เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 25, 2024, 08:50:25 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การตรวจหาDNAในปลอกกระสุน มีจริงหรือ  (อ่าน 6559 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Nero Angel01
Hero Member
*****

คะแนน 275
ออฟไลน์

กระทู้: 3048


« เมื่อ: มกราคม 09, 2012, 09:18:17 PM »

 วิทยาศาสตร์มันไปไกลขนาดนั้นแล้วหรือครับ ผมคิดไม่ออกว่าจะมีกรณีใหนที่มีDNAให้ตรวจในปลอกกระสุน คนบรรจุกระสุนลงแมกทำรังแคร่วงไปติดหรืออย่างไร
บันทึกการเข้า
kohcz
Full Member
***

คะแนน 5
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 129



« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 09, 2012, 09:49:12 PM »

เทคโนโลยีนี้สามารถตรวจสอบได้กับบุคคลสำคัญและคนมีชื่อเสียง+ไฮโซ
แต่ใช้ไม่ได้กับตาสีตาสา
บันทึกการเข้า
อรชุน-รักในหลวง
หมู่โลหิต O
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1599
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10265


ขาย-อัพเกรด คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง


« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 09, 2012, 10:05:23 PM »

วิทยาศาสตร์มันไปไกลขนาดนั้นแล้วหรือครับ ผมคิดไม่ออกว่าจะมีกรณีใหนที่มีDNAให้ตรวจในปลอกกระสุน คนบรรจุกระสุนลงแมกทำรังแคร่วงไปติดหรืออย่างไร

ใช้มือเปล่าบรรจุกระสุนรึเปล่าถ้าใช่  จะมีคราบเหงื่อ,ไขมัน,ลายนิ้วมือติดอยู่ที่ปลอกกระสุน
บันทึกการเข้า
Nero Angel01
Hero Member
*****

คะแนน 275
ออฟไลน์

กระทู้: 3048


« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 09, 2012, 10:54:15 PM »



ใช้มือเปล่าบรรจุกระสุนรึเปล่าถ้าใช่  จะมีคราบเหงื่อ,ไขมัน,ลายนิ้วมือติดอยู่ที่ปลอกกระสุน
ผมขอทราบวิธีการสกัดได้มั้ยครับพี่อรชุน คือผมสงสัยมากจริงๆ พอดีผมพอจะมีความรู้ดานเคมีมานิดๆหน่อยๆ ในเหงื่อจะมีกรดแลคติกเมื่อทำปฏิกริยากับทองแดง(ปลอกกระสุน) มันก็คือตัวทำลายDNAดีๆนี่เอง  +กับความร้อนในขณะยิง ซึ่งก็สูงมาก ในเขม่าดินปืนเองก็มีกรดอยู่ด้วย DNAไม่น่าเหลือซาก2กระบวณการนี้แล้ว

เขาสกัดมันออกมาได้อย่างไร เพราะกรณีนี้ต่างจากเสื้อผ้า หมวก ถุงมือ  กกน.หรืออะไรที่ดูดซับเหงื่อมากๆครับ
บันทึกการเข้า
ผณิศวร เกิดในรัชกาลที่ ๙
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 1428
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6023



« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 07:55:05 AM »

"สับขาหลอก"
บันทึกการเข้า

ผมเป็นลูกหลานจีนอพยพ  ทวดแซ่อิ๊ว ตาแซ่เล้า ปู่แซ่อึ๊ง   
เมืองไทยให้โอกาสทุกอย่าง  ไม่มีข้ออ้างเรื่องชนชั้น
ผมได้กราบแทบพระบาทในหลวงเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต
คนส่องกล้อง
ปัจจตัง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 158
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1805



« ตอบ #5 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 08:16:41 AM »

"สับขาหลอก"

            Grin
บันทึกการเข้า

Justice19
Full Member
***

คะแนน 27
ออฟไลน์

กระทู้: 216



« ตอบ #6 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 10:05:57 AM »

โครงสร้างของดีเอ็นเออยู่ในรูปเกลียวคู่ โดยดีเอ็นเอ 2 สาย เรียงตัวในแนวตรงกันข้ามกัน สายหนึ่งอยู่ในทิศทาง 3’ ไป 5’ อีกสายอยู่ในทิศทาง 5’ ไป 3’ โดยทั้งสองสายนำส่วนที่เป็นน้ำตาลดีออกซีไรโบสไว้ด้านนอก หันด้านที่เป็นเบสเข้าหากัน โดยเบสที่อยู่ตรงข้ามกันต้องเป็นเบสคู่สมกัน การพันเกลียวของดีเอ็นเอเป็นแบบเกลียวคู่ (Double-helix) ซึ่งมีร่อง (Groove) 2 แบบคือร่องขนาดใหญ่ ขนา 12 อังสตรอม ร่องขนาดเล็กขนาด 6 อังสตรอม 1 รอบของดีเอ็นเอประกอบด้วยเบสจำนวน 10 คู่เบส ห่างกัน 34 อังสตรอม เบสแต่ละตัวห่างกัน 3.4 อังสตรอม ความกว้างระหว่างสายเป็น 20 อังสตรอม โครงสร้างดีเอ็นเอที่กล่าวถึงข้างต้นเป็นโครงสร้างดีเอ็นเอแบบที่พบทั่วไปในสิ่งมีชีวิตเรียก B-DNA นอกจากนี้ยังมีดีเอ็นเออีก 2 แบบคือ A-DNA เป็นเกลียววนขวาเช่นกันแต่มีระยะของคู่เบสและเส้นผ่านศูนย์กลางของเกลียวคู่ต่างไปจาก B-DNA กับแบบ Z-DNA เป็นดีเอ็นเอวนซ้ายแบบซิกแซก โดยทั่วไปดีเอ็นเอในสิ่งมีชีวิตเป็นแบบ B-DNA ยกเว้นในบางสภาวะเช่น มีความเข้มข้นของเกลือสูงจึงเปลี่ยนเป็นรูป Z-DNA
ในสภาพความเป็นกรด-เบสในร่างกาย ดีเอ็นเอมีฤทธิ์เป็นกรดและแตกตัวให้ประจุลบ ดีเอ็นเอที่อยู่ในรูปเกลียวคู่นี้สามารถทำให้แยกออกจากกันได้ เรียกว่าการทำให้เสียสภาพ (Denaturation) ซึ่งเกิดจากการที่ดีเอ็นเอได้รับความร้อน รังสีเอ็กซ์ หรือสารเคมีบางตัว ทำให้พันธะไฮโดรเจนที่ยึดระหว่างดีเอ็นเอถูกทำลาย สายคู่ของดีเอ็นเอจึงแยกออกจากกัน เมื่อสภาพที่ทำให้ดีเอ็นเอเสียสภาพหมดไป ดีเอ็นเอจะกลับเข้ามารวมตัวเป็นเกลียวคู่ได้ใหม่ เรียกว่าการคืนสภาพ (Renaturation)
บันทึกการเข้า
ไก่เฮง รักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 169
ออฟไลน์

กระทู้: 1826


รักเธอประเทศไทย


« ตอบ #7 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 10:10:27 AM »

...ผมไม่เชื่อ  เวอร์
บันทึกการเข้า

...ชีวิตทุกชีวิตมีคุณค่า    ใช่รอชะตาวาสนานำไป
ความรู้ทุกคนเรียนทันกันได้  สุดแต่สนใจ  ทุนทรัพย์ สติปัญญา
Note Wing7
Jr. Member
**

คะแนน 5
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 64



« ตอบ #8 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 11:02:26 AM »

การพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ กรณีแค่จับหรือสัมผัสวัตถุสามารถตรวจสอบได้จริงครับ ผมยืนยัน แต่กรณีปลอกกระสุนที่ถูกยิงไปแล้วพิสูจน์ตัวบุคคลได้รึไม่ถ้ามีสมาชิกท่านใดที่เคยเรียนวิชานิติวิทยาศาสตร์ ตร.มา ขอความรู้ไว้ประดับด้วยครับ เรื่องนี้น่าสนใจ
บันทึกการเข้า

พฤกษภผกาสร อีกกุญชรอัดปลดปลง โททนเสน่งคง สำคัญหมายในกายมี
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรี สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา
HS1BTI
Full Member
***

คะแนน 30
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 429


Get up stand up don't give up the Fight.


« ตอบ #9 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 11:33:23 AM »



ใช้มือเปล่าบรรจุกระสุนรึเปล่าถ้าใช่  จะมีคราบเหงื่อ,ไขมัน,ลายนิ้วมือติดอยู่ที่ปลอกกระสุน
ผมขอทราบวิธีการสกัดได้มั้ยครับพี่อรชุน คือผมสงสัยมากจริงๆ พอดีผมพอจะมีความรู้ดานเคมีมานิดๆหน่อยๆ ในเหงื่อจะมีกรดแลคติกเมื่อทำปฏิกริยากับทองแดง(ปลอกกระสุน) มันก็คือตัวทำลายDNAดีๆนี่เอง  +กับความร้อนในขณะยิง ซึ่งก็สูงมาก ในเขม่าดินปืนเองก็มีกรดอยู่ด้วย DNAไม่น่าเหลือซาก2กระบวณการนี้แล้ว

เขาสกัดมันออกมาได้อย่างไร เพราะกรณีนี้ต่างจากเสื้อผ้า หมวก ถุงมือ  กกน.หรืออะไรที่ดูดซับเหงื่อมากๆครับ
สนับสนุนความคิดของท่าน....
บันทึกการเข้า

TOO MANY GUNS. NOT ENOUGH FUNDS !
Black OPS
Jr. Member
**

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 48


« ตอบ #10 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 01:25:24 PM »

โครงสร้างของดีเอ็นเออยู่ในรูปเกลียวคู่ โดยดีเอ็นเอ 2 สาย เรียงตัวในแนวตรงกันข้ามกัน สายหนึ่งอยู่ในทิศทาง 3’ ไป 5’ อีกสายอยู่ในทิศทาง 5’ ไป 3’ โดยทั้งสองสายนำส่วนที่เป็นน้ำตาลดีออกซีไรโบสไว้ด้านนอก หันด้านที่เป็นเบสเข้าหากัน โดยเบสที่อยู่ตรงข้ามกันต้องเป็นเบสคู่สมกัน การพันเกลียวของดีเอ็นเอเป็นแบบเกลียวคู่ (Double-helix) ซึ่งมีร่อง (Groove) 2 แบบคือร่องขนาดใหญ่ ขนา 12 อังสตรอม ร่องขนาดเล็กขนาด 6 อังสตรอม 1 รอบของดีเอ็นเอประกอบด้วยเบสจำนวน 10 คู่เบส ห่างกัน 34 อังสตรอม เบสแต่ละตัวห่างกัน 3.4 อังสตรอม ความกว้างระหว่างสายเป็น 20 อังสตรอม โครงสร้างดีเอ็นเอที่กล่าวถึงข้างต้นเป็นโครงสร้างดีเอ็นเอแบบที่พบทั่วไปในสิ่งมีชีวิตเรียก B-DNA นอกจากนี้ยังมีดีเอ็นเออีก 2 แบบคือ A-DNA เป็นเกลียววนขวาเช่นกันแต่มีระยะของคู่เบสและเส้นผ่านศูนย์กลางของเกลียวคู่ต่างไปจาก B-DNA กับแบบ Z-DNA เป็นดีเอ็นเอวนซ้ายแบบซิกแซก โดยทั่วไปดีเอ็นเอในสิ่งมีชีวิตเป็นแบบ B-DNA ยกเว้นในบางสภาวะเช่น มีความเข้มข้นของเกลือสูงจึงเปลี่ยนเป็นรูป Z-DNA
ในสภาพความเป็นกรด-เบสในร่างกาย ดีเอ็นเอมีฤทธิ์เป็นกรดและแตกตัวให้ประจุลบ ดีเอ็นเอที่อยู่ในรูปเกลียวคู่นี้สามารถทำให้แยกออกจากกันได้ เรียกว่าการทำให้เสียสภาพ (Denaturation) ซึ่งเกิดจากการที่ดีเอ็นเอได้รับความร้อน รังสีเอ็กซ์ หรือสารเคมีบางตัว ทำให้พันธะไฮโดรเจนที่ยึดระหว่างดีเอ็นเอถูกทำลาย สายคู่ของดีเอ็นเอจึงแยกออกจากกัน เมื่อสภาพที่ทำให้ดีเอ็นเอเสียสภาพหมดไป ดีเอ็นเอจะกลับเข้ามารวมตัวเป็นเกลียวคู่ได้ใหม่ เรียกว่าการคืนสภาพ (Renaturation)

 ไหว้เยื่ยมเลยครับ+1ให้เลย.
บันทึกการเข้า
Steel90
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 153
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2630



« ตอบ #11 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 01:30:48 PM »

ผมมันคนความรู้น้อย ยิ่งอ่าน ยิ่ง งง
บันทึกการเข้า

นักะติ๊ Club ขยับจะยิงแต่รักจริง นะจ๊ะจุ๊บๆ
SNIPER™
รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 85
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1441



« ตอบ #12 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 02:20:50 PM »

โครงสร้างของดีเอ็นเออยู่ในรูปเกลียวคู่ โดยดีเอ็นเอ 2 สาย เรียงตัวในแนวตรงกันข้ามกัน สายหนึ่งอยู่ในทิศทาง 3’ ไป 5’ อีกสายอยู่ในทิศทาง 5’ ไป 3’ โดยทั้งสองสายนำส่วนที่เป็นน้ำตาลดีออกซีไรโบสไว้ด้านนอก หันด้านที่เป็นเบสเข้าหากัน โดยเบสที่อยู่ตรงข้ามกันต้องเป็นเบสคู่สมกัน การพันเกลียวของดีเอ็นเอเป็นแบบเกลียวคู่ (Double-helix) ซึ่งมีร่อง (Groove) 2 แบบคือร่องขนาดใหญ่ ขนา 12 อังสตรอม ร่องขนาดเล็กขนาด 6 อังสตรอม 1 รอบของดีเอ็นเอประกอบด้วยเบสจำนวน 10 คู่เบส ห่างกัน 34 อังสตรอม เบสแต่ละตัวห่างกัน 3.4 อังสตรอม ความกว้างระหว่างสายเป็น 20 อังสตรอม โครงสร้างดีเอ็นเอที่กล่าวถึงข้างต้นเป็นโครงสร้างดีเอ็นเอแบบที่พบทั่วไปในสิ่งมีชีวิตเรียก B-DNA นอกจากนี้ยังมีดีเอ็นเออีก 2 แบบคือ A-DNA เป็นเกลียววนขวาเช่นกันแต่มีระยะของคู่เบสและเส้นผ่านศูนย์กลางของเกลียวคู่ต่างไปจาก B-DNA กับแบบ Z-DNA เป็นดีเอ็นเอวนซ้ายแบบซิกแซก โดยทั่วไปดีเอ็นเอในสิ่งมีชีวิตเป็นแบบ B-DNA ยกเว้นในบางสภาวะเช่น มีความเข้มข้นของเกลือสูงจึงเปลี่ยนเป็นรูป Z-DNA
ในสภาพความเป็นกรด-เบสในร่างกาย ดีเอ็นเอมีฤทธิ์เป็นกรดและแตกตัวให้ประจุลบ ดีเอ็นเอที่อยู่ในรูปเกลียวคู่นี้สามารถทำให้แยกออกจากกันได้ เรียกว่าการทำให้เสียสภาพ (Denaturation) ซึ่งเกิดจากการที่ดีเอ็นเอได้รับความร้อน รังสีเอ็กซ์ หรือสารเคมีบางตัว ทำให้พันธะไฮโดรเจนที่ยึดระหว่างดีเอ็นเอถูกทำลาย สายคู่ของดีเอ็นเอจึงแยกออกจากกัน เมื่อสภาพที่ทำให้ดีเอ็นเอเสียสภาพหมดไป ดีเอ็นเอจะกลับเข้ามารวมตัวเป็นเกลียวคู่ได้ใหม่ เรียกว่าการคืนสภาพ (Renaturation)


สรุปว่า เมื่อคืนสภาพแล้ว ยังตรวจได้หรือครับ?
บันทึกการเข้า
hs9osv
Jr. Member
**

คะแนน 2
ออฟไลน์

กระทู้: 34



« ตอบ #13 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 03:07:29 PM »

อย่ายิงคนเลยบาปนะโยม
บันทึกการเข้า
wbchan04
Newbie
*

คะแนน 1
ออฟไลน์

กระทู้: 10


« ตอบ #14 เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 03:17:16 PM »

การพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ กรณีแค่จับหรือสัมผัสวัตถุสามารถตรวจสอบได้จริงครับ ผมยืนยัน แต่กรณีปลอกกระสุนที่ถูกยิงไปแล้วพิสูจน์ตัวบุคคลได้รึไม่ถ้ามีสมาชิกท่านใดที่เคยเรียนวิชานิติวิทยาศาสตร์ ตร.มา ขอความรู้ไว้ประดับด้วยครับ เรื่องนี้น่าสนใจ
[/quote
    ถามคุณหมอพรทิพย์ฯน่าจะได้นะครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.08 วินาที กับ 22 คำสั่ง