ชื่อไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ เพราะตอนที่ไปบนรถไม่มีคนชลบุรีนำทาง อาศัยขับรถวนหากัน
จำได้ว่ามีอยู่วันหนึ่งไปทานอาหารหน้ามหาลัยบูรพา แรกก็จะเข้าร้านอะไรไม่รู้ดูดีมีระดับ
แต่สุดท้ายก็เลือกเอาร้านนั่งริมถนน แบบว่าอยากเห็นแบบริงไซส์ ตอนทานอาหารแทบไม่ได้ดูจานครับ
เพราะวัยรุ่นเดินไปเดินมาเยอะมากและดูแล้วเหมือนพวกเธอจะเป็นคนขี้ร้อนซะด้วย
กางกางที่ใส่คำนวณดูแล้วใช้ผ่าไม่น่าถึงครึ่งเมตร ขอบกางเกงนอกกับกางเกงในแทบจะชนกัน
มื้อนั้นกินข้าวแล้วรู้สึกคอแห้งมากมาก ต้องกลืนน้ำลายบ่อยๆ
ที่ทานข้าวประจำก็จะไปร้านแถวริมทะเลและต้องเป็นร้านนั้น จะว่าริมทะเลก็ไม่เชิงเพราะมีถนนกั้นระหว่างทะเลกับร้าน
แต่ก็ได้ยินเสียงน้ำทะเลซัดหาด พอผ่านตอนกลางวันก็เห็นว่าหาดลงเล่นน้ำไม่ได้หรอกเพราะมีแต่โขดหิน
ไปร้านนี้ประจำก็เพราะชอบบรรยากาศชั้น 2 บริเวณติดถนนตรงนั้นไม่มีหลังคา จะไปนั่งตั้งแต่ 6 โมงเย็น
พอ 3 ทุ่มก็กลับไปพักผ่อน มีอยู่วันหนึ่งอ้อมไปอีกทาง ต้องผ่าน อ่างศิลา พอดีก็มีงาน ศาลเจ้านาจา
อันที่จริงชื่อยาวกว่านี้แต่ผมจำไม่ได้ จำได้แต่คำว่านาจา เพราะเหมือนชื่อพระเอกการ์ตูนอะไรสักอย่าง
จัดงานใหญ่โตมาก ก็แวะเข้าไปทำความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนจีน งานนี้คนเยอะมากมากครับ
วันนั้นกว่าจะออกจากศาลเจ้าได้ก็เกือบทุ่ม แต่ก็ไปร้านเดิม ถ้าเป็นอาหารเย็นจะต้องเป็นร้านนี้
ส่วนร้านอาหารกลางวันจะเป็นร้านอะไรไม่รู้อีก ไปเป็นประจำ ต้องเข้าไปในซอยนิดนึง เป็นร้านที่มีโต๊ะมาก มีซุ้มเรือนไม้อีกหลายซุ้ม
เหมือนร้านรับทัวร์ด้วย อาหารก็จะเป็นพวกกุ้งเผา ปูนึ่ง พวกอาหารทะเลเป็นส่วนใหญ่ กลางวันไม่มีเบียร์
เพราะยังอยู่ในช่วงเวลางาน หายใจเข้าออกก็รอมื้อเย็นแหละครับ ไปอยู่ชลบุรีเกือบสัปดาห์ก็ย้ายไปพัทยา
และก็ระยอง แล้วก็วนกลับมาชลบุรี ไปๆ มาๆ อยู่อย่างนี้ร่วมเดือน ก็ได้วิชาแกะปูมาสร้างความมหัศจรรย์ให้กับภรรยาและลูกสาวครับ
ไม่ก่อนไม่ค่อยสั่งปูมาทานเพราะแกะยาก เดี๋ยวนี้ เอามานี้พ่อแกะให้ จับบิดกร๊อบ ดึงออกมาเนื้อปูเป็นพวงเลย
ลูกสาวชอบใจมาก