ความเชื่อและความจริง: จากคนน้ำท่วมถึงคนที่ยังไม่ท่วม
โดย นิ้วกลม
ความเชื่อ: "น้ำไม่ท่วมหรอก อยู่มา 60 ปียังไม่เคยท่วมเลยสักครั้ง"
ความจริง: ดูสนามบินดอนเมืองสิครับ ใครจะไปเคยคิดว่าน้ำจะท่วม แค่จะจินตนาการยังนึกไม่ออกเลย แต่วันนี้น้ำปริ่มถึงท้องเครื่องบินแล้ว และตอนนี้หลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ ก็มีสิ่งที่คนไม่เคยคิดว่าจะเห็นเกิดขึ้นมากมาย เราอาจไม่สามารถคาดกา ณ์ "อนาคต" โดยใช้ "อดีต" ได้
ความเชื่อ: "ท่วมไม่เยอะหรอก เดี๋ยวมันก็ลง"
ความจริง: จากที่เห็นมา แยกเกษตร วันแรกน้ำแห้ง วันที่สองน้ำเอ่อ วันที่สามเอว วันที่สี่น้ำยังเท่าเอวโดยไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ถ้ามันลงเร็วก็ดีใจด้วยครับ แต่การคิดเผื่อว่ามันจะท่วมนานกว่านั้นก็น่าจะทำให้เราเตรียมตัวรับมือปัญหาต่างๆ ที่จะตามมาได้ดีขึ้น
ความเชื่อ: "หมู่บ้านเราสูบน้ำออกได้"
ความจริง: การสูบน้ำออกจากหมู่บ้านอาจพอทำได้ในวันแรกๆ แต่ถ้าน้ำนอกหมู่บ้านเอ่อขึ้นสูงและมาเยอะมาก เครื่องสูบน้ำในหมู่บ้านอาจสู้ไม่ไหว อาจต้องคิดเผื่อไว้ด้วยครับ
ความเชื่อ: "บ้านเราสูบน้ำออกได้ ดูสิข้างในยังแห้งอยู่เลย"
ความจริง: หากน้ำในบริเวณนั้นไม่ท่วมมากก็อาจจะรอดครับ แต่ถ้าน้ำนอกบ้านท่วมหนัก น้ำจะเริ่มผุดจากท่อในบ้าน และเอ่อล้นบ้าน การสูบน้ำด้วยเครื่องอาจทำให้น้ำในบ้านแห้งได้ แต่ถ้าน้ำขึ้นเยอะอาจต้องระวังอันตรายจากไฟฟ้าที่ใช้กับเครื่องสูบน้ำด้วย เพราะถ้าบ้านแห้งแต่เจ้าของบ้านถูกไฟดูดก็อาจไม่คุ้มกัน และถ้าน้ำสูงขนาดต้องตัดไฟชั้นหนึ่งนั่นแปลว่าระดับน้ำในบ้านก็จะค่อยๆ สูงขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องคิดแผนเตรียมไว้ด้วยครับ
ความเชื่อ: "ถ้าน้ำมา 30-50 ซ.ม. ก็น่าจะอยู่ได้"
ความจริง: น้ำระดับนั้นอาจไม่สูงมากนักเมื่อมองจากตัวเลข แต่มันก็มากพอที่จะทำให้ชีวิตเปลี่ยน เมื่อรถวิ่งไม่ได้ รถเมล์ก็จะไม่มี รถสองแถว วินมอเตอร์ไซค์จะหายไปหมด ในซอยลึกจะออกยากมาก การเดินในน้ำนั้นเมื่อยกว่าที่เราคิดไว้ ถ้าลึกมากเด็กๆ และคนแก่อาจเดินไม่ไหว ถ้าบ้านอยู่ในซอยลึกไกลๆ จะลำบากมาก ไม่ต้องนับว่าการออกมาแต่ละครั้งจะขนของเข้าบ้านได้น้อยมาก เพราะมีแค่สองมือที่ถือไหว หรืออย่างมากก็หนึ่งกะละมังลอยน้ำ ไม่นับน้ำดื่มที่จะซื้อเข้าบ้านซึ่งหนักเกินกว่าจะถือได้เยอะ ออกมาแต่ละครั้งจึงเหนื่อยและใช้เวลานานมาก มิเพียงเท่านั้น อีกสองวันของหมดก็ต้องออกมาอีก
ความเชื่อ: "ยังไม่ต้องอพยพหรอก รอมันขึ้นถึงระดับที่ไม่ไหวค่อยอพยพ"
ความจริง: ถ้ายังเป็นหนุ่มเป็นสาว ไม่มีลูกเล็ก ไม่มีพ่อแม่แก่ชรา ไม่มีหมาแมวหลายตัว ก็น่าจะพอไหวครับ แต่ถ้ามีคนและสัตว์ที่เรารักและห่วงใยที่ดูแลตัวเองไม่ได้ เราอาจต้องเตรียมที่ทางไว้สักหน่อย บ้านญาติมิตรที่ไหนที่พอจะฝากได้ก็น่าจะรีบย้ายออก เพราะถ้าน้ำท่วมถึงระดับที่รถวิ่งไม่ได้ การขนย้ายคนแก่ เด็ก และสัตว์จะทำได้ยากมาก แม้จะมีเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทหาร ตำรวจ ฯลฯ มาช่วยเคลื่อนย้ายก็จริง แต่ผู้ประสบภัยมีเยอะมาก จนเจ้าหน้าที่เท่าไหร่ก็ไม่พอ เท่าที่ถามเจ้าหน้าที่กู้ภัยมา เขาบอกว่า "ถึงเอวก็ควรอพยพคนแก่ เด็ก และสัตว์แล้วครับ" สำหรับตัวท่านเองที่ยังพอฝ่าน้ำระดับเอวระดับอกออกมาไหว ให้เตรียมเอกสารและของมีค่าเฉพาะที่สำคัญไว้เพียงหนึ่งกระเป๋าเท่านั้น เพราะมากกว่านั้นอาจจะถือไม่ไหวและขนย้ายไม่สะดวก
ความเชื่อ: "เราอยู่ได้ ก็แค่ซื้อของยากหน่อยเท่านั้นเอง"
ความจริง: ในบางพื้นที่ เซเว่นฯ และห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านทั้งหลายค่อยๆ ทยอย "ของหมด" กันไปทีละแห่ง การออกมาซื้อของกินของใช้จะลำบากขึ้น และไกลขึ้นเรื่อยๆ เพราะหลายที่ยืนยันตรงกันว่า "ไม่มีคนมาส่งของแล้ว" หากบ้านไหนตุนของไว้เยอะพอก็อาจจะอึดไหว แต่หากบ้านไหนมีของไม่พออาจต้องคิดแผนสองไว้ด้วยก็ดี ว่าถ้าน้ำท่วมอีกเป็นเดือนจะอยู่อย่างไร จะได้เตรียมตัวขั้นต่อไปได้ หรืออย่างน้อยก็เฉลี่ยข้าวของในบ้านในแต่ละวันโดยการกินและใช้ให้ประหยัดขึ้นได้บ้าง
ความเชื่อ: "ก็แค่น้ำท่วมจะไปกังวลอะไรมากมาย"
ความจริง: ก็จริงครับ มันก็แค่น้ำที่ไหลมาอยู่บนถนน แต่สิ่งที่มาพร้อมน้ำก็คือกลิ่นที่เหม็นเน่า และกองทัพยุงระดับที่จะกินเลือดกินเนื้อ (สิ่งจำเป็นอีกอย่างคือยาทากันยุง) นอกจากตะขาบ งู จระเข้ แล้ว สิ่งที่ต้องระวังอีกอย่างคือ อย่าเดินเข้าใกล้เสาไฟฟ้า และระวังบ้านในซอยเดียวกับท่านที่เขายังไม่ตัดไฟชั้นหนึ่ง ช่วยกันบอกให้ตัดไฟน่าจะปลอดภัยสำหรับทุกฝ่าย และเมื่อออกไปลุยน้ำมาก็รีบขัดถูร่างกายทำลายเชื้อโรคโดยไว หากป่วยตอนนี้จะยิ่งลำบากครับ
ความเชื่อ: "ท่วมไม่นานหรอก อีกสามสี่วันก็ยุบ"
ความจริง: อันนี้เป็นความเชื่อล้วนๆ ความจริงน้ำจะท่วมนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ ถ้าโชคดีมันอาจจะยุบจริง (ผมก็ภาวนาให้เป็นอย่างนั้น) แต่ถ้าเราดูภาพถ่ายดาวเทียมก็จะเห็นว่ามวลน้ำมันมหึมามหาศาลจริงๆ และถ้าดูจากพื้นที่ที่เขาโดนไปก่อนเรา ไม่ว่าจะเป็นอุทัยธานี ลพบุรี อยุธยา ก็ยังท่วมอยู่เป็นเดือนๆ หรือกระทั่งรังสิต ดอนเมือง ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะลดลงแบบปึบปับ ทุกคนก็อยากให้น้ำลงไวๆ กันทั้งนั้น แต่ในความหวังเราก็ต้องดูความจริงด้วย การตัดสินใจและวางแผนชีวิตจาก "ความเชื่อ" กับการตัดสินใจและวางแผนจาก "ความจริง" นั้นให้ผลต่างกัน หากจะตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อไป ย้ายไปอยู่บ้านญาติ อพยพไปอยู่ศูนย์อพยพ หรือไม่อย่างไร เราน่าจะตัดสินใจจาก "ความจริง" มากกว่า "ความเชื่อ" ครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่โดนน้ำท่วมไปแล้ว และขอเอาใจช่วยคนที่ยังไม่ท่วมให้บ้านแห้งจะได้มีเรี่ยวแรงช่วยเหลือคนอื่นต่อไป บ้านผมท่วมแล้ว และน้ำก็ยังสูงขึ้นเรื่อยๆ ที่เขียนมาทั้งหมดมาจากความหวังดีล้วนๆ ครับ เพราะเชื่อว่าในวิกฤตแบบนี้ สิ่งที่แต่ละคนพอจะทำได้คือการแชร์ข้อมูลที่มีประโยชน์ให้กัน เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ ^ ^
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1320487278&grpid=01&catid=&subcatid=เป็นข้อมูลที่น่านำไปใช้ครับ...