นั่นไงครับ ห้ามไม่ได้
ไหนคุณสมชายบอกว่าห้ามได้ แต่คนที่มีหน้าที่ห้ามไม่อยากห้าม
เดี๋ยวห้ามได้ ห้ามไม่ได้ ผม งง ไปหมดแล้วนะครับ
การเล่นการพนัน ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นการมอมเมาสะทีเดียว คนที่เล่นการพนัน เพื่อคลายเครียด เพื่อการพักผ่อนจากงาน ก็มี
เรื่องนี้ ก็แล้วแต่ ตัวบุคคลที่จะหักห้ามใจตัวเองได้ไหม บางคนบ่อนอยู่หน้าบ้านยังเล่นอะไรกับเขาไม่เป็นเลย แต่บางคนบ่อนอยู่ต่างประเทศ ยังกระเสือกกระสนกันไป
บางคนอาจมองว่าการพนัน เป็นอบายมุขเป็นสิ่งที่ไม่น่าไปเกี่ยวข้อง เพราะคนเหล่านั้นเติบโตมาในสังคมที่ดี ห่างไกลจากอบายมุข
แต่คนชั้นล่างอย่างผม เติบโตมากับดิน การพนันคือเกมส์การละเล่นชนิดหนึ่ง เช่น ตีไก่ ชกมวย ไพ่งานศพ หมากรุก เป็นต้น ผมเติบโตมากับสิ่งเหล่านี้ คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กๆ ย้อนกลับไป ตามพงศาวดาร กษัตริย์ไทยบางพระองค์ ยังเล่นการพนันเลย แสดงว่า การพนันอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน และซึมลึกลงรกรากของคนไทยอย่างแยกไม่ออก เราเห็นการพนันได้ทุกที่ของประเทศไทย และคนไทยก็ให้ความสนใจกับการพนันมาก
มีเหตุผลอะไร ที่จะต่อต้านสิ่งที่คนไทยคุ้นเคยอยู่แล้ว น่าเสียดายเงินมหาศาลที่รัฐจะได้รับ เหมือน กองสลาก เพื่อนำมาพัฒนาประเทศต่อไป
ที่บอกว่าห้ามไม่ได้ นั่นหมายความว่าห้าม 100 เปอร์เซ็นต์มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เหมือนห้ามหมาไม่ให้กินขี้ไม่ได้ไงครับ... แต่มันก็ต้องห้าม เพราะไม่งั้นหมาของเรามันก็จะกินขี้อย่างเดียวไม่มีแรงเห่าเฝ้าบ้านไงครับ...
ที่บอกว่าการพนันเป็นเรื่องผ่อนคลายนั่นก็เป็นเรื่องเอาสีข้างเข้าถู เพราะตอนแรกก็บอกว่าผ่อนคลายทั้งนั้น แต่พอเสียสักตาสองตา ก็บอกว่าไม่ผ่อนคลายแล้ว กลายเป็นบอกว่า"จะเอาคืน"ก็เลยเพิ่มเงินหน้าตักหวังจะเอาที่เคยเสียนั้นกลับมา... ก็กลายเป็นแค่ฝัน เพราะเงินมันละลายไปอีกแล้ว...
ที่ว่าคนชั้นล่างเติบโตมากับดิน มองการพนันคือเกมส์การละเล่นชนิดหนึ่งฯ(
ตามตัวแดง) นั่นก็คือไปเติบโตผิดที่ผิดทางครับ มีสิ่งแวดล้อมที่อื่นที่ดีกว่า แต่เลือกไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนั้น นั่นคือการฝักใฝ่อบายมุข... เรื่องอบายมุข มาจากคำสอนของพุทธศาสนา แต่คนผีพนันเข้าสิงก็ยังอุตส่าห์เข้าไปหาเหตุเล่นพนันกันในวัด อ้างว่าเป็นเพื่อนศพ(อย่างกับว่าศพลุกขึ้นมาเล่นด้วยได้อย่างนั้นแหละ)...
คนบ้านนอกเขาไม่ได้เล่นไฮโลกันในงานศพกันทุกงานหรอกครับ มีหลายงานก็ไม่เล่น(เจ้าภาพแข็งๆ ก็ไม่เล่น), หรืองานไหนมีเล่นไฮโล มันก็มีแต่กลุ่มเดิมซ้ำหน้ากันั่นแหละที่เล่นกันเป็นขาประจำ... คนส่วนใหญ่เขาไม่เล่นกันหรอกครับ(ส่วนใหญ่เขาฟังสวด แล้วก็คุยกับเจ้าภาพ จากนั้นก็กลับบ้าน)...
ยิ่งอ้างว่าพระมหากษัตริย์ไทยเล่นการพนันด้วย ยิ่งแล้วกันไปใหญ่ พระมหากษัตริย์พระองค์นั้นอาจเล่นการพนันบ้างก็เพื่อข่มพม่าในบางโอกาศ... และตามประวัติศาสตร์แล้วพระองค์ฝักใฝ่การสู้รบ อาบน้ำว่านจนตัวดำ หมดเวลาไปกับการฝึกฝนทหาร+เดินทัพตลอดรัชกาล จนในที่สุดสิ้นพระชนม์ตั้งแต่อายุยังไม่มาก(50 พรรษา) ด้วยโรคติดเชื้อ(ฝีระลอก) ซึ่งเกิดจากตรากตรำพระวรกายเดินทัพไปตีอังวะฯ (อ่านต่อที่นี่
http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3127.10)...
ดังนั้นการเอาบูรพกษัตริย์มาอ้างเพื่อประโยชน์แก่ผีพนันสิง... จึงเป็นเหตุผลของคนโง่ครับ, และเป็นเรื่องมิบังควรอย่างยิ่ง(มีแต่เขาเอามาอ้างเพื่อสงวนสายพันธุ์ไก่ชน - ไม่ใช่เพื่อเอาไปตีไก่พนัน)...
ตามตัว
สีน้ำเงิน ที่ว่า"การพนันอยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน และซึมลึกลงรกรากของคนไทยอย่างแยกไม่ออก เราเห็นการพนันได้ทุกที่ของประเทศไทย และคนไทยก็ให้ความสนใจกับการพนันมาก"... นั่นมองจากสายตาของผีพนันครับ คนส่วนใหญ่เขาไม่ได้เป็นอย่างนั้นกันหรอก มีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นแหละ, ที่เห็นเล่นกันแยะหน่อยก็เล่นหวยล็อตเตอรี่ ซึ่งก็ไม่ได้"ซึมลึกลงรกราก"(เขียนได้น่าเกลียดมาก)ได้แบบนั้น, หาก"ซึมลึกลงรกราก"ได้แบบนั้น รับรองประเทศล่มจมลงมากกว่านี้อีกแยะ...
คนไทยเล่นพนันกันมากก็จริง แต่ไม่ได้บ้าพนัน, แต่ถ้ามีบ่อนละก็ ไม่แน่ คนโง่ที่มันโง่แยะเกิน มันจะโง่แบบ"ซึมลึกลงรกราก"กันคราวนี้แหละ...
อ้อ! ที่บอกว่าไหนๆก็ห้ามไม่ได้ ก็เลยบอกว่างั้นก็ออกใบอนุญาตฆ่าเสียเลยให้รู้แล้วรู้รอด... นั่นคือประชดอ่ะ, เห็นแมะ ผีพนันมักโง่... แฮ่ๆ...