อย.สั่งคุมเข้มหนูนาเขมร ห้ามนำเข้าก่อนได้รับอนุญาต
จากกรณีชาวเขมรลักลอบขนซากหนูนาเตรียมเข้าไทย แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจค้นเจอที่ด่านทางเข้าตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว โดยในจำนวนนี้มีหนูบ้านหรือหนูท่อปะปนมาด้วย ทำให้หวั่นว่าจะเป็นพาหนะนำโรคฉี่หนูมาระบาดในไทยนั้น ล่าสุดเมื่อวันนี้(18 ม.ค. )นายสำราญ เดชศรี เจ้าหน้าที่อาหารและยา (อย.) อรัญประเทศ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา นายวิบูลย์ ศรีมั่นคงธรรม หัวหน้าด่านกักกันสัตว์ที่ 2 ภาคตะวันออก และนายอวยชัย กุลทิพย์มนตรี นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ สนธิกำลังตั้งด่านตรวจที่ทางเข้าตลาดโรงเกลือ เพื่อตรวจเข้มการลักลอบนำซากหนูจากฝั่งเขมรเข้าไทย
นายสำราญเปิดเผยว่า กรณีซากหนูนานำเข้าจากเขมร ยังไม่มีหน่วยงานใดเป็นเจ้าภาพ เนื่องจากตาม พรบ.อาหารและยาไม่มีกรณีซากหนู แต่ด่าน อย.อรัญประเทศได้รับคำสั่งให้เป็นแม่งานในการควบคุมและตรวจหาเชื้อโรค โดยได้สั่งห้ามนำเข้าซากหนูนาก่อนจะได้รับอนุญาต ส่วนกรณีมีซากหนูบ้านหรือหนูท่อปะปนกับซากหนูนาด้วยนั้น เรื่องนี้เราไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นหนูบ้านหรือหนูนา เพราะซากหนูโดนถลกหนังแหวะอกควักไส้ออกหมดแล้ว ส่วนการตรวจหาเชื้อโรคกับซากหนูนานั้น คาดว่าอีก 7 วันถึงรู้ผล
ด้าน นพ.อัษฏางค์ รวยอาจิณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว (สธ.) เปิดเผยว่า หากต้องการจะบริโภคเนื้อหนูนา ควรปรุงให้สุกเสียก่อน แต่ทางที่ดีไม่ควรกินเนื้อหนูนาอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะหนูนาจากฝั่งเขมร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากข่าวชาวเขมรลักลอบเอาหนูบ้านหรือหนูท่อ ปะปนมากับหนูนา ทำให้ขณะนี้พ่อค้าแม่ค้าหนูนา ตลอดริมถนนสายเอเชีย ตั้งแต่ จ.พระนครศรีอยุธยา ต้องเขียนป้ายบอกลูกค้าไว้ที่หน้าร้านว่า เป็นหนูนาแท้ เนื่องจากลูกค้าต่างพากันหวั่นจะเป็นหนูนาฝั่งเขมร จำนวนลูกค้าเลยหดหายไปกว่าครึ่ง พ่อค้าหนูนาคนหนึ่งระบุว่า หนูนาที่วางขายริมถนนเอเชีย เป็นหนูนาแท้ที่ดักจากกรงในทุ่งนาพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี ไม่ใช่หนูบ้านหรือหนูนำเข้าจากกัมพูชาอย่างเด็ดขาด ส่วนวิธีดูหนูนาแท้ฟันจะเหลือง ลำตัวใหญ่ หากเป็นหนูบ้านฟันจะขาว ถ้าดักด้วยกรงเนื้อจะแข็ง หากเป็นหนูโดนยาเบื่อ ท้องจะมีสีคล้ำ เนื้อจะยุ่ยและนิ่ม.
ที่มา
http://www.dailynews.co.th/thailand/8155อึ้ง! เขมรปนหนูนา-หนูบ้าน ชำแหละส่งขายไทย ไม่ผ่านตรวจโรค
ด่านอรัญประเทศ ตรวจสอบพบ ซากหนูนาชำแหละส่งขายตลาดโรงเกลือ กรรมกรกัมพูชายอมรับ อาจมีหนูบ้านผสม เผยส่งขายเฉลี่ยวันละ 3 ตัน ยังไม่มีหน่วยไหนตรวจสอบ ชาวบ้านหวั่นติดโรคฉี่หนูที่ปะปนมา แม่ค้าเผยพ่อค้าภาคเหนือ อีสาน และตะวันออก นิยมมาซื้อไปปรุงอาหารขาย
สระแก้ว-วานนี้ (17 ม.ค. 55) ขณะที่ ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ร่วมกับ พ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตม.สระแก้ว และ พ.ต.อ.สุบิน บุญเล็ก ผกก.สภ.คลองลึก จ.สระแก้ว นำกำลังร่วมกันตั้งจุดตรวจค้นยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายเข้าประเทศ บริเวณจุดตรวจร่วมทางเข้าตลาดโรงเกลือ หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ จ.สระแก้ว อยู่นั้น ได้ตรวจพบกรรมกรชาวเขมรเข็นรถเข็นสองล้อ บรรทุกสินค้าจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศ เข้ามาในประเทศไทย โดยมุ่งหน้าจะเข้าตลาดโรงเกลือ เมื่อถึงจุดตรวจร่วม จนท.จึงขอตรวจค้นรถเข็น พบภายในบรรจุซากหนู ซึ่งถลกหนังและแหวะอกควักไส้ออกแล้ว บรรจุในถุงพลาสติก ถุงละประมาณ 5 กก.น้ำหนักรวมกว่า 300 กก.โดยใช้ผ้าพลาสติกคลุมปิดบังจำนวนหลายคัน เมื่อ จนท.สอบถาม กรรมกรชาวกัมพูชาอ้างว่าเป็นหนูนาจากฝั่งกัมพูชาจะนำเข้ามาส่งพ่อค้า แม่ค้าชาวไทยในตลาดโรงเกลือ วันละประมาณ 3,000 กก. หรือ 3 ตัน
จากการตรวจสอบของ จนท. พบว่าซากหนูที่อยู่ในถุงพลาสติกบางซากมีสีเขียวคล้ำและส่งกลิ่นเหม็นแล้ว ปะปนเข้ามาด้วย แต่ จนท.ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากไม่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากำกับดูแล ส่วนกรรมกรชาวกัมพูชาซึ่งไม่ยอมเผยชื่อ เปิดเผยว่า ในฝั่งปอยเปต มีพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาตั้งโต๊ะรับซื้อหนูนาจากชาวบ้าน ซึ่งมีความนิยมออกหาจับทั้งหนูนา และนำหนูบ้านมาชำแหละถลกหนังพร้อมทั้งแหวะอกควักไส้ออกแล้วปะปนกันนำมาส่งขายให้พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชา เพื่อส่งเข้ามาขายฝั่งไทย ในราคากิโลกรัมละ 50 บาท แต่เมื่อมาส่งถึงตลาดโรงเกลือ จะได้ราคา กิโลกรัมละ 70 บาท
ทั้งนี้ กรรมกรชาวกัมพูชายังเผยอีกว่า ชาวกัมพูชาในตลาดปอยเปต จะไม่กล้าซื้อหนูนากิน เนื่องจากทราบว่า ชาวบ้านกัมพูชามักนำหนูบ้านและหนูนา มาปะปนกันเพื่อขาย จึงกลัวว่าจะเกิดติดเชื้อจากหนูบ้าน
ด้านนายวิบูลย์ ศรีมั่นคงธรรม หน.ด่านกักกันสัตว์ที่ 2 ภาคตะวันออก เผยว่า ซากหนูนาที่ชาวเขมรนำเข้ามาในตลาดโรงเกลือนั้น อยู่นอกเหนือ พ.ร.บ.ควบคุมโรคสัตว์ ของกรมปศุสัตว์ น่าจะอยู่ในความรับผิดชอบของกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ แต่ จนท.ด่านกักกันสัตว์สระแก้ว ก็ได้เก็บตัวอย่างส่งหน่วยเหนือเพื่อตรวจหาโรคแล้ว
ส่วน นายสำราญ เดชศรี จนท.ด่านอาหารและยาอรัญประเทศ เผยว่าซากหนูที่ชาวกัมพูชานำเข้ามาในตลาดโรงเกลือ ยังเป็นซากสัตว์ ไม่ใช่อาหาร แต่เป็นสัตว์ที่เป็นศัตรูพืช จึงยังไม่เข้า พ.ร.บ.อาหารและยาของ อย. ส่วน จนท.ด่านตรวจพืชอรัญประเทศ ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อหัวหน้าด่านตรวจพืชอรัญประเทศ แต่ไม่สามารถติดต่อได้
ขณะที่ นายนิยม (ไม่ยอมเผยนามสกุล) อายุ 42 ปี พ่อค้าชาวไทย เผยว่าได้รับซื้อซากหนูนา จากตลาดโรงเกลือ ไปส่งขายตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งพ่อค้าเหล่านั้นจะนำไปย่างขายตามข้างถนน เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่ขับรถผ่านไป-มา ได้ซื้อไปรับประทาน ส่วนใหญ่จะไปย่างขายตามจังหวัดที่ปลูกข้าวมากๆชาวบ้านจะได้เชื่อว่าเป็นหนูนาจากพื้นที่จริง และยอมรับว่าไม่รู้ว่าหนูนากัมพูชาจะมีหนูบ้านปะปนมาด้วยหรือไม่ แต่ก็กลัวเหมือนกัน เพราะแม้แต่บ้านเรายังมีการระบาดของโรคฉี่หนู ซึ่งอันตรายมาก แต่หนูเขมรไม่รู้ว่ามีการตรวจสอบเรื่องโรคระบาดบ้างหรือเปล่า
จากการสอบถาม นายซก วัน ซึ่งเป็นแรงงานเขมรที่รับจ้างเข็นรถบรรทุกหนูนาดังกล่าว เปิดเผยว่า ทุกวันจะรับจ้างเข็นรถบรรทุกสินค้าที่มีหนูนาที่ชำแหละ และถลกหนังแล้ว จำนวนกว่า 300 กิโลกรัมจากพ่อค้าชาวเขมรในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ข้ามมาส่งที่ตลาดโรงเกลือเป็นประจำ ซึ่งการนำหนูนาเข้ามาในฝั่งประเทศไทยนั้น จะไม่ถูก จนท.ไทย ตรวจสอบแต่อย่างใด
ด้านแม่ค้าชาวไทยอีกราย ที่มารับซื้อหนูจากกัมพูชาในตลาดโรงเกลือ เปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยนิยมกินหนูนากันมากขึ้น จนทำให้หนูนาในประเทศไทยลดน้อยลงจนแทบจะหากินไม่ได้ พ่อค้าแม่ค้าคนไทยส่วนใหญ่จึงหันมาสั่งซื้อหนูนาจากประเทศกัมพูชาทางด้านตลาดโรงเกลือกันมากขึ้น โดยหนูนาที่สั่งซื้อจากประเทศกัมพูชานั้น จะซื้อเฉพาะหนูนาที่ชำแหละและถลกหนังแล้วเท่านั้น ราคาที่รับซื้อจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 70 ถึง 100 บาท โดยในแต่ละวันจะสั่งหนูนาเขมรเข้ามาประมาณ 3 ถึง 4 ตัน หลังจากซื้อหนูนาแล้ว พ่อค้าแม่ค้าคนไทยจะรีบนำหนูนาดังกล่าวไปประกอบเป็นอาหาร เช่น หนูนาย่าง แกงป่าหนูนา และอื่นๆตามที่ลูกค้าสั่ง ซึ่งลูกค้าจะเข้าใจว่าเป็นหนูนาไทย ทำให้ยอดการจำหน่ายอาหารที่ปรุงจากหนูนาเพิ่มมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว นักบริโภคคนไทยจะชอบกินหนูนามาก เพราะมีรสชาติอร่อย นักบริโภคส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคตะวันออก แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ การนำเข้าหนูนาจากกัมพูชานั้น ไม่มีหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบโรคที่อาจปะปนมากับหนูนาเขมร เช่น โรคฉี่หนู ที่กำลังมีการระบาดอยู่ในหลายพื้นที่ ทั้งในประเทศไทย และประเทศกัมพูชา ที่สำคัญหนูนากัมพูชาที่ชำแหละและถลกหนังแล้วไม่สะอาด ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคแต่อย่างใด
ที่มา : ไทยรัฐ