ปกติการให้ยา ต้องถามประวัติก่อน ว่าเคยแพ้ยาหรือไม่
จะมาบอกให้นะครับ ว่า " มาตรฐาน " วิชาชีพแพทย์เป็นอย่างไร ประวัติและการตรวจร่างกายสำคัญที่สุด
หากไม่มีประวัติว่าแพ้ยา ก็ต้องมาดูว่ายานั้นๆ มีความเสี่ยงที่จะแพ้ยาสูงหรือไม่ เช่นถ้ายาที่ใช้ มีโอกาสแพ้ ยกตัวอย่าง 1:10000 อย่างนี้ถือว่ามาก อาจต้องให้สารตั้งต้นที่ใกล้เคียง เพื่อทดสอบก่อนว่าแพ้หรือไม่
แล้วจะบอกให้ครับ ไม่มีใครบอกได้ว่า ต่อให้ทดสอบยานั้นๆ ในปริมาณที่น้อยๆ ก่อน คนไข้อาจจะแพ้ทันทีถึงช็อคได้ (anaphylaxis )
ประเด็นคือถ้าแพ้ยาขึ้นมาแบบรุนแรง มีการเตรียมการรักษา มีอุปกรณ์และยาช่วยชีวิตต้องพร้อม
ยาแก้ปวดโรคข้อที่ให้ ก็เป็นยาที่ใช้กันทั่วไป แพทย์ก็จ่ายยาตามประวัติและตรวจร่างกายเป็นหลัก
ข้อเท็จจริงก็ส่วนหนึ่ง อารมณ์ความรู้สึกก็ส่วนหนึ่ง
แต่คนที่ไม่มีความรู้จริงทางการแพทย์ มาวิจารย์ว่ามาตรฐานห่วยแตก ผมถือว่าไม่มีมารยาทครับ
เป็นหมอใช่ไหมครับ... ถ้าเป็นหมอแล้วอ่านภาษาไทยไม่กระจ่าง จากนั้นบอกว่าผู้อื่นไม่มีมรรยาท ถีอว่าเป็นหมอห่วยแตก และเป็นหมอปากเสียครับ...
ลองกลับไปอ่านใหม่ให้ดี อ่านช้าๆ... ในนั้นบอกว่าหากมาตรฐานวิชาชีพฯ ไม่สามารถแก้โจทย์ได้ว่าทำยังไงไม่ให้คนไข้แพ้ยา แสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพห่วยแตก...
ตามที่บอกมานั้นแสดงว่ามาตรฐานวิชาชีพเขาต้องมีกรรมวิธีการตีโจทย์นี้ให้แตก แล้วหากยังอุตส่าห์หลุดรอดออกไปเกิดแพ้ยาขึ้นมาได้ ก็ต้องตามแก้ไขไม่ให้เกิดเรื่องเสี่ยงตาย เสี่ยงตาบอด(ตามท้องเรื่องในกระทู้)... อย่างนี้คือสิ่งที่ควรจะเป็น ซึ่งไม่ใช่ตามท้องเรื่องในกระทู้...
หากเป็นหมอแล้วปากเสียไม่มีวิจาณาญาณ ที่ว่า"จะบอกให้"น่ะ... ไม่ต้องมาทำปากเสียทำเป็นทวงบุญคุณหรอกครับ ไม่มีใครสนใจหรอกว่าจะทำอย่างไร เอาเป็นว่าไปหาหมอเพราะป่วยไข้ ก็อยากให้หมอรักษาให้หาย...
แต่ถ้าเจอหมอห่วยๆ บอกว่ามีโอกาสแพ้ยา(อันนี้ยังยอมรับ - แต่หมอแก้โจทย์ยังไง) แล้วถ้าแพ้ยาก็ถือว่าเป็นความซวยของคนไข้(อันนี้ยอมรับไม่ได้)... งั้นหมอห่วยๆก็บอกว่า เอ๊า!เอาตังค์ไปสามแสนบาทแล้วจบๆกันดีกว่า แบบนี้หมอห่วยแตก แถมปากเสียอีกต่างหากครับ...
หมอในประเทศไทยส่วนใหญ่เขาไม่เป็นแบบนี้หรอก หมอแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ห่วยแตก... หมอดีๆ ที่มีคนนับหน้าถือตาก็มีแยะ ส่วนหมอห่วยแตกเห็นคนไข้เดินเข้าห้องมายกมือไหว้ ก็สำคัญผิดคิดว่าตัวเองเลิศเลอ, ที่คนไข้เขายกมือไหว้ ก็เพราะอาชีพนี้"ส่วนใหญ่"ทำงานไปได้บุญกุศลไป เพราะช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก...
แต่คนไข้ไม่รู้หรอกว่าที่ไหว้ไปน่ะ เป็นหมอ"ส่วนน้อย"แค่บางคน... ก็ไม่รู้หรอกว่าท่านเป็นหมอที่ไหน แต่ถ้ารู้ก็จะบอกต่อว่าหมอคนนี้มีทัศนคติว่า คนไข้ที่เดินไปให้รักษา หมอก็เห็นคนไข้เหมือนเล่นรัสเซี่ยนรูเล็ต, หากซวยแพ้ยาก็ป๊อก!!! เอ๊า เอาไปสามแสน(เพื่อมนุษยธรรม - ตามที่อ้าง)...
สามแสนบาทนี่เงินรายได้คนส่วนใหญ่ถือว่ามาก เพราะรถเก๋งคันละ 6 แสน, แต่คนที่รู้จะบอกว่าเงินแค่นี้มันก็แค่รายได้เดือนเดียวของหมอคนนั้นฯ... แล้วจากนั้นคนไข้ก็จะอุทานว่า"โธ่ ทั้งชีวิตฉันก็แค่เงินเดือน เพียงเดือนเดียวเอ๊งงง"... เฮ้อ...
หมอส่วนใหญ่เขาไม่เป็นอย่างท่านหรอก...