Ha Ha Ha ฮา "ฮั่นแน่" พี่นัตตา เนี่ยะ "นิสัยไม่ดี" รู้แล้วไม่บอก อ่ะ ฮา
รอให้พี่นายชาย(ฮา) แกมานอนยัน อีกคนอ่ะ ฮา
แกโตที่เขื่อน และเคยวิ่งเล่นที่ตลาด "สามเงา" อ่ะ ฮา
ที่ยันฮีมีนิยาย นายดอกเหม
ต่วยตูนพอกเก็ตปีที่ ๘ เล่มที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๒๒เขื่อนภูมิพลหรือที่คนทั่วๆไปเรียกเขื่อนยันฮีนั้นอยู่ในเขตอำเภอสามเงาจังหวัด ตาก
แยกจากเส้นทางหลวงสาย ๗๒ เข้าไป๑๗ ก.ม. ถนนลาดยางตลอด
นับเป็นสถานที่น่าชมยิ่งแห่งหนึ่ง นักท่องเที่ยวไม่ควรผ่านไปเสีย
การเข้าชมต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่มีอะไรยุ่งยาก เขาบริการให้รวดเร็ว
ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสแสดงอัธยาศัยไมตรีดีมาก
ผม จะไม่พูดถึงความใหญ่โตโอฬารตลอดจนคุณานุประโยชน์ต่างๆของเขื่อนนี้
เพราะเชื่อว่าท่านผู้อ่านคงทราบกันแล้ว แต่ผมจะพูดถึงที่พักแรมของเขื่อน
ซึ่งผมกล้ายืนยันว่าผู้ที่รักธรรมชาติ ผู้ต้องการพักผ่อนอย่างแท้จริง นักเลงเหล้าที่ชอบแกล้มบรรยากาศ
ค่บ่าวสาวที่ต้องการฮันนีมูนอย่างเงียบสงบ ตลอดจนไอ้เฒ่าที่ชอบพาอีหนูหลบแรดในเรือน
ไปหามุมสงัดสุดแสนโรแมนติคเพื่อจู๋ จี๋ ไปที่นี่รับรองไม่ผิดหวัง
มี ที่พักทั้งบังกะโลเหมาะสำหรับผู้มาเป็นหมู่คณะ มีทั้งโรงแรมสำหรับผู้มาพักเป็นคู่ๆ
ตัวโรงแรมเป็นตึกสามชั้นรูปเกือกม้าโค้งยื่นออกทางด้านแม่น้ำปิง
มีสนามหญ้าเขียวขจีมีต้นปาล์มและไม้ดอกประดับอย่างกลมกลืมธรรมชาติ
ต่ำลงไปเป็นหาดทราย มีสะพานเล็กๆยื่นลงไปในลำน้ำปิงที่ไหลมาจากเขื่อน
มีภูเขาสูงเป็นกำแพงยักษ์ล้อมรอบ ยามค่ำแสงไฟจากโคมที่เรียงรายรอบฝั่งกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ
ถ้าเป็นคืนเดือนหงายด้วยบรรยากาศจะตรึงท่านให้เหมือนอยู่โลกของความฝัน
และเกิดดนตรีในหัวใจในท่วงทำนองSleepy Lagoonทีเดียว
ที่ นั่นมีห้องอาหารบริการ อาหารอร่อย ราคาถูก เรื่องน้ำไฟไม่ต้องห่วงเขาทำได้เอง
ไฟสว่างจ้า น้ำไหลแรงจนไม่คิดว่าเป็นเมืองไทย แอร์เย็นเฉียบ การตกแต่งห้องสะอาดตาหมดจดสวยงาม
ค่าที่พักห้องเตียงคู่เพียงคืนละ๑๕๐บาทเท่านั้น(อัตาปี๑๙)
ผมเชื่อว่าหลายท่านคงเกิดปรัศนีในหัวใจกี่ยวกับชื่อ ยันฮี ฟังแล้วมันเพี้ยนๆจั๊กกะเดียมใจชอบกล
ไหนๆมายันฮีทั้งทีก็ควรจะรู้ความหมายเอาไว้ด้วย เพื่อเกิดความประทับใจมิรู้ลืม
หรือเอาไว้คุยแกล้มเหล้าก็ไม่ผิดกติกาอะไร
ผู้ ที่ทำให้บันลือไปทั่วไทยและทั่วโลกได้แก่พวกกรมชลประทาน เพราะได้ไปสร้างเขื่อนติดอันดับโลกไว้ที่นั่น
พวกกรมชลประทานโดยเฉพาะนายช่างสร้างเขื่อนจึงน่าจะรู้เรื่องยันฮีดีกว่าใครๆ
ความ คาดคะเนของผมไม่ผิด พอถามคุณต่วยซึ่งเป็นคนเก่ากรมชลคนหนึ่งแกก็ตบโต๊ะปัง
หูตาแจ่มใสด้วยได้มีโอกาสพูดคุยถึงเรื่องเก่าๆสมัยยังฟิตเปรี๊ยะปร๊ะ
“คุณ ถามถูกคนแล้ว ผมนี่แหละเป็นนายช่างคนหนึ่งที่บุกเบิกสร้างเขื่อนยันฮี
สมัยนั้นอายุผมเพิ่ง๒๙ปี ชีวิตกำลังสนุก มันส์มหามันส์ ซอกแซ่กรู้ไปเสียหมด
ผมอยู่ที่นั่นหลายปี เพราะฉะนั้นอยากทราบอะไรจงถาม แม้แต่เรื่องแคมป์โอผมก็รู้เพราะเป็นลูกค้าประจำ”
ผม ดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้เจอผู้สันทัดกรณีเกี่ยวกับเขื่อนยันฮี นึกตำหนิตัวเองมีตาเสียเปล่าหามีแววไม่
รู้จักคุณต่วยมาหลายปีดีดัก กินเหล้าด้กันหมดไปไม่รู้กี่ไห
หามองเห็นมาดนายช่างใหญ่ผู้แข็งแกร่งที่ซ่อนอยู่ในร่างอันบวมเป่งไม่
ขณะ ที่ผมกำลังตื่นตะลึกกับสง่าราศีของนายช่างใหญ่อยู่นั้น คุณต่วยก็กรอกเหล้าแก้วที่๑๐ลงคออั้กๆ
แล้วยกมือเสยผมที่ย้อยปกลานหน้าผากพลางสำทับ
“ถาม...ถามมา อยากรู้อะไรเกี่ยวกับยันฮี”
“คือผมอยากรู้ว่าชื่อยันฮีน่ะแปลว่าอะไร”คุณต่วยแหงนหน้าหัวเราะด้วยมาดของผู้หยั่งรู้ยันฮี
“อ๋อ เรื่องนี้มันมีตำนาน...คือที่ตำบลนั้นมีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง ชาวบ้านเขาเรียกเขาอาบนาง
พูดให้เข้าใจง่ายก็คือภูเขาที่มีรูปร่างเหมือนผู้หญิงอาบน้ำนั่นแหละ...”
“อืมม์ น่าสนแฮะ” เรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงยิงเรือนี่ไม่รู้เป็นไง ผมชอบฟังซะจริง
“ไม่ใช่ผู้หญิงกระจอกๆนะ ขั้นนางพญาเชียวแหละ”
“ชื่ออะไรมิทราบ”
“พระนางจามเทวี”
“แล้วทำไมพระนางจึงดันมาอาบน้ำที่นั่นล่ะ” ผมอยากรู้จริงๆไม่ได้แกล้งถาม
เพราะเท่าที่เรียนประวัติศาสตร์กมางูๆปลาๆ ผมจำได้ว่าพระนางจามเทวีนี้เป็นนางพญาครองเมืองหริภุญไชย(ลำพูน)
แล้วทำไมประดักประเดิดมาอาบน้ำเมืองตากที่ห่างกันตั้งหลายโยชน์
คุณต่วยตวาดแว้ด
“นั่นมันเรื่องปลีกย่อย ไม่ควรเอามาคิดให้รกสมอง
เอาเป็นว่าพระนางจามเทวีมาอาบน้ำที่นี่ก็แล้วกัน”
“เอางั้นก็ได้” ผมยอมคล้อยตาม “แต่พระนางอาบน้ำ แล้วมันกลายเป็นยันฮีได้อย่างไร”
คุณต่วยหันซ้ายแลขวารอบๆ เมื่อไม่เห็นสตรีใดอยู่ในรัศมีที่คลื่นเสียงจะไปถึง
ก็กระซิบกระซาบตำนานท็อปซีเครท
“ภูเขาพระนางจามเทวีน่ะ มันเหมือนผู้หญิงยืนแช่น้ำ แล้ว...”
ฮื่อ แล้วไงต่อ”
คุณต่วยทำหน้าล่อกแล่กหันซ้ายขวาอีกรอบ “แล้วระดับน้ำในแม่น้ำปิงช่วงนั้นน่ะมันสูงพอดี...
พอดียันตรงนั้นของพระนางน่ะซี”ผมสำลักเหล้า
“แม่โว้ย เรียกกันดื้อๆอย่างนั้นเชียวหรือ”
“ใช่แล้ว เดิมทีเขาเว้าซื่อๆด้วยซ้ำ แต่เราเรียกให้มันเพี้ยนไปนิดๆจะได้ไม่ระคายหู”
“เรื่องจริงเรอะเนี่ย”
คุณต่วยค้อนควักยังกะสาวรุ่น และเมื่อเห็นผมทำท่าไม่ค่อยเชื่อ แกก็พยายามหาหลักฐานอื่นมาอ้างอิงเพิ่มเติม
“ที่นั่นยังมีเจดีย์ประหลาดๆอยู่องค์หนึ่ง คุณเห็นรึเปล่า”
“เห็น”
“นั่นแหละ เขาเรียกเจดีย์มอย”
“ชื่อชอบกลเหมือนกันแฮะ มีตำนานเหมือนกันเรอะ”
“อ๋อ มีซี ตำนานเข้ากันกับเรื่องแรกได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวล่ะ”
คุณต่วยซดเหล้าโดยไม่ใยดีกับแกล้มอีกฮวบหนึ่ง
“เขา เล่าว่า สมัยพระนางจามเทวีอีกนั่นล่ะ พวกพม่ายกทัพเข้ามาทางนั้น
แต่ละคนทรงวิทยาอาคมทั้งนั้น ฟันฉับๆมันยังเฉย ตีตูมๆมันก็เฉย
มาดมันไม่วอกแวกทั้งๆที่นุ่งโสร่ง ไม่ได้สวมกางเกงยีนส์ซักหน่อย”
“ยังงี้เราจะไปสู้มันไหวเรอะ” ผมสงสัย
“นั่นซี แต่คนไทยซะอย่างสบายไปแปดอย่าง
เรื่องไสยศาสตร์เราไม่น้อยหน้าใคร พม่าอาคมขลังนัก เราหาวิธีแก้จนได้”
“ทำยังไง”
“พระนางจามเทวีทรงบัญชาให้สร้างเจดีย์ ก็องค์ที่ทรงประหลาดๆนั่นแหละ
แล้วพระนางก็เอาขนเพชรบรรจุไว้”
“ฮ้า ! ทำไมวิตถารอย่างนั้น”
“แก้ เคล็ดไงเล่า พวกพม่านับถือปูชนียสถานเหมือนคนไทย
เห็นเจดีย์เข้าก็กราบไหว้ หารู้ไม่ว่าบรรจุขนเพชรอาคมเลยเสื่อม
ถูกพี่ไทยไล่ฟันฉับเข้าฉับเข้า แตกกระจุย...”
“ถ้าอย่างนั้นชื่อเจดีย์มอบก็เพี้ยนมาจากไอ้นั่นซี”
ตำนานยันฮีของคุณต่วยประทับใจผมสุดแสน
ดังนั้นถ้าคุยกับใครเรื่องยันฮีผมเป็นต้องแสดงตัวเป็นผู้รู้เล่าตำนานให้ฟัง ทุกที
จนกระทั่งผมบังเอิญได้คุยกับผู้ว่าฯปัญญา ฤกษ์อุไร
ผมทราบว่าท่านเคยเป็นนายอำเภอสามเงาที่เขื่อนยันฮีตั้งอยู่
ด้วยความที่อยากจะอวดภูมิว่ารู้เรื่องยันฮีเหมือนกัน ผมจึงขยายตำนานให้ท่านฟัง
ท่านผู้ว่าหัวเราะพุงกระเพื่อม “ใครเล่าให้คุณฟัง ต้องเป็นคุณต่วยแน่ๆเชียว”
“ทำไมท่านรู้ล่ะครับ” ผมหน้าเหรอ
“ก็ไอ้ตำนานที่คุณเล่าน่ะมันเป็นของกรมชลฯเขาแต่งขึ้นนี่
ตอนที่ผมป็นนายอำเภอที่นั่นผมก็ได้ฟังเหมือนกัน”
“แล้วไม่จริงหรือครับ”
“ผมก็ไม่อยากปฎิเสธเพราะคุณต่วยแกนั่งยันนอนยันว่าเรื่องจริง
แต่ที่ผมรู้มานะ มันอีกอย่างหนึ่ง” ผู้ว่าฯแบ่งรับแบ่งสู้ คงไม่อยากหักหาญน้ำใจคุณต่วย
“เท่าที่ผมทราบนั้นเดิมทีแถบเขื่อนเขาเรียกย่านรี หมายถึงย่านที่ภูเขาขนาบบีบแม่น้ำจนแคยรี
แต่ชาวบ้านแถบนั้นออกเสียงย่านเป็นยั่ยนหรือยัน และออกเสียงรีเป็นฮี
เจ้าหน้าที่ไปสำรวจที่ทางทำเขื่อนฟังเป็นยันฮีก็เขียนรายงานตามที่ได้ยิน
ย่านรีจึงกลายเป็นยันฮี ฟังๆคล้ายภาษาพม่ารามัญหรือภาษาแขกไปเลย”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง แล้วเจดีย์มอยล่ะครับ บรรจุไอ้ขนอย่างว่าจริงรึเปล่า”
ผู้ว่าฯปล่อยก๊ากน้ำลายกระเซ็นก่อนตอบ
“มัน ก็มาอีหรอบเดียวกับยันฮีนั่นล่ะ คือเจดีย์น่ะปกติมันจะมียอดแหลมๆ
แต่เจดีย์มอยยอดมันมนๆป้านๆ ชาวบ้านแถบนั้นเขาเรียกมอย เจดีย์มอยก็เจดีย์มนนั่นเอง”
“เป็น อันว่าตำนานเขื่อนยันฮีที่ได้จากคุณต่วยและผู้ว่าปัญญาไม่เหมือนกัน
ทั้งสองท่านต่างเป็นผู้สันทัดกรณีเกี่ยวกับยันฮีทั้งคู่ คุณต่วยเป็นนายช่างสร้างเขื่อน
ท่านผู้ว่าฯเคยเป็นนายอำเภอสามเงาที่ตั้งเขื่อน
ท่านผู้อ่านจะเชื่อตำนานของใครก็ตามอัธยาศัยเถิด
แต่ผมน่ะยังรักจะเชื่อตำนานคุณต่วย มันพิลึกพิลั่นพิเรนดีแท้
ฟังแล้วครึ้มใจจริงๆพับผ่าซีเอ้า