ที่มา www.tamdee.netเปลื้องใจให้เป็นไทจากความคิดความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของมนุษย์ คือ การคิด
เราคิดได้เก่งและซับซ้อนพิสดารอย่างไม่มีสัตว์ใดเทียบได้
เราสามารถใช้ความคิดเพื่อจัดการธรรมชาติ รวมทั้งสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ มากมาย
กล่าวได้ว่าความคิดเป็นเครื่องมือที่สำคัญของมนุษย์ในการดำรงชีวิตและสร้างโลก
แต่ใช่หรือไม่ว่าบ่อยครั้งเราก็เผลอปล่อยให้ความคิดขึ้นมาเป็นนายเรา และสั่งให้เราทำตามบัญชาของมัน
เวลาเกลียดใครก็ตาม เมื่อความคิดสั่งให้เราด่า เราก็ด่าตามคำสั่งของมัน
เมื่อความคิดสั่งให้เราทำร้าย เราก็ทำร้ายตามคำสั่งของมัน คนจำนวนไม่น้อยตกเป็นทาสของความคิดจนนอนไม่หลับ
แม้ใจอยากจะหลับ แต่ถ้าความคิดยังไม่ต้องการหลับ เราก็หลับไม่ได้ จนกว่ามันจะหยุดคิดหรือเหนื่อยไปเอง
ความคิดนั้นเกิดจากการปรุงแต่งของเราก็จริง แต่ทันทีที่มันเกิดขึ้น มันก็ดูเหมือนจะมีชีวิตของมันเอง
มันพยายามที่จะดำรงคงอยู่ให้ได้นานที่สุด ด้วยการกระตุ้นให้เราหวนคิดถึงมันบ่อย ๆ และนานเท่าที่จะนานได้
ยิ่งคิดถึงมัน มันก็ยิ่งเติบใหญ่และเข้มแข็ง เช่นเดียวกับกองไฟซึ่งโหมไหม้และแรงกล้าขึ้นเรื่อย ๆ หากมีคนเติมเชื้อให้มันอยู่เสมอ
ใช่แต่เท่านั้นมันยังต้องการ แพร่พันธุ์ ไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เวลาเรานึกคิดเรื่องอะไรได้ขึ้นมาก็ตาม
เราจึงอยากเผยแพร่ความคิดนั้นให้คนอื่นได้รับรู้ เริ่มจากการบอกเล่าจากปากต่อปาก ส่งอีเมล เขียนบทความ
ไปจนถึงเขียนหนังสือเป็นเล่ม เท่านั้นยังไม่พอ มันยังต้องการการปกป้องคุ้มครองจากเราด้วย
เพื่อที่มันจะได้มีชีวิตยืนนานและแพร่พันธุ์ได้ไม่จบสิ้น
ดังนั้นมันจึงสั่งให้เราโต้เถียงหักล้างเหตุผลของคนที่คิดต่างจากเรา ยิ่งไม่เห็นด้วยกับความคิดของเรามากเท่าไร
เรายิ่งต้องออกแรงทุ่มเถียงมากเท่านั้นเพื่อเอาชนะคะคานให้ได้ โดยอาจไม่คำนึงด้วยซ้ำว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา
ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อให้ความคิดของเราผงาดต่อไปได้ และยิ่งเป็นอมตะได้ก็ยิ่งดี
ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนจะทำร้ายหรือรบราฆ่าฟันกันเพียงเพื่อปกป้องและเผยแพร่ความคิดของตน
ไม่ว่าจะเป็นความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับทีมฟุตบอลที่ตนโปรดปราน ไปจนถึงความคิดใหญ่ ๆ
ที่เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองหรือศาสนา บ่อยครั้งผู้คนที่ทำร้ายกันก็มิใช่ใครอื่น
หากเป็นพี่น้อง มิตรสหาย เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนร่วมชาติ
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมนุษยชาติไม่เคยขาดการรบพุ่งทำสงครามกันเพียงเพราะมีความคิดเห็นที่ต่างกัน
ความคิดนั้นมีอานุภาพและอำนาจเหนือมนุษย์อย่างไม่อาจประมาทได้เลย
อะไรทำให้ความคิดมีอานุภาพต่อมนุษย์ปานนั้น เหตุผลสำคัญประการหนึ่งได้แก่ความยึดติดถือมั่นจนลืมตัว
ซึ่งพุทธศาสนาเรียกว่า อุปาทาน นั่นเอง การที่คนเราจะเห็นด้วยหรือสนับสนุนความคิดใดนั้น
เป็นเรื่องธรรมดาและเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งเสียหาย
แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเราเกิดยึดติดถือมั่นในความคิดนั้น ๆ (ทิฏฐุปาทาน) จนทนไม่ได้กับความคิดที่เห็นต่าง
จริงอยู่ตอนที่สมาทานความคิดนั้นใหม่ ๆ เราอาจเห็นว่าเป็นความคิดที่ดีและถูกต้อง
แต่ถ้าเผลอไปเมื่อไร ก็จะมีอัตตาหรือตัวตนเข้าไปผูกติดกับความคิดนั้น
เกิดความยึดมั่นสำคัญหมายในความคิดนั้นว่าเป็น ตัวกู ของกู
ถึงตรงนี้ก็จะเกิดความรู้สึกเป็นเจ้าเข้าเจ้าของความคิดนั้น
(หรือพูดให้ถูกต้องกว่านั้นคือกลายเป็นทาสของความคิดนั้น)
จากเดิมที่สมาทานความคิดนั้นด้วยเหตุผลเพราะว่าเป็นความคิดที่ ถูกต้อง
ก็เปลี่ยนมาเป็นเพราะว่าความคิดนั้นเป็น ของกู ทีนี้ก็จะไม่สนใจแล้วว่าความคิดของคนอื่นนั้นถูกต้องหรือไม่
แต่จะสนใจแค่ว่าเป็นความคิดที่ ถูกใจตนเองหรือไม่ ถ้าไม่ถูกใจ แม้จะถูกต้องหรือมีเหตุผล ก็ไม่รับฟัง
หรือยิ่งกว่านั้นคือเห็นเป็นศัตรูที่ต้องจัดการ เช่น กล่าวร้าย ประณาม ปิดปาก ไปจนถึงทำร้าย
จากเดิมที่ใช้เหตุใช้ผล ก็กลายมาเป็นการใช้อารมณ์หรือความรู้สึก อัตตาเข้ามาแทนที่ปัญญา
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือกลายเป็นการยึดติดถือมั่นด้วยกิเลส มุ่งที่การแพ้-ชนะเป็นสำคัญ
ไม่สามารถมองเห็นอะไรที่เกินเลยไปกว่านั้นได้ ทั้ง ๆ ที่มีความสำคัญมากกว่า
เมื่อยึดติดถือมั่นกับความคิดจนเห็นเรื่องแพ้-ชนะเป็นสิ่งสำคัญแล้ว อันตรายก็เกิดขึ้นทันที
เพราะมันสามารถผลักดันให้เราทำอะไรก็ได้เพียงเพื่อให้ ความคิดของกูเป็นผู้ชนะ ซึ่งแม้จะลงเอยว่า
ความคิดของกูเป็นผู้ชนะ แต่ กู หรือผู้กระทำกลายเป็นผู้แพ้ก็ได้
หลายปีก่อนในสหรัฐอเมริกามีการชุมนุมประท้วงหน้าคลีนิกทำแท้งแห่งหนึ่ง
ผู้ประท้วงซึ่งเรียกตัวว่าเป็นผู้เชิดชูชีวิต (pro-life) เห็นว่าการทำแท้งนั้นเป็นการทำลายชีวิตซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าประทานมา
ในขณะที่ผู้ที่สนับสนุนการทำแท้งนั้นเห็นว่าเป็นสิทธิที่ผู้หญิงสามารถเลือกได้เพราะเป็นเจ้าของร่างกายของตนเอง
ฝ่ายประท้วงพยายามปิดล้อมคลีนิกเพื่อขัดขวางมิให้ผู้หญิงเข้าไปทำแท้ง แต่ไม่สำเร็จ
เพราะกฎหมายในรัฐนั้นอนุญาตให้ผู้หญิงทำแท้งได้ ผู้ประท้วงคนหนึ่งโกรธแค้นมาก
ถึงกับบุกเข้าไปในคลีนิกและชักปืนยิงหมอและพยาบาลในนั้นจนถึงแก่ความตาย
แม้การกระทำดังกล่าวสามารถยุติการทำแท้งได้ (ชั่วระยะหนึ่ง) สมใจผู้ประท้วงก็จริง
แต่ก็ทำให้ผู้ประท้วงกลายเป็นฆาตกรซึ่งต้องรับโทษหนัก
อะไรทำให้ ผู้เชิดชูชีวิต กลับกลายเป็น ผู้ทำลายชีวิต หากไม่ใช่เป็นเพราะความยึดติดถือมั่น
เมื่อยึดติดถือมั่นในความคิดว่าชีวิตเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันละเมิดมิได้
ก็ง่ายที่จะมองเห็นผู้สนับสนุนการทำแท้งเป็นคนเลวร้าย ดังนั้นจึงสมควรที่จะถูกฆ่า
ผลก็คือผู้เชิดชูชีวิตกลับทำอย่างเดียวกับ(หรือร้ายแรงกว่า)คนที่ตนเองประณาม
เมื่อเรายึดติดถือมั่นกับอะไรก็ตาม มีโอกาสง่ายมากที่เราจะทำตรงข้ามกับสิ่งที่เรายึดมั่น
ที่วัดป่าแห่งหนึ่งมีชาวบ้านนิยมมาเก็บเห็ด หนักเข้าแม้กระทั่งเห็ดที่ยังโตไม่ได้ที่ก็ถูกเก็บไปด้วย
แม่ชีไม่พอใจมากเพราะนอกจากจะเสียของแล้ว ยังเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว
ไม่คิดถึงคนอื่นที่มาทีหลัง แม่ชีพยายามขอร้องชาวบ้านว่าอย่าทำเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้ผล
วันหนึ่งขณะที่แม่ชีกำลังหาเห็ดเพื่อไปทำอาหารถวายพระ เห็นเห็ดเกิดขึ้นเป็นกลุ่ม แต่ยังโตไม่ได้ที่
ทีแรกก็เดินผ่านไป แต่พอนึกได้ว่าถ้าคนเห็นแก่ตัวมาเห็นเข้าก็จะต้องเก็บเอาไปแน่ แม่ชีต้องการขัดขวางคนพวกนี้
แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ในที่สุดก็นึกขึ้นมาได้ แม่ชีตรงเข้าไปถอนเห็ดเล็ก ๆ นั้นเสียเอง แล้ววางไว้ที่เดิม
หมายจะสั่งสอนพวกนั้นว่า ทีหลังอย่าทำ ๆ
แม่ชีต้องการเอาชนะชาวบ้านที่ชอบถอนเห็ดที่ยังเล็ก แต่แล้วในที่สุดก็กลับทำอย่างเดียวกับคนเหล่านั้น
ทั้ง ๆ ที่สวนทางกับความคิดดั้งเดิมของตนเอง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ?
อย่ายึดติดถือมั่นกับความคิดใดมากเกินไป ปล่อยวางความคิดนั้น ๆ เสียบ้าง
ด้วยการหันไปสนใจกับเรื่องอื่น จิตใจจะได้หายอึดอัด โปร่งโล่ง ผ่อนคลาย
ถ้ารู้สึกเครียดขึ้นมา ลองทำใจให้สงบด้วยการน้อมจิตอยู่กับลมหายใจเข้าและออก
พร้อมกับนับจาก ๑ ถึง ๑๐ ไปด้วยก็จะดี
ที่สำคัญก็คือพยายามมีสติรู้ทันความคิดอยู่เสมอ อย่าให้ ตัวกูของกูเข้ามาพัวพันจับจองความคิด
จนคิดแต่จะเอาชนะอย่างเดียว เพราะในท้ายที่สุด มารหรือกิเลสต่างหากที่ชนะ หาใช่เราไม่.