คิด ๆ ตรึกตรองดูตั้งนาน ว่าจะร่วมสนทนากระทู้ดีหรือไม่ สุดท้าย ก็มีเรื่องเล่า ตามสไตล์เรื่องยาวของผม
ญาติของพี่เขยผม เป็นคนพื้นเพวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
มีลูกชายสองคนก่อนจะเลิกกับภรรยา และไปได้ภรรยาใหม่ เป็นชาวนรเวย์
ตอนเลิกกับภรรยาใหม่ ๆ พี่จ้ำ พ่อของตาตั้มและตาตี่ ก็ไม่ได้ดูแลลูกทั้งสองเท่าไหร่นัก เพราะต้องเทียวไปเทียวมาอ่างทองกับนรเวย์
จนไปได้พี่มารีย์มาเป็นแม่เลี้ยงให้สองเด็กนั่น เลยได้สังเกตุ ว่าตาตั้มลูกคนโต ที่ชอบเล่นดนตรีไทยแทบทุกชนิด เบี่ยงเบนไปซะแล้ว
ย่าเขาไม่ชอบ....ถึงจะเรียบร้อยเอาการเอางานเอาเรียน แต่ย่ากับปู่ที่เลี้ยงมา รับไม่ได้กับอาการตุ้งติ้งของตาตั้มในวัย 14 ปี
ผิดกับตาตี่วัย 12 (ตอนนั้น)ที่เป็นลิงเป็นค่าง เกะกะ โวยวาย ดื้อตาใส ขี้เกียจ โกหกเป็นไฟ แต่ก็ทำตัวแมนสมกับเพศ
ตอนนี้ ตาตี่ วัย 15 ปี อยู่กับปู่ย่าที่วิเศษชัยชาญ พาหญิง ม.ต้นเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน อ้างว่า เป็นเมีย...ให้ปู่ย่าได้ปวดหัว
ตาตั้ม ย้ายไปอยู่กับพี่มารีย์ ที่นรเวย์ ไปเรียนที่โน่น ตอนไป ก็หอบเอาเครื่องดนตรีไทยสารพัดอย่างไปด้วย ถึงจะยอมไป
เมื่อไปอยู่ต่างแดน ตาตั้มเอาเวลานอกเวลาเรียน ไปเล่นดนตรีไทยในโรงแรม มีรายได้ต่อเดือน มากกว่ารายได้ของพี่จ้ำกับพี่มารีย์รวมกัน
ปู่กับย่า ยังเข้าใจว่า เงินเดือนละสองสามหมื่น ที่ส่งมาจากนรเวย์ เป็นเงินลูกชาย แท้จริง เป็นเงินของหลานคนที่แกเกลียด
ตอนนี้ ตาตั้มมีเงินมาก จนคิดจะปลูกบ้านใหม่ให้ย่ากับปู่ที่อ่างทอง แต่พ่อห้ามเอาไว้ ด้วยว่า ยังไม่ถึงเวลา
.............
คนเรา เป็นอะไร อย่างไร ไม่สำคัญเท่าเป็นคนดีของพ่อแม่ ของสังคม
เป็นแมน ไม่เป็นแมน แล้วทำอะไรสนองคุณผู้ให้กำเหนิดบ้าง
ลูกเบี่ยงเบน กับลูกเป็นกุ๊ย เลือกเอา จะเอาอะไร ตัวเขาเป็นเขา เราเลี้ยงได้แต่ตัว สอนให้เขาเป็นคนดี เท่านั้นเอง