถานการณ์น้ำจนกว่าน้ำจะลด.