เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
กันยายน 28, 2024, 10:15:11 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.ยินดีต้อนรับสุภาพชนทุกท่าน กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ใครอยู่สุราษฎร์บ้างครับ  (อ่าน 9716 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
sig_surath7171
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #30 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:17:14 PM »

ประวัติของโรงพยาบาลสวนสราญรมย์

            โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ สุราษฎร์ธานี เป็นโรงพยาบาลจิตเวชแห่งแรกในส่วนภูมิภาค และเป็นแห่งที่สองที่จัดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 3 ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ลักษณะของพื้นที่ที่ตั้งโรงพยาบาลเป็นเนินเตี้ย ๆ บริเวณนี้เรียกตามภาษาพื้นเมืองทางใต้ว่า “ควนท่าข้าม”เป็นที่สงบเงียบร่มรื่นอยู่ห่างจากตลาดท่าข้าม และตัวอำเภอ 1 กิโลเมตรเศษ พื้นที่เป็นป่าโปร่งและป่าละเมาะโดยทั่วไปเป็นที่อาศัยซุกซุมของสัตว์ป่านานาชนิด ร่มรื่นไปด้วยไม้เบญจพรรณ เช่น ต้นขนุน ต้นมะเนียง และที่มีมากที่สุดคือ ต้นขี้เหล็ก จนมีบางคนเรียกควนนี้ว่าควนขี้เหล็กต่อมาเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสมณฑลปักษ์ใต้ ได้ทรงใช้สถานที่นี้เป็นพลับพลาประทับแรม (ยังคงมีซากพลับพลาหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน) และได้ทรงเห็นว่าเป็นที่ร่มรื่นน่าอยู่จึงพระราชทานนามควนนี้ว่า “สวนสราญรมย์” พ.ศ. 2478 เป็นปีที่ทางราชการเริ่มวางโครงการสร้างโรงพยาบาลโรคจิตภาคใต้ซึ่งขณะนั้นงานสาธารณสุขขึ้นอยู่กับกระทรวงมหาดไทย ดังที่นายแพทย์แสง สุทธิพงษ์ ซึ่งเป็นผู้หนึ่งในคณะอนุกรรมการ ก.พ. ได้มาเยี่ยมโรงพยาบาลแห่งนี้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507
 
บันทึกไว้ว่า นับ แต่ พ.ศ. 2478 ข้าพเจ้าได้มีโอกาสรับคำสั่งจากกระทรวงมหาดไทย ให้มาพิจารณาหาที่ดินสำหรับสร้างโรงพยาบาลโรคจิตทางภาคใต้ ข้าพเจ้าได้ตรวจพิจารณาหาที่ดินตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรี ลงมาทางใต้จนถึงจังหวัดปัตตานี ได้เปรียบเทียบความสำคัญในอันที่จะได้ที่ดินอันเหมาะสมหลายแห่ง ในที่สุดด้วยการชี้แจงแนะนำของเพื่อนข้าราชการหลายท่าน ตลอดจนท่านเจ้าคุณธรรมปรีชา อุดม อดีตเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้ข้าพเจ้าไปสำรวจดูที่ดินบนควนท่าข้าม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 พระราชทานชื่อควนนั้นว่า “สวนสราญรมย์” ที่ดินแห่งนี้ ท่านเจ้าคุณธรรมปรีชา อุดม ได้กรุณานำข้าพเจ้าและนายแพทย์สกนธ์ โสภโณ เดินสำรวจจนทั่ว ข้าพเจ้าก็ได้ตัดสินในรายงานผู้บังคับบัญชาว่า ที่ดินตรงนี้ดีและเหมาะสมกว่าที่อื่น พ.ศ. 2479 ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งกว่าจะเสร็จใช้เวลาประมาณ 1 ปี อาคารที่ก่อสร้างมี ตึกอำนวยการ 1 หลัง (ปัจจุบันสงวนไว้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อเป็นอนุสรณ์) เรือน คนไข้ชาย 3 หลัง คือ
 
เรือนเพชรบุรี ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรือนสามัคคี (รื้อแล้วและสร้างตึกชาย 1 แทนเมื่อปี 2505)
เรือนนครศรีธรรมราช ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรือนสราญรมย์ (รื้อแล้วและสร้างตึกชาย 2 แทนเมื่อปี 2509)
เรือนชุมพร ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรือนพักฟื้น (รื้อแล้วและสร้างตึกชาย 5 แทนเมื่อปี 2513)
ต่อมาได้สร้างเรือนคนไข้ชายไม่สงบ 2 หลัง มีชื่อเรียกว่า เรือนสงขลา 1 และเรือนสงขลา 2 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรือนอนุบาลกรณีย์ 1 และเรือนอนุบาลกรณีย์ 2 (รื้อแล้วและสร้างตึกชาย 3 แทน) นอกจากนี้ยังได้สร้างเรือนคนไข้หญิง 2 หลัง คือ

เรือนภูเก็ต ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรือนอนุบาลหญิง หรือเรือนนารีพยาบาล (รื้อ และสร้างตึกหญิง 3 แทน เมื่อปี 2511)
เรือนปัตตานี ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นเรือนจิตไมตรี (รื้อแล้ว)
โรงเลี้ยงอาหารชาย 2 หลัง
บ้านพักผู้ช่วยพยาบาลหญิง 6 ห้อง 1 หลัง
บ้านพักผู้ช่วยพยาบาลชาย 6 ห้อง 1 หลัง
บ้านพักผู้ช่วยพยาบาลชาย 20 ห้อง 1 หลัง
บ้านพักนายแพทย์ผู้อำนวยการ 1 หลัง

เนื้อที่ของโรงพยาบาล ในขณะนั้นมี 300 ไร่ ได้ทำพิธีเปิดรับคนไข้ครั้งแรก เมื่อ วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2480 ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ แรม 4 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู จ.ศ. 1299 อธิกมาศ และได้ชื่อขณะนั้นว่าโรงพยาบาลโรคจิตสุราษฎร์ธานี ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลโรคจิตภาคใต้และเปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลพุนพิน (ตามชื่ออำเภอ) จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2497 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ อันเป็นมงคลนามเพื่อความเป็นสิริมงคลและความเหมาะสมตามชื่อของสถานที่ดังกล่าว
 
            นายแพทย์ผู้อำนวยการคนแรก คือ นายแพทย์ขจร อ้นตระการ (พ.ศ. 2480 – 2483) และมี นายแพทย์สกนธ์ โสภโณ เป็นผู้ช่วย อัตรากำลังครั้งนั้น มีนายแพทย์ 2 คน พยาบาล 6 คน ข้าราชการสามัญ 1 คน ข้าราชการวิสามัญ 20 คน จำนวนคนไข้ที่รับครั้งแรกมีจำนวน 31 คน ในจำนวนนี้เป็นคนไข้ที่รับจากเรือนจำ จังหวัดสุราษฎร์ธานี 12 คน และรับโอนคนไข้ชาวใต้จากโรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา 19 คน การดูแลรักษาตามอาการเป็นส่วนมาก และมีการฝึกให้คนไข้ทำงานอีกตามสมควร

            ใน พ.ศ. 2483 นายแพทย์สกนธ์ โสภโณ (พ.ศ. 2483 – พ.ศ. 2509) ได้เป็นผู้อำนวยการ โรงพยาบาลคนที่ 2 และนับว่าเป็นผู้อำนวยการที่ทำประโยชน์ให้แก่โรงพบาบาลนี้มากที่สุดและนานที่สุดเป็นเวลาถึง 26 ปี โดยได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านสถานที่ อัตรากำลัง ตลอดจนการบริการต่าง ๆ ให้แก่คนไข้ได้พิจารณาเห็นว่าโรงพยาบาลแห่งนี้เป็นโรงพยาบาลที่จะต้องรับภาระในการรักษาคนไข้ โรคทางจิตเวช ของภาคใต้ รวม 14 จังหวัด และมีสถิติคนไข้ขึ้นเรื่อย ๆ จึงได้อนุมัติขยายพื้นที่ของ โรงพยาบาลออกไปอีก คือ อาณาเขตทิศเหนือ ซึ่งเดิมมีเนื้อที่เพียงแต่ริมควน จึงได้ขยายจากริมควนออกไปจนจดริมถนนท่าข้าม – บ้านดอน รวมเป็นเนื้อที่ 20 ไร่ และขอที่ทางแม่น้ำตาปี รวมเนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน ตัดถนนเล็ก ๆ ตรงไปยังแม่น้ำตาปี เรียกถนนสายนี้ว่าถนนสวนสราญรมย์เพื่อทำท่าเรือของโรงพยาบาลและใช้เป็นสถานที่ขนส่งอาหารและพัสดุครุภัณฑ์ ของโรงพยาบาล จากทางเรือ และขอขยายที่ที่ว่างเปล่าทาง ทิศตะวันตก จากต่อเขตวัดตรณารามออกไปจดเขตที่ขององค์การรถไฟรวมเนื้อที่ 180 ไร่ ทำให้โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ ในขณะนั้นมีเนื้อที่รวม 522 ไร่ กับ 1 งาน
 
 ในปี พ.ศ. 2518 ได้มีการออกพระราชบัญญัติที่ ราชพัสดุให้กรมธนารักษ์รับผิดชอบดูแลที่ดินของส่วนราชการ และได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2523 ให้หน่วยราชการต่างๆ คืนกับ ราชพัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ คืนกับราชพัสดุให้ราชพัสดุดูแลจึงทำให้เนื้อที่ของโรงพยาบาลถูกตัดออกไปและทำให้โรงพยาบาลมีเนื้อที่เหลืออยู่ในปัจจุบันเพียง 412 ไร่ 2 งาน 87 ตารางวา

            ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2485 – พ.ศ. 2490 ได้เพิ่มอาคารโรงเลี้ยงอาหารหญิง 1 หลัง ที่เก็บศพ 1 หลัง โรงจักสาน 1 หลัง โรงเยี่ยมญาติ 1 หลัง และจำนวนคนไข้ก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนมีถึง 150 คน

            ในปี พ.ศ. 2491 ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมกันสร้างเรือนคนไข้ชาย 1 หลัง เรียกว่า “เรือน สุราษฎร์อุทิศ” (รื้อแล้วและไม่ได้สร้างขึ้นใหม่) และในปีนี้ยังมีผู้อุทิศสร้างโรงเลี้ยงอาหารคนไข้ชายไม่สงบ 1 หลัง ด้วย

            ในปี พ.ศ. 2492 ได้มีผู้ศรัทธาบริจาคทรัพย์สร้างตึกคนไข้พิเศษหญิง 1 หลัง ชื่อเรือนร่วมมิตรต่อมาได้รื้อ และสร้างตึกหญิง 5 แทน เมื่อปี พ.ศ. 2513 นอกจากนั้นยังมีอุทิศบริจาคเงินสร้างสถานที่เก็บพัสดุ 1 หลัง สร้างโรงช่างไม้ 1 หลัง

เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยเสด็จมาประทับแรม ณ ควนท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2458 ได้พระราชทานนามว่า “สวนสราญรมย์” ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงพยาบาลสวนสราญรมย์ในปัจจุบัน ความดำริที่จะสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งล้นเกล้า ร 6. จึงเป็นความดำริชอบ และสภาจังหวัดได้ลงมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2513 เห็นควรสร้างอนุสาวรีย์ ร.6 ณ สวนสราญรมย์ และได้นำเรื่องเสนอผ่านกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ผ่านคณะรัฐมนตรีจนได้รับอนุมัติเห็นควรสร้างอนุสาวรีย์ แล้วจึงได้นำความกราบบังคมทูลพระราชทานพระบรมราชานุญาตตามลำดับ และได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างได้ตามหนังสือลง วันที่ 22 มกราคม 2514 จึงได้จัดตั้งคณะกรรมการก่อสร้างอนุสาวรีย์ โดยมี ฯพณฯ พลตำรวจเอกประเสริฐ รุจิระวงศ์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในขณะนั้น เป็นประธานคณะกรรมการฯ ซึ่งมีกองหัตถศิลป กรมศิลปกร เป็นผู้ปั้นพระรูปให้ และกองสถาปัตยกรรม กรมศิลปกรได้กรุณาเขียนแบบแปลนแผนผังบริเวณที่จะก่อสร้างให้ ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างอนุสาวรีย์ทั้งหมด.-

ค่าปั้นหล่อพระบรมรูป และพุ่ม 2 พุ่ม เป็นเงิน 105,000 บาท
ค่าก่อสร้างฐานพระบรมรูป ร.6 เป็นเงิน 140,000 บาท ได้รับเงินบริจาคสมทบจากผู้มีจิตศรัทธา เป็นเงิน 134,968.99 บาท และได้ทำพิธีอัญเชิญพระบรมรูป ร.6 ขึ้นประดิษฐ์ฐานบนพระแท่น ในวันที่ 17 มีนาคม 2521
           ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2521 เป็นต้นมา ได้จัดให้มีการถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ ร.6 เป็นประจำทุกปี
บันทึกการเข้า
sig_surath7171
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #31 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:19:31 PM »

แลบลิ้น งอน ผมหายแล้ว เพื่อนบอก  บู่

เพื่อนที่บอก หายรึยัง...

โรงบาลบ้าคนไข้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเครียด หมอที่นี่ก็เลยไม่เครียด ครับ อบอวลด้วยเสียงหัวเราะ 5555
บันทึกการเข้า
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #32 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:20:00 PM »

ผมเคยไปโรงพยาบาลบ้า(ไปกับเพื่อนตามเพื่อนไป  ผมไม่ใช่ผู้ป่วย )

เคยเล่นหมากรุกกับคนบ้า ผมแพ้ 2 ตารวด  บู่
บันทึกการเข้า
RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #33 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:22:18 PM »

แลบลิ้น งอน ผมหายแล้ว เพื่อนบอก  บู่

เพื่อนที่บอก หายรึยัง...

โรงบาลบ้าคนไข้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเครียด หมอที่นี่ก็เลยไม่เครียด ครับ อบอวลด้วยเสียงหัวเราะ 5555

มันมีหลายแบบครับพี่ซิก บางที ดูนานๆ เหมือนเ้ค้าไม่บ้า  แต่ เหมือน บรือๆ ก็มี เพื่อนของเพื่อนผม มันซึมๆ เก็บกด พูดคนเดียว  ครับ  อ๋อย
บันทึกการเข้า
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10195
ออฟไลน์

กระทู้: 47057


M85.ss


« ตอบ #34 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:23:22 PM »

ผมเคยไปโรงพยาบาลบ้า(ไปกับเพื่อนตามเพื่อนไป  ผมไม่ใช่ผู้ป่วย )

เคยเล่นหมากรุกกับคนบ้า ผมแพ้ 2 ตารวด  บู่
อาการหนักกว่าคนบ้า ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #35 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:24:47 PM »

ผมเคยไปโรงพยาบาลบ้า(ไปกับเพื่อนตามเพื่อนไป  ผมไม่ใช่ผู้ป่วย )

เคยเล่นหมากรุกกับคนบ้า ผมแพ้ 2 ตารวด  บู่
อาการหนักกว่าคนบ้า ขำก๊าก

ผมแพ้หมากรุกก็ไม่ได้หมายความว่าบ้านะครับ   กิ๊วก๊าว กิ๊วก๊าว กิ๊วก๊าว
บันทึกการเข้า
sig_surath7171
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #36 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:31:15 PM »

ผมเคยไปโรงพยาบาลบ้า(ไปกับเพื่อนตามเพื่อนไป  ผมไม่ใช่ผู้ป่วย )

เคยเล่นหมากรุกกับคนบ้า ผมแพ้ 2 ตารวด   บู่
อาการหนักกว่าคนบ้า ขำก๊าก

ผมแพ้หมากรุกก็ไม่ได้หมายความว่าบ้านะครับ   กิ๊วก๊าว กิ๊วก๊าว กิ๊วก๊าว
คนบ้าเขามีวิธิคิดที่ซับซ้อนกว่าบัง น่ะ Grin บังเลยเล่นหมากรุกแพ้  คิก คิก
บันทึกการเข้า
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10195
ออฟไลน์

กระทู้: 47057


M85.ss


« ตอบ #37 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:32:53 PM »

ผมเคยไปโรงพยาบาลบ้า(ไปกับเพื่อนตามเพื่อนไป  ผมไม่ใช่ผู้ป่วย )

เคยเล่นหมากรุกกับคนบ้า ผมแพ้ 2 ตารวด  บู่
อาการหนักกว่าคนบ้า ขำก๊าก

ผมแพ้หมากรุกก็ไม่ได้หมายความว่าบ้านะครับ   กิ๊วก๊าว กิ๊วก๊าว กิ๊วก๊าว
เอ็งนั่นแหละบ้า ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

RMAY
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #38 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:34:30 PM »

ผมเคยไปโรงพยาบาลบ้า(ไปกับเพื่อนตามเพื่อนไป  ผมไม่ใช่ผู้ป่วย )

เคยเล่นหมากรุกกับคนบ้า ผมแพ้ 2 ตารวด   บู่
อาการหนักกว่าคนบ้า ขำก๊าก

ผมแพ้หมากรุกก็ไม่ได้หมายความว่าบ้านะครับ   กิ๊วก๊าว กิ๊วก๊าว กิ๊วก๊าว
คนบ้าเขามีวิธิคิดที่ซับซ้อนกว่าบัง น่ะ Smiley



 ตกใจ เอ๊ะ มันหมือนจะเจ็บนะครับ  หัวเราะร่าน้ำตาริน




เอ็งนั่นแหละบ้า ขำก๊าก

อย่าปรักปรำกันดีกว่าครับ  ผมไม่ได้บ้าไม่  เชื่อถามผม ซิว่า ผมบ้ามั้ย  แลบลิ้น บู่
บันทึกการเข้า
sig_surath7171
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #39 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:45:01 PM »

ออกทะเลกันได้ Smiley (ออกจาก โรงบาลบ้ากันก่อนคร้าบ)  คิก คิก
บันทึกการเข้า
YIMTHANOM
Hero Member
*****

คะแนน 466
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2891



« ตอบ #40 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:47:47 PM »


               

               ไต๋ก๋งเรือคนเก่งของเรา เตรียมสตาร์ทเครื่องแล้วครับ............ฮา  คิก คิก

                 ไหว้
บันทึกการเข้า

ปัญหาบางอย่าง แก้ได้ด้วยการนิ่งเฉย
Anuch@rt $. - รักในหลวง
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 63
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 227


« ตอบ #41 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:50:45 PM »

บัง.........   คิก คิก
บันทึกการเข้า
Pandanus
Hero Member
*****

คะแนน 6378
ออฟไลน์

กระทู้: 40175


เรื่องบังเอิญไม่มีจริง


« ตอบ #42 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 03:52:17 PM »

ผิดปากซะที่ไหน....
บันทึกการเข้า
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #43 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 04:11:37 PM »

ผิดปากซะที่ไหน....

ก่าเท่ซู่ร่าด มีโรงบาลคนบ้า คนซู่ร่าดคุยกันเรื่องโรงบาลคนบ้า ผิดตรงไหน
คอนมีเหอ..โรง'บาลคนบ้าฮั้น...

อิจฉาเพื่อน....
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #44 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 04:29:48 PM »

ผิดปากซะที่ไหน....

ก่าเท่ซู่ร่าด มีโรงบาลคนบ้า คนซู่ร่าดคุยกันเรื่องโรงบาลคนบ้า ผิดตรงไหน
คอนมีเหอ..โรง'บาลคนบ้าฮั้น...

อิจฉาเพื่อน....

น้าซับเคยใช้บริการโรงบาลบ้าแล้วยังฮั้น   คิก คิก
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
หน้า: 1 2 [3] 4 5
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 21 คำสั่ง