เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 20, 2024, 11:38:29 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4 5 ... 10
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความเป็นธรรมอยู่ที่ไหน ?  (อ่าน 19021 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #15 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 05:03:59 PM »

ปกติการให้ยา ต้องถามประวัติก่อน ว่าเคยแพ้ยาหรือไม่
จะมาบอกให้นะครับ ว่า " มาตรฐาน " วิชาชีพแพทย์เป็นอย่างไร ประวัติและการตรวจร่างกายสำคัญที่สุด
หากไม่มีประวัติว่าแพ้ยา ก็ต้องมาดูว่ายานั้นๆ มีความเสี่ยงที่จะแพ้ยาสูงหรือไม่ เช่นถ้ายาที่ใช้ มีโอกาสแพ้ ยกตัวอย่าง  1:10000 อย่างนี้ถือว่ามาก  อาจต้องให้สารตั้งต้นที่ใกล้เคียง เพื่อทดสอบก่อนว่าแพ้หรือไม่
แล้วจะบอกให้ครับ ไม่มีใครบอกได้ว่า ต่อให้ทดสอบยานั้นๆ ในปริมาณที่น้อยๆ ก่อน คนไข้อาจจะแพ้ทันทีถึงช็อคได้ (anaphylaxis )
ประเด็นคือถ้าแพ้ยาขึ้นมาแบบรุนแรง มีการเตรียมการรักษา มีอุปกรณ์และยาช่วยชีวิตต้องพร้อม
 ยาแก้ปวดโรคข้อที่ให้ ก็เป็นยาที่ใช้กันทั่วไป แพทย์ก็จ่ายยาตามประวัติและตรวจร่างกายเป็นหลัก
ข้อเท็จจริงก็ส่วนหนึ่ง อารมณ์ความรู้สึกก็ส่วนหนึ่ง
แต่คนที่ไม่มีความรู้จริงทางการแพทย์ มาวิจารย์ว่ามาตรฐานห่วยแตก ผมถือว่าไม่มีมารยาทครับ

เป็นหมอใช่ไหมครับ... ถ้าเป็นหมอแล้วอ่านภาษาไทยไม่กระจ่าง จากนั้นบอกว่าผู้อื่นไม่มีมรรยาท ถีอว่าเป็นหมอห่วยแตก และเป็นหมอปากเสียครับ...

ลองกลับไปอ่านใหม่ให้ดี อ่านช้าๆ... ในนั้นบอกว่าหากมาตรฐานวิชาชีพฯ ไม่สามารถแก้โจทย์ได้ว่าทำยังไงไม่ให้คนไข้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วยแตก...
ตามที่บอกมานั้นแสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพเขาต้องมีกรรมวิธีการตีโจทย์นี้ให้แตก แล้วหากยังอุตส่าห์หลุดรอดออกไปเกิดแพ้ยาขึ้นมาได้ ก็ต้องตามแก้ไขไม่ให้เกิดเรื่องเสี่ยงตาย เสี่ยงตาบอด(ตามท้องเรื่องในกระทู้)... อย่างนี้คือสิ่งที่ควรจะเป็น ซึ่งไม่ใช่ตามท้องเรื่องในกระทู้...

หากเป็นหมอแล้วปากเสียไม่มีวิจาณาญาณ ที่ว่า"จะบอกให้"น่ะ... ไม่ต้องมาทำปากเสียทำเป็นทวงบุญคุณหรอกครับ ไม่มีใครสนใจหรอกว่าจะทำอย่างไร เอาเป็นว่าไปหาหมอเพราะป่วยไข้ ก็อยากให้หมอรักษาให้หาย...

แต่ถ้าเจอหมอห่วยๆ บอกว่ามีโอกาสแพ้ยา(อันนี้ยังยอมรับ - แต่หมอแก้โจทย์ยังไง) แล้วถ้าแพ้ยาก็ถือว่าเป็นความซวยของคนไข้(อันนี้ยอมรับไม่ได้)... งั้นหมอห่วยๆก็บอกว่า เอ๊า!เอาตังค์ไปสามแสนบาทแล้วจบๆกันดีกว่า แบบนี้หมอห่วยแตก แถมปากเสียอีกต่างหากครับ...

หมอในประเทศไทยส่วนใหญ่เขาไม่เป็นแบบนี้หรอก หมอแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ห่วยแตก... หมอดีๆ ที่มีคนนับหน้าถือตาก็มีแยะ ส่วนหมอห่วยแตกเห็นคนไข้เดินเข้าห้องมายกมือไหว้ ก็สำคัญผิดคิดว่าตัวเองเลิศเลอ, ที่คนไข้เขายกมือไหว้ ก็เพราะอาชีพนี้"ส่วนใหญ่"ทำงานไปได้บุญกุศลไป เพราะช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก...

แต่คนไข้ไม่รู้หรอกว่าที่ไหว้ไปน่ะ เป็นหมอ"ส่วนน้อย"แค่บางคน... ก็ไม่รู้หรอกว่าท่านเป็นหมอที่ไหน แต่ถ้ารู้ก็จะบอกต่อว่าหมอคนนี้มีทัศนคติว่า คนไข้ที่เดินไปให้รักษา หมอก็เห็นคนไข้เหมือนเล่นรัสเซี่ยนรูเล็ต, หากซวยแพ้ยาก็ป๊อก!!! เอ๊า เอาไปสามแสน(เพื่อมนุษยธรรม - ตามที่อ้าง)...

สามแสนบาทนี่เงินรายได้คนส่วนใหญ่ถือว่ามาก เพราะรถเก๋งคันละ 6 แสน, แต่คนที่รู้จะบอกว่าเงินแค่นี้มันก็แค่รายได้เดือนเดียวของหมอคนนั้นฯ... แล้วจากนั้นคนไข้ก็จะอุทานว่า"โธ่ ทั้งชีวิตฉันก็แค่เงินเดือน เพียงเดือนเดียวเอ๊งงง"... เฮ้อ...

หมอส่วนใหญ่เขาไม่เป็นอย่างท่านหรอก...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #16 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 06:32:05 PM »

เรื่องแบบนี้ยังคงเป็นจริงอยู่เสมอครับ, มี"คนดี"มากมาย ที่เป็นคนดีแต่ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม... ตามท้องเรื่องในกระทู้นี้ เข้าใจว่าสาเหตุของเรื่องที่แพ้คดี อาจเกิดจากสู้คดีแบบอนาถา เพราะคดีแบบนี้จะได้ทนายที่ศาลหาให้ แล้วประเด็นคือเรื่องราวข้อเท็จจริงที่พิสูจน์กันในศาลนั้นอาจเหมือนหรือไม่เหมือนกันกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นจริงก็ได้ครับ...

มีคดีอีกประเภทหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าไม่ค่อยยุติธรรมในหมู่คนจน ก็คือคดีเกี่ยวกับแรงงาน, ทั้งที่กระบวนการพิจารณาของศาลแรงงานนั้น ศาลสามารถสอบถามซักไซ้ไล่เรียงข้อมูลได้โดยที่ไม่ต้องรอให้ทนายยกขึ้นมา อีกทั้งยังไม่ต้องใช้ทนายก็ได้... แต่จากสถิติที่มีคนไปเก็บมา ใครไม่มีทนายมักแพ้ครับ, แล้วที่แสบที่สุดคือฝ่ายที่ไม่มีทนายคือฝ่ายคนจน ซึ่งได้แก่ฝ่ายลูกจ้างนั่นเอง...

คนจนอยู่ในสังคมไทยด้วยความยากลำบากไปหมด ด้วยความที่คนจนส่วนใหญ่เป็นคนดี คนดีส่วนใหญ่จึงถูกเอาเปรียบสารพัด เอาเปรียบแล้วก็ไม่เคยเหลียวแล... ครั้งล่าสุดนายสมชายผิดหวังมากกับรัฐบาลที่แล้ว ที่ใช้ต้นทุนของสิ่งที่อยู่ที่สูงสุดของประเทศให้หมดไปโดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรในโครงสร้างของสังคมอย่างที่หวัง...

หรือไม่ต้องดูอะไรมาก แค่ในเว็บนี้เองก็ยังอุตส่าห์มีคนมาถามเรื่องปล่อยเงินกู้นอกระบบในรูปของสัญญาเช่าซื้อทองคำ... ที่แสบคือทำไก๋บอกว่าเพื่อช่วยคนจน... ฮา...


ผมว่าคงมีคนผิดหวังเช่นพี่สมชายเยอะเหมือนกันนะครับ 

ปล.อยากรู้จริงครั้งที่ผ่านมาพี่สมชายกาช่องไหน   เยี่ยม   

กาพรรคเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยนั่นแหละครับ... แฮ่ๆ...
บันทึกการเข้า
m620- รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 67
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 668



« ตอบ #17 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 06:51:27 PM »

ก็การที่คนไม่มีความรู้ ไม่รู้จริง มาวิจารย์ไปเรื่อยเปื่อยนี่ล่ะครับ เรียกว่าปากเสีย
มาตรฐานวิชาชีพในการตรวจรักษาผู้ป่วย เพื่อป้องกันผลข้างเคียง และผลเสียจากการใช้ยา ที่ดีที่สุด ก็คือ การซักประวัติและตรวจร่างกายครับ
ซึ่งจะสามารถสกรีนผู้ที่คาดว่าจะพบอาการข้างเคียงไปได้เกือบ 100 %  ส่วนน้อยที่แพ้ยาโดยไม่มีประวัติมาก่อน นั้นก็เกิดขึ้นได้ แต่ก็น้อยมากๆ และเมื่อเกิดขึ้น มาตรฐานทางวิชาชีพแพทย์ ก็ต้องเตรียมพร้อมและรักษาอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์นั้นได้อย่างเต็มที่

ตัวท่านนั่นล่ะครับ อ่านข้อความไม่แตก ไม่รู้ว่าอะไรคือมาตรฐานวิชาชีพ ไม่มีความรู้เรื่องวีธีการตรวจรักษา ไม่มีแพทย์คนไหนหรอกนะครับ ที่จะบอกได้ 100% ว่าผู้ป่วยรายใดจะแพ้ยาบ้าง

การกล่าวว่า  หากมาตรฐานวิชาชีพฯ ไม่สามารถแก้โจทย์ได้ว่าทำยังไงไม่ให้คนไข้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วยแตก...

คุณนั่นล่ะครับ ห่วยแตก ไม่มีความรู้ สักแต่เอาสนุกป่าก
ปากเสียปากพล่อยจริงๆ
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #18 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 07:19:49 PM »

ก็การที่คนไม่มีความรู้ ไม่รู้จริง มาวิจารย์ไปเรื่อยเปื่อยนี่ล่ะครับ เรียกว่าปากเสีย
มาตรฐานวิชาชีพในการตรวจรักษาผู้ป่วย เพื่อป้องกันผลข้างเคียง และผลเสียจากการใช้ยา ที่ดีที่สุด ก็คือ การซักประวัติและตรวจร่างกายครับ
ซึ่งจะสามารถสกรีนผู้ที่คาดว่าจะพบอาการข้างเคียงไปได้เกือบ 100 %  ส่วนน้อยที่แพ้ยาโดยไม่มีประวัติมาก่อน นั้นก็เกิดขึ้นได้ แต่ก็น้อยมากๆ และเมื่อเกิดขึ้น มาตรฐานทางวิชาชีพแพทย์ ก็ต้องเตรียมพร้อมและรักษาอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์นั้นได้อย่างเต็มที่

ตัวท่านนั่นล่ะครับ อ่านข้อความไม่แตก ไม่รู้ว่าอะไรคือมาตรฐานวิชาชีพ ไม่มีความรู้เรื่องวีธีการตรวจรักษา ไม่มีแพทย์คนไหนหรอกนะครับ ที่จะบอกได้ 100% ว่าผู้ป่วยรายใดจะแพ้ยาบ้าง

การกล่าวว่า  หากมาตรฐานวิชาชีพฯ ไม่สามารถแก้โจทย์ได้ว่าทำยังไงไม่ให้คนไข้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วยแตก...

คุณนั่นล่ะครับ ห่วยแตก ไม่มีความรู้ สักแต่เอาสนุกป่าก
ปากเสียปากพล่อยจริงๆ

หลงประเด็นน่ะครับ... กลับไปอ่านเอาใหม่ อ่านดังๆ ให้หูตัวเองฟังเสียงที่อ่าน ฟังแล้วหาความหมายด้วย หากฟังแล้วยังไม่รู้ความหมายให้ตบปากที่อ่านออกเสียง เพราะปากพล่อย แล้วก็ตบกบาลที่มีสมองบรรจุอยู่ด้วย เพราะสมองมันอีโก้สูงเกิน...

มาตรฐานวิชาชีพน่ะเขาแก้โจทย์ได้ นั่นคือไม่ห่วยแตก... แต่มันมีหมอห่วยๆหนึ่งคนมาทำเป็นบอกว่าคนไข้แพ้ยาน่ะ เอาเงินฟาดหัวมันไปสามแสน แล้วจบเรื่องน่ะสมควรแล้ว...
Post ข้างบนนั้นทั้งหมดหมดนั่นด่าหมอห่วยแตก ดูถูกคนไข้เห็นเป็นแค่เล่นกับดวง... ไม่เคยอยากให้คนอื่นพ้นทุกข์ จึงไม่ได้เสนอแนวทางเยียวยาคนไข้ ทัศนคติมันแย่ ปากมันก็พล่อย...

ความรู้อะไรนั่นน่ะ ไม่มีใครเขาสนใจกันหรอก หลงประเด็นตามประสาคนสำคัญผิดตัวเอง... คนไข้เขาสนแต่ว่าฉันเจ็บไข้ ไปหาหมอก็อยากให้หาย หมอรักษาให้ไม่หายก็แสดงว่าหมอฝีมือไม่มี ไม่มีศิลปะตามชื่อใบประกอบโรคศิลปะฯ...

จะวิจารณ์เรื่องนี้น่ะ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่มีความรู้ลงในรายละเอียดหรือไม่ ประเด็นคือหากมาตรฐานมันเป็นอย่างนั้น คือไม่สนใจป้องกันไม่ให้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานห่วย... ซึ่งมาตรฐานมันไม่ได้ห่วย แต่หมอฝีมือกระจอกมันทำให้เกิดเรื่องใหญ่ด้วยความห่วยในฝีมือ...

หมอปากพล่อยๆปากเสีย มีแค่คนเดียวนี่แหละ... ส่วนใหญ่คนอื่นเขาทำตัวให้ผู้คนเคารพกัน...

บันทึกการเข้า
plo-รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 51
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 782



« ตอบ #19 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 07:46:38 PM »

ก็การที่คนไม่มีความรู้ ไม่รู้จริง มาวิจารย์ไปเรื่อยเปื่อยนี่ล่ะครับ เรียกว่าปากเสีย
มาตรฐานวิชาชีพในการตรวจรักษาผู้ป่วย เพื่อป้องกันผลข้างเคียง และผลเสียจากการใช้ยา ที่ดีที่สุด ก็คือ การซักประวัติและตรวจร่างกายครับ
ซึ่งจะสามารถสกรีนผู้ที่คาดว่าจะพบอาการข้างเคียงไปได้เกือบ 100 %  ส่วนน้อยที่แพ้ยาโดยไม่มีประวัติมาก่อน นั้นก็เกิดขึ้นได้ แต่ก็น้อยมากๆ และเมื่อเกิดขึ้น มาตรฐานทางวิชาชีพแพทย์ ก็ต้องเตรียมพร้อมและรักษาอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์นั้นได้อย่างเต็มที่

ตัวท่านนั่นล่ะครับ อ่านข้อความไม่แตก ไม่รู้ว่าอะไรคือมาตรฐานวิชาชีพ ไม่มีความรู้เรื่องวีธีการตรวจรักษา ไม่มีแพทย์คนไหนหรอกนะครับ ที่จะบอกได้ 100% ว่าผู้ป่วยรายใดจะแพ้ยาบ้าง

การกล่าวว่า  หากมาตรฐานวิชาชีพฯ ไม่สามารถแก้โจทย์ได้ว่าทำยังไงไม่ให้คนไข้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วยแตก...

คุณนั่นล่ะครับ ห่วยแตก ไม่มีความรู้ สักแต่เอาสนุกป่าก
ปากเสียปากพล่อยจริงๆ

หลงประเด็นน่ะครับ... กลับไปอ่านเอาใหม่ อ่านดังๆ ให้หูตัวเองฟังเสียงที่อ่าน ฟังแล้วหาความหมายด้วย หากฟังแล้วยังไม่รู้ความหมายให้ตบปากที่อ่านออกเสียง เพราะปากพล่อย แล้วก็ตบกบาลที่มีสมองบรรจุอยู่ด้วย เพราะสมองมันอีโก้สูงเกิน...

มาตรฐานวิชาชีพน่ะเขาแก้โจทย์ได้ นั่นคือไม่ห่วยแตก... แต่มันมีหมอห่วยๆหนึ่งคนมาทำเป็นบอกว่าคนไข้แพ้ยาน่ะ เอาเงินฟาดหัวมันไปสามแสน แล้วจบเรื่องน่ะสมควรแล้ว...
Post ข้างบนนั้นทั้งหมดหมดนั่นด่าหมอห่วยแตก ดูถูกคนไข้เห็นเป็นแค่เล่นกับดวง... ไม่เคยอยากให้คนอื่นพ้นทุกข์ จึงไม่ได้เสนอแนวทางเยียวยาคนไข้ ทัศนคติมันแย่ ปากมันก็พล่อย...

ความรู้อะไรนั่นน่ะ ไม่มีใครเขาสนใจกันหรอก หลงประเด็นตามประสาคนสำคัญผิดตัวเอง... คนไข้เขาสนแต่ว่าฉันเจ็บไข้ ไปหาหมอก็อยากให้หาย หมอรักษาให้ไม่หายก็แสดงว่าหมอฝีมือไม่มี ไม่มีศิลปะตามชื่อใบประกอบโรคศิลปะฯ...

จะวิจารณ์เรื่องนี้น่ะ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่มีความรู้ลงในรายละเอียดหรือไม่ ประเด็นคือหากมาตรฐานมันเป็นอย่างนั้น คือไม่สนใจป้องกันไม่ให้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานห่วย... ซึ่งมาตรฐานมันไม่ได้ห่วย แต่หมอฝีมือกระจอกมันทำให้เกิดเรื่องใหญ่ด้วยความห่วยในฝีมือ...

หมอปากพล่อยๆปากเสีย มีแค่คนเดียวนี่แหละ... ส่วนใหญ่คนอื่นเขาทำตัวให้ผู้คนเคารพกัน...



 เยาะเย้ย เยาะเย้ย เยาะเย้ยอย่าไปว่าเขามากพี่.......เดี๋ยวเขาไปฟ้อง  แพทย์สภา  เอาชื่อพี่ลง แบล็กลิส์ นะพี่ Tongue Tongue Tongue
บันทึกการเข้า
m620- รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 67
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 668



« ตอบ #20 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 08:09:55 PM »

ตัวเองหลงประเด็นไปแล้วยังไม่รู้ตัวอีก ถ้าไม่เข้าใจก็ถาม ไม่ใช่รั้นเถียงเอาๆ แถไปเรื่อย

คุณพูดเอง ว่า หากมาตรฐานวิชาชีพฯ ไม่สามารถแก้โจทย์ได้ว่าทำยังไงไม่ให้คนไข้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วยแตก...

กลับไปอ่านที่อธิบายไว้นะครับ  เข้าใจประเด็นไหมครับ ว่าไม่มีใครสามารถป้องกันไม่ให้คนไข้แพ้ยาได้ 100% ถ้าไม่เข้าใจก็อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าจะซึมเข้าสมองที่อีโก้สูงๆ ใครเห็นต่างไม่ได้

มีแพทย์คนไหนอยากให้คนไข้แพ้ยาบ้างครับ มีใครอยากให้คนไข้ไม่พ้นทุกข์ แพทย์ทุกคนอยากให้ผู้ป่วยหาย หรือสุขสบายที่สุดเท่าที่ทำได้ทั้งนั้น

ยาที่ใช้ จ่ายกันปีหนึ่งๆ เป็นสิบๆ ล้านออร์เดอร์ มีแพ้ยารุนแรงโดยไม่มีประวัติมาก่อนน้อยมาก อันนี้ต่างจากเล่นกับดวง เพราะแพทย์ย่อมสั่งยาโดยอาศัยการซักประวัติและตรวจร่างกาย และ อาศัยการตรวจอื่นๆ เพิ่ม

การที่มีส่วนน้อยแพ้ยารุนแรง แล้วบอกว่า  ไม่สามารถแก้โจทย์ได้ว่าทำยังไงไม่ให้คนไข้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วยแตก... ให้คนไข้วัดดวงเหมือนเล่นหวย  ปากเสีย ปากพล่อย มาจากสมองห่วยๆ ของคนอีโก้สูง เก่งไปทุกเรื่อง ใครเห็นต่างเป็นไม่ได้

คุณ plo  ครับ แพทย์ทุกท่าน ไม่ว่าผู้ป่วยจะเป็นใคร ต้องรักษาเต็มที่ตามมาตรฐายนวิชาชีพอยู่แล้วครับ


บันทึกการเข้า
plo-รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 51
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 782



« ตอบ #21 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 08:37:29 PM »

ตัวเองหลงประเด็นไปแล้วยังไม่รู้ตัวอีก ถ้าไม่เข้าใจก็ถาม ไม่ใช่รั้นเถียงเอาๆ แถไปเรื่อย

คุณพูดเอง ว่า หากมาตรฐานวิชาชีพฯ ไม่สามารถแก้โจทย์ได้ว่าทำยังไงไม่ให้คนไข้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วยแตก...

กลับไปอ่านที่อธิบายไว้นะครับ  เข้าใจประเด็นไหมครับ ว่าไม่มีใครสามารถป้องกันไม่ให้คนไข้แพ้ยาได้ 100% ถ้าไม่เข้าใจก็อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าจะซึมเข้าสมองที่อีโก้สูงๆ ใครเห็นต่างไม่ได้

มีแพทย์คนไหนอยากให้คนไข้แพ้ยาบ้างครับ มีใครอยากให้คนไข้ไม่พ้นทุกข์ แพทย์ทุกคนอยากให้ผู้ป่วยหาย หรือสุขสบายที่สุดเท่าที่ทำได้ทั้งนั้น

ยาที่ใช้ จ่ายกันปีหนึ่งๆ เป็นสิบๆ ล้านออร์เดอร์ มีแพ้ยารุนแรงโดยไม่มีประวัติมาก่อนน้อยมาก อันนี้ต่างจากเล่นกับดวง เพราะแพทย์ย่อมสั่งยาโดยอาศัยการซักประวัติและตรวจร่างกาย และ อาศัยการตรวจอื่นๆ เพิ่ม

การที่มีส่วนน้อยแพ้ยารุนแรง แล้วบอกว่า  ไม่สามารถแก้โจทย์ได้ว่าทำยังไงไม่ให้คนไข้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วยแตก... ให้คนไข้วัดดวงเหมือนเล่นหวย  ปากเสีย ปากพล่อย มาจากสมองห่วยๆ ของคนอีโก้สูง เก่งไปทุกเรื่อง ใครเห็นต่างเป็นไม่ได้

คุณ plo  ครับ แพทย์ทุกท่าน ไม่ว่าผู้ป่วยจะเป็นใคร ต้องรักษาเต็มที่ตามมาตรฐายนวิชาชีพอยู่แล้วครับ




แพทย์ไม่ได้เต็มที่ทุกคนอย่างคุณบอกหรอกครับ..........อย่าพูดสำนวนดูดีแบบแพทย์สภา เลย

 ยี๊ ยี๊หรือคุณจะให้ผมเล่าที่ผมเจอมากับตัวมั้ยล่ะ ยี๊ ยี๊
บันทึกการเข้า
yod - รักในหลวง ครับ
ความรัก - เริ่ม - จากความรู้สึก หรือ ความคิด กันแน่นะ ..... ประวัติศาสตร์อาจจะย้อนรอยเดิม แต่คนไม่อาจย้อนอดีตได้
Hero Member
*****

คะแนน 1628
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 18173



« ตอบ #22 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 08:41:11 PM »

บอกเล่ามาสิครับ
ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

..สิ่งสำคัญจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า...วันนี้เขาอยู่หรือจากไป
สำคัญที่ว่า...ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน
ขอให้มีความทรงจำที่ดี...ก็เพียงพอแล้ว
อย่างน้อย เราก็ยังมีอะไรดีดีให้นึกถึง
และยิ้มให้ความทรงจำนั้นได้ ...

..กรอบใดกักขังแค่กาย แต่ใจอย่าหมายกั้นได้
โซ่ตรวนรัดรึงตรึงไว้  แต่ใจนั้นใฝ่เสรี..
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #23 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 08:55:28 PM »

ลองกลับไปอ่านใหม่ให้ดี อ่านช้าๆ... ในนั้นบอกว่าหากมาตรฐานวิชาชีพฯ ไม่สามารถแก้โจทย์ได้ว่าทำยังไงไม่ให้คนไข้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วยแตก...
ตามที่บอกมานั้นแสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพเขาต้องมีกรรมวิธีการตีโจทย์นี้ให้แตก แล้วหากยังอุตส่าห์หลุดรอดออกไปเกิดแพ้ยาขึ้นมาได้ ก็ต้องตามแก้ไขไม่ให้เกิดเรื่องเสี่ยงตาย เสี่ยงตาบอด(ตามท้องเรื่องในกระทู้)... อย่างนี้คือสิ่งที่ควรจะเป็น ซึ่งไม่ใช่ตามท้องเรื่องในกระทู้...

เลย Quote มาให้อ่านใหม่... แล้วสรุปให้ฟังซ้ำอีกว่า ด่าหมอห่วย ไม่ได้ด่ามาตรฐานวิชาชีพฯ เพราะมาตรฐานวิชาชีพเขามีวิธีตีโจทย์ให้แตก แล้วหากมันยังอุตส่าห์หลุดได้ ก็มีวิธีการ"กู้สถานการณ์" มันก็เหมือนนักบินมีร่มชูชีพ มีเก้าดีดตัว, เหมือนรถยนต์ต้องมียางอะไหล่ ฯลฯ...

แต่มันมีหมอห่วยๆอยู่คนนึงดันปากเสีย ทัศนคติแย่ ไม่มีสามัญสำนึกช่วยเหลือผู้ป่วย... ดันออกความเห็นนอกจากไม่ได้ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนเจ็บไข้ได้ป่วย ด้วยการบอกว่าที่เขาเอาเงินฟาดหัวไปสามแสนบาทนั่นน่ะ ดีแล้วสมควรแล้ว...

หากนึกไม่ออกว่าจะออกความเห็นยังไงดี ก็หัดเงียบไว้บ้างก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ไม่เป็นการทับถมคนเดือดร้อน... นี่ยังมาบอกว่าต่อให้ขายไตก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา, ก็เลยรู้เลยว่าที่อยู่ในกะโหลกนั้นคิดยังไงกับคนไข้...

นี่ถ้าคนไข้รู้ว่าในหัวหมอคิดยังไง รับรองว่าแทนที่จะยกมือไหว้เวลาเดินผ่านประตู้เข้าห้องตรวจ คนไข้จะขอเปลี่ยนหมอ... เพราะไม่ไว้ใจ แล้วก็ไม่ชัวร์ว่ามีฝีมือหรือเปล่า ก็ลงบอกว่าแพ้ยาน่ะ เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ซวยเอง รับไปซะสามแสนบาทแล้วจบๆ...

สรุปว่าด่าหมอห่วย มีทัศนะคติไม่ดีต่อคนไข้ ดูถูกคนจน เอาเงินฟาดหัว... อ่านซ้ำๆ ออกเสียงดังๆ...
บันทึกการเข้า
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13942


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #24 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 09:15:28 PM »

เรื่องแพ้ยานี่พูดยากมันไม่รู้มาก่อน  และพอแพ้แล้วมันก็จะเปื่อยทั้งตัว  อาการแทรกซ้อนเยอะแยะแผลเน่าเปื่อย ไตวายทางเดินหายใจมีปัญหา แล้วแต่แพ้น้อยแพ้มากกว่าจะหายก็ใช้เวลานาน  ความจริงเข้ารพ.เดิมน่าจะดีกว่า  เรื่องรพ.นี่พูดยากคนไข้มากหมอน้อย   หมอฐานะดีๆทั้งนั้นทำไมเขาต้องมาทำงานรพ.รัฐ  ถ้าไม่มีจิตใจเห็นแก่เพื่อนมนุษย์จริงๆ  เขาไปทำงานที่ไหนก็ได้  พูดอย่างเป็นธรรมก็คือ  "คนไม่ใช่รถที่อะหลั่ยคุณภาพใกล้เคียงกัน"    เปลี่ยนถ่ายแล้วหายเลยเอฟเฟคมันเยอะ  เป็นผมถ้าได้สามแสนผมเอาครับ  แต่น่าจะมีกองทุนเพื่อการช่วยเหลือคนไข้แบบนี้เลย  กว่าจะเรียนจบแต่ละคนทั้งสิ้นเปลืองทั้งเหนื่อย  หมอก็คนธรรมดานี่แหละ  อ่าไม่ได้เข้าข้างหมอนะครับ  แต่อย่างว่าภูมิต้านทานแต่ละคนไม่เหมือนกัน  รักษาแล้วหายหมดทุกคน  ไม่ต้องตายกันพอดี  ต้องเข้าใจนิดนึง"แพ้ยารุนแรงนี่มันรักษานาน"  ความจริงถ้ามีความรู้อยู่บ้างตอนเริ่มแพ้ยาจะดีกว่านี้   นี่คงกินยาต่อเนื่องจนทนไม่ไหวค่อยไปหาหมอ
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
m620- รักในหลวง
Sr. Member
****

คะแนน 67
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 668



« ตอบ #25 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 09:32:20 PM »



คุณพูดเอง ว่า หากมาตรฐานวิชาชีพฯ ไม่สามารถแก้โจทย์ได้ว่าทำยังไงไม่ให้คนไข้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วยแตก...
หากอ้างว่ามาตรฐานวิชาชีพเป็นอย่างนี้ แล้วคนไข้ซวย นั่นก็ยิ่งแล้วไปใหญ่ครับ แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วย ยิ่งแย่เข้าไปอีก...

นายสมชายไม่เชื่อว่ามาตรฐานวิชาชีพจะห่วยแตกได้ถึงขนาดที่ปล่อยให้คนไข้เสี่ยงดวงกันเหมือนซื้อล๊อตเตอรี่

กลับไปอ่านที่อธิบายไว้นะครับ  เข้าใจประเด็นไหมครับ ว่าไม่มีใครสามารถป้องกันไม่ให้คนไข้แพ้ยาได้ 100% ถ้าไม่เข้าใจก็อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าจะซึมเข้าสมองที่อีโก้สูงๆ ใครเห็นต่างไม่ได้




ยังจะมาแถอีก ว่าไม่ได้ด่ามาตรฐานวิชาชีพ พออธิบายข้อเท็จจริง ก็มาเปิดประเด็นใหม่ ว่าการบอกว่าขายไตไปก็ไม่ช่วยอะไร
ผมจะบอกให้ ว่าผมคิดอะไร
1. การขายอวัยวะนั้นผิดกฏหมาย
2. ศาลท่านพิจารณาแล้ว ว่าแพทย์ได้ใช้ความรู้ความสามารถในการรักษาตามมาตรฐาน ไม่ได้มีเจตนาร้าย หรือประมาทเลินเล่อ หากฟ้องอีก ศาลท่านก็พิจารณาตามความจริงเหมือนเดิม ผมถึงบอกว่าขายไตเอาเงินไปฟ้องใหม่ก็ไม่ช่วยอะไร
ถ้าแพทย์ไม่ได้ทำตามมาตรฐานวิชาชีพ รวมถึงใช้ความระมัดระวังตามที่ควรมีแล้ว ศาลท่านจะยกฟ้องเหรอครับ

ขอบคุณ คุณ lek ครับ ที่เข้าใจ
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #26 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 09:43:23 PM »

ถ้าเป็นตามข้างบนนี้ นายสมชายว่าหมอห่วยแตกครับ... หากอ้างว่ามาตรฐานวิชาชีพเป็นอย่างนี้ แล้วคนไข้ซวย นั่นก็ยิ่งแล้วไปใหญ่ครับ แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วย ยิ่งแย่เข้าไปอีก...

นายสมชายไม่เชื่อว่ามาตรฐานวิชาชีพจะห่วยแตกได้ถึงขนาดที่ปล่อยให้คนไข้เสี่ยงดวงกันเหมือนซื้อล๊อตเตอรี่... คือมันน่าจะมีวิธีการอะไรแก้โจทย์ตรงนี้ให้ออกว่าทำไงให้หมอรู้ว่าคนไข้จะแพ้ยาตัวไหน ก่อนที่จะสั่งจ่ายยา เช่นจะทดสอบก่อนในจำนวนน้อยๆก่อน หรือจะมีกรรมวิธีอย่างไรก็ว่ากันไปนี่ครับ...

หากคนไข้ดวงซวยแพ้ยาแล้วไม่มีการตามแก้ไขให้ทันเวลา, นั่นก็ยิงห่วยซ้ำ ห่วยซ้อนห่วยจังหวะที่สามเข้าไปอีก... นายสมชายย้ำว่าไม่เชื่อครับ ว่ามาตรฐานวิชาชีพแพทย์จะไม่มีวิธีการแก้โจทย์ให้แตก ว่าทำยังไงให้รู้ว่าคนไข้แพ้ยาหรือไม่ ก่อนสั่งจ่ายยา, มันน่าจะต้องมีวิธีการสักอย่าง ถึงแม้ว่าไม่มีในประวัติคนไข้ก็ตาม...

ขอแสดงความเห็นเฉพาะเคสเรื่องแพ้ยาก็แล้วกันครับ
ปกติคนไข้ ถ้าไม่มีประวัติแพ้ยา ไม่มีใครทราบหรอกครับว่าให้ยาแล้วจะแพ้ยาหรือไม่ และเมื่อมีอาการแพ้ยาแล้วก็ต้องรักษาไปตามอาการ (supporttive treatment )
แต่ถ้าคนไข้มีประวัติชัดเจนว่าแพ้ยาตัวนี้ แล้วแพทย์ยังคงสั่งยาให้จนเกิดอาการแพ้ แบบนี้น่าสู้คดี และน่าจะชนะครับ
เคสนี้ไม่มีประวัติมาก่อนว่าแพ้ ศาลยกฟ้องก็สมควรแล้วครับ ไม่เกี่ยวว่ามีเงินหรือไม่หรอกครับ ต่อให้ขายไตเอาเงินมาฟ้องใหม่ก็แพ้อยู่ดี
การที่ ผอ.รพ. เสนอเงินให้สามแสน เป็นเพราะต้องการช่วยเยียวยา เป็นเหตุผลทางมนุษยธรรม และไม่อยากมีคดีครับ

Quote เอามาให้อ่านใหม่ อ่านตามตัวแดง(อ่านออกเสียง ทำปากขมุมขมิบไปด้วย)... อ่านแล้วก็ไปยืนมองที่หน้ากระจก ถามคนในกระจกเงาว่าโง่หรือฉลาดที่อ่านภาษาไทยไม่เข้าใจ...

Post นี่นอกจากย้ำว่าด่าหมอห่วยแตกแล้ว ยังด่าหมอโง่อีกด้วย... ทำไมถึงได้อ่านภาษาไทยไม่ออกหว่า หรือเป็นเพราะมีอะไรมาบังการรับรู้ แต่สรุปว่าโง่...

เป็นหมอแล้วโง่นี่นับว่าหายาก(มีคนเดียว - คนอื่นไม่โง่) เพราะสอบเข้าเรียนก็ยาก เรียนก็ยาก แล้วทำไมถึงได้โง่หว่า... แปลกจริงหนอ...
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #27 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 09:46:53 PM »

ศาลยกฟ้องต้องไปอ่านในสำนวน ว่ายังไงยกฟ้อง... มันมีได้ตั้งแต่หาเหตุผลว่าผิดไม่ได้ หรือว่าเพราะไม่ผิด, หรือแม้แต่การนำสืบในศาลก็ต้องแล้วแต่ชั้นเชิงทนายฯ...

ยิ่งคุยยิ่งเห็นคนโง่ แต่ดันมาเป็นหมอที่คนไข้ฝากชีวิต... ยิ่งคุยยิ่งเบื่อคุย เพราะคุยแล้วมันก็มีประเด็นให้ด่า ด่าไม่รู้จักจบ...
บันทึกการเข้า
dignitua-รักในหลวง
เราจะสู้เพื่อในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1414
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8341


จะมีพรุ่งนี้ ได้อีกกี่วัน...


« ตอบ #28 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 09:54:53 PM »

ลูกคนกลางผม ขณะผ่าคลอด(ผมจะเข้าห้องผ่าตัดตลอดทั้ง 3 คน)  น้ำคร่ำทะลักออกมามาก หมอกลัวห้องผ่าตัดเลอะเลยเอาตัวกั้นน้ำคร่ำ น้ำเลยไหลย้อนกลับไปในขณะที่ทารกกำลังออกจากครรภ์พอดี...

ผมก็ไม่มีความรู้เรื่องแพทย์ แต่ลูกผมมาอยู่ห้อง nursery ไม่ถึง 10 นาทีตัวคล้ำ พยาบาลปิดม่าน สรุปลูกผมสำรักน้ำคร่ำ เกือบตาย...

นิสัยผม... จะไม่โวยวายในเรื่อง "วิชาชีพ" ที่ผมไม่รู้... หมอขอโทษ แต่ผลักภาระค่าใช้จ่ายมาที่คนไข้...

ผมพาลูกออกจาก ร.พ. โดนค่าคลอดไป 1 แสน... กลับมาบ้าน 2 วัน  เป็นไข้ กลับไปหาหมอใหม่ 1 คืน คิดค่ารักษาผม 30,000  ผมต้องย้าย ร.พ. รักษาอีก 10 คืน โดนไปอีก 13,000....

ปัจจุบัน ผมต้องเสียค่ายาอาทิตย์ละ 4,000 ไม่รู้ต้องเยียวยาไปถึงไหนจากการกลัวพื้นห้องผ่าตัดเปื้อน..

ปล. ผมก็เกือบมีคำว่า "ค่าวิชาชีพ" เหมือนกัน แต่เป็นด้านการก่อสร้าง เลยไม่เคยนำไปบวกกับลูกค้า เพราะยังขาดวิทยานิพนธ์ และก็นานเกินกว่าจะไปไขว่คว้าแล้ว...

แพทย์ 6 ปีจบ... สถาปัตย์ 5 ปีจบ... เนื้อหาการเรียนคงแน่นไม่แพ้กันครับ....
บันทึกการเข้า

dignitua-รักในหลวง
เราจะสู้เพื่อในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1414
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8341


จะมีพรุ่งนี้ ได้อีกกี่วัน...


« ตอบ #29 เมื่อ: ธันวาคม 23, 2011, 10:20:45 PM »

แล้วรู้มั๊ย พี่ชายผมตายจากการโดนรถ 2 แถวซึ่งนรกชนตาย ถ. เทพารักษ์ กะโหลกร้าว...

ปอเต็กตึ้งพาไป รพ. แต่ไม่มีหมอซักคนเลยเข้ามาดู(ตอนนั้นยังไม่ตาย...) กลัวไม่มีเงินจ่าย....

ไม่อยากจะด่า... บู่
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 [2] 3 4 5 ... 10
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.072 วินาที กับ 22 คำสั่ง