โครงการ กูจะอยู่ค้ำฟ้า ของอเมริกัน (2)http://www.manager.co.th/ โดย ยอดธง ทับทิวไม้
เมื่อสงครามเวียดนามสิ้นสุดลงและอเมริกาถอยออกไปจากอินโดจีน ในเมืองไทยมีข่าวๆ หนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นทั้งข่าวจริงหรือข่าวปล่อยเพื่อให้เข้าใจว่า เวียดนามคือศัตรูของไทยที่จะต้องระมัดระมังอย่างยิ่งก็คือ ข่าวที่ว่าหลังจากที่นายพลหวันเทียนดุง ของเวียดนามยกกองทัพเวียดนามเข้ากวาดเขมรแดงของพลพตราพณาสูรไปแล้ว ข่าวนั้นก็ถูกเพิ่มต่อไปว่าทางเวียดนามเคยประกาศว่าตอนนั้นทางเวียดนามจะยกกองทัพรุกคืบหน้ามาจนถึงเกาะกงและจังหวัดชลบุรี ก็จะสามารถเอาชนะได้ภายในไม่เกิน 24 ชั่วโมงเท่านั้น
ใครฟังข่าวนี้ก็รู้สึกน่ากลัวอย่างยิ่ง
หรือถ้าหากว่าเวียดนามจะทำอย่างนั้นจริงๆ ก็น่าจะทำได้ เพราะตอนนั้นกองทัพเวียดนามกำลังแข็งแกร่งอย่างมาก แม้แต่ทางจีนซึ่งก็เป็นคอมมิวนิสต์ที่น่ากลัวประเทศหนึ่งที่จะต้องเล่นงานกันอยู่ตลอดเวลา ก็ยังไม่ไว้ใจว่าเวียดนามจะไม่เติบโตและเก่งกล้าอย่างที่ใครๆ ก็คิด เฉพาะพวกฝ่ายขวาตะบันราดของไทยนั้น เรื่องกลัวจนตัวสั่นหรือพยายามแพร่ข่าวว่าเวียดนามจะต้องเป็นศัตรูกับไทยและเล่นงานไทยนั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่ ทุกคนเชื่อกันว่าเมืองไทยจะต้องเป็นเหยื่อของเวียดนามไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ตอนนั้น ผมถูกมองหรือถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์คนหนึ่ง ซึ่งหลังจากถูกจับเข้าคุกไปถึง 5 เดือนแล้ว ก็ถูกปล่อยออกมา และในระหว่างที่ไม่มีอะไรจะทำนั้น ก็เร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ เพื่อหาความรู้ความเข้าใจโลกและหาเรื่องเขียนหนังสือพิมพ์เบ็ดเตล็ดหรือหนังสือพิมพ์กันเองชนิดที่จ่ายค่าเรื่องบ้างไม่จ่ายค่าเรื่องบ้างอยู่หลายปี แต่ในการเดินทางแสวงหาความรู้ที่ว่านี้ ผมก็มีโอกาสได้ไปเวียดนามเฉพาะเวียดนามเหนือหรือฮานอยบ่อยๆ เช่นเดียวกับเขมรและเวียดนาม จนรู้สึกว่ามีความคุ้นเคยกับทั้งสามประเทศนี้ค่อนข้างมากและรู้สึกเป็นกันเองมาก
ที่ฮานอย ซึ่งผมได้คบหาจนกระทั่งเป็นมิตรสนิทต่อมาในตอนหลังคือ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เหงียน โคทัก ซึ่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนหนึ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับเอเชียในยุคนั้น ผมก็ได้รู้จักได้คุยเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับบ้านเมืองในเอเชียรวมไปถึงขบวนการคอมมิวนิสต์และความคิดของนักการเมืองต่างประเทศมากมายหลายเรื่อง
และอีกท่านหนึ่งที่ผมได้รับความกรุณาเป็นพิเศษแต่เพียงคนเดียวในบรรดาคนหลายๆ ชาติที่เข้าไปฮานอยในสมัยนั้นคือ ท่านผ่าม วันดง นายกรัฐมนตรีที่ผมจะซักถามอะไรกับท่านได้เสมอมา
เช่นเดียวกับเรื่องเวียดนามจะบุกไทยและเป็นศัตรูกับไทย
ผมเคยนำมาเขียนลงในหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ที่ท่านผ่าม วันดง พูดกับผมว่า ต่อให้อีกร้อยปีข้างหน้า เวียดนามจะไม่มีวันแตะต้องประเทศไทย และผมก็ถูกล้อเลียนจากพรรคขวาหน้าโง่บางคนที่เขียนล้อผมในเรื่องนี้ว่า ผมขายชาติให้เวียดนามไป
เหตุผลที่ทั้งท่านผ่าม วันดง และท่านเหงียน โคทัก ซึ่งผมก็มีโอกาสได้ซักถามพูดคุยในเรื่องอย่างเปิดอกกัน ผมก็ได้รับคำตอบที่ว่า เรื่องรบนั้นนะ มันไม่สำคัญหรอก ใครมีอาวุธดี ใครมีคนยอมตายได้มากหรือเสียได้มากมันก็ชนะ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อรบชนะแล้ว คุณจะปกครองประเทศไทยยังไง คนไทยจะยอมให้คุณปกครองหรือมีคนขาติไหนบ้าง แม้แต่แม้วแต่เย้าในอินโดจีนตามป่าเขาทุกกลุ่ม ก็ยังไม่ยอมให้ใครปกครองเลย ไปแตะอะไรเข้ามีเรื่องเอาง่ายๆ เอาแต่ว่าเรื่องของคนเวียดนามเองที่มีปัญหาที่จะต้องแก้ไขกันอีกร้อยแปดนี่ ก็ไม่มีวันแก้ให้จบลงได้ง่ายๆ อย่างที่พวกขวาจัดของคุณคิดกันแบบนั้น
คำบอกกล่าวของนักรบคนสำคัญของเวียดนามที่ผ่านศึกและการเมืองมาด้วยตนเองอย่างโชกโชนที่บอกมานี้เอง ทำให้ผมเกิดความสงสัยขึ้นมาตลอดเวลาหลายวันที่อเมริกาเปิดสงครามรบอิรักที่อเมริกาโดดเข้ามาพร้อมกับอาวุธและประกาศปลดประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ออกจากตำแหน่งหน้าที่ปกครองประเทศที่เจ้าของประเทศเขาเลือกขึ้นมาและยอมรับให้ปกครองมานาน 24 ปี ให้ออกจากตำแหน่งเสียหรือให้ไปลงนรกที่ไหน โดยที่เจ้าของประเทศส่วนใหญ่เขาไม่รับรู้รับเห็นนั้น เป็นเรื่องมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น อเมริกายังประกาศก้องต่อโลกว่า อเมริกาจะเข้าไปปกครองประเทศอิรักเสียด้วยตนเอง (พร้อมด้วยเด็กมุสลิมชีอะห์ที่เป็นศัตรูมาตั้งแต่กำเนิดกับซัดดัม ฮุสเซน หยิบมือหนึ่งมาเต้นเชียร์เหยงๆ หน้ากล้องโทรทัศน์สำหรับเอามาโฆษณาชวนหลอกต้มมนุษย์ตามวิสัย) ทำให้ต้องคิดกันว่าอเมริกันกำลังเล่นตลกเส็งเคร็งอะไรกับมนุษยชาติขึ้นมาอีก?
อเมริกาและพวกสวะที่อเมริกาจะเอามาตั้งขึ้นเพื่อปกครองประเทศที่ผ่านการต่อสู้มาร้อยแปดในอิรักนั้น อเมริกาและสวะเหล่านั้นจะเอาบุญวาสนาที่ไหนมาปกครองคนอิรักที่มีอยู่ทุกวันนี้ (โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็ตาม)
การเป็นคนอิรัก เป็นคนมุสลิมที่มีลัทธิศาสนาและลัทธิความเชื่อของตน ซึ่งเป็นชนชาติที่ยิ่งใหญ่ในตะวันออกกลางมาเป็นพันๆ ปีนั้น มันจะรีบหายออกไปจากอิรักได้ง่ายๆ เพียงแต่คนอย่างประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุชมานั่งหลับหูหลับตาบอกให้เชื่อก็ยอมอย่างง่ายดายเอาเชียวหรือ?
ผมไม่มีวันเชื่อมันจะเป็นไปได้ แม้ว่าอิรักจะทิ้งเมืองทุกเมืองปล่อยให้นักรบอเมริกันเดินเข้ามาโก้ๆ แล้วก็ประกาศออกมาว่า อเมริกายึดอิรักได้เรียบร้อยแล้วก็ตาม!
ต่อให้ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช และนายโทนี่ แบลร์ หรือใครก็ตามคิดว่ามีบุญบารมีมากถึงขนาดที่จะปกครองอิรักและคนอิรักได้นั้น แม้แต่จะขุดลากเอาวิญญาณของบรรพบุรุษอีกหลายชั่วโคตรของตนมาร่วมด้วยก็ไม่มีวันจะทำได้สำเร็จ
อย่างที่ท่านผ่าม วันดง และท่านรัฐมนตรีเหงียน โคทัก บอกผมไว้ การไปรบกับใครที่ไหนนั้นไม่ยาก มีเงินมีอาวุธ มีคนที่พร้อมจะตาย มันก็รบกันได้ทำได้ทั้งนั้น การชนะก็ทำได้ไม่ยาก ปัญหาอยู่ที่ว่าจะปกครองยังไงเมื่อหลังคุณชนะไปแล้ว