พนังกั้นน้ำพังในครั้งแรก จนน้ำทะลักเข้าท่วมเมืองนครสวรรค์ ผมติดตามข่าวทางเฟซบุค หน้าสื่อข่าวสถานการณ์น้ำท่วมอยู่ตลอด อีกทั้งข่าวทีวีที่ตอกย้ำ รายงานว่าสาเหตุที่พนังแตกจนน้ำทะลักเข้าท่วมนั้น เกิดจากเรือหางยาวพุ่งเข้าชน ผมแอบสงสัยเล็กน้อยว่าเรือชนก็ไม่น่าจะถึงกับคันดินแตก หรือว่าขับเรือกันเร็ว น้ำกระเพื่อมตามที่ได้รับทราบมา มันก็ไม่น่าแรงจนพนังดินแตกได้ แต่ผมก็มองว่า มันคืออุบัติเหตุ เรือเค้าคงไม่ตั้งใจชน หรือแค่เรือชนมันก็ไม่น่าจะพัง คันดินมันน่าจะแข็งแรงพอตัว (แต่ก็แอบหงุดหงิดเล็กน้อย ว่ารู้ว่าสถานการณ์กำลังวิกฤติ แต่ทำไมยังไปขับเรือวนเวียนใกล้ๆพนังดินอยู่ มันไม่มีเหตุผลเลย)
แต่หลังจากน้ำทะลักเข้าท่วมเมืองได้วันเดียว ข่าวที่ผมได้ยินตามมาก็คือ บรรดาเรือจ้างที่มาโขกสับชาวบ้าน คิดค่าบริการ
"หัวละ" 500-600 บาท (ผมโทรไปถามสารทุกข์สุกดิบเพื่อนที่นครสวรรค์ เพื่อนเล่าให้ฟังแบบนี้) และสิ่งที่ตามมาหลังจากน้ำเข้าท่วมเมืองแล้วก็คือสิ่งที่พี่น้องชาวนครสวรรค์เค้าเรียกกันว่า
"โจรสลัดน้ำจืด" พวกนี้มีพฤติกรรมออกหากินตอนกลางคืน โดยการเลือกบ้านที่เค้าอพยพหนีน้ำออกไปแล้ว มันก็จะเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในบ้าน จนชาวนครสวรรค์หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า มันจะเป็นพวกเดียวกันกับที่มาขูดรีดค่าโดยสารหัวละหลายร้อยบาทในตอนกลางวันหรือเปล่า (อันนี้เสียงคนอื่นเค้าด่ากันในเฟซบุคนะครับ) ความสงสัยของผมที่ว่าเรือชนพนังดินเป็นอุบัติเหตุเลยหายไป พร้อมกับข่าวที่เข้ามาอีกว่า บรรดาเรือหางยาวมันขับแข่งกัน แข่งเอามันส์หรือเพื่อแย่งลูกค้าก็ไม่รู้ มันก็เลยมีเหตุการณ์พนังดินแตกเป็นรอบที่สอง ทั้งๆที่การปิดกั้นครั้งแรกก็ทำได้สำเร็จไปแล้ว น้ำก็ทะลักเข้าเมืองสูงกว่าเดิมอีกกว่าเท่าตัว
ข่าวทีวีวันนี้เห็นบอกว่ามีการจัดระเบียบเรือจ้างแล้ว ให้ไปขึ้นทะเบียนทุกลำ ค่อยดีขึ้นหน่อยครับ
แต่ข่าวก็รายงานอีกว่า ค่าจ้างเรือนั้น หลักพันครับ
แต่ปัญหาทั้งหมดทั้งมวลบรรเทาลงได้ ต้องขอบคุณนายกเทศมนตรี สมาชิกเทศบาลนครนครสวรรค์ทุกคนที่เกี่ยวข้อง และที่ลืมไม่ได้เลยคือพี่น้องทหารจาก มทบ.31 ค่ายจิระประวัติ ที่ทำงานไม่เคยได้พัก เพื่อพี่น้องนครสวรรค์ ขอขอบพระคุณในน้ำใจของทุกท่านครับ