โฮ้ ขนาดนั้นเลยหรือครับ เพิ่งรู้นะครับ ธุรกิจมันแผ่เข้าไปในศาสนา ขนาดนั้นนะ
อีกหน่อยคงมีคนจดลิขสิทธิ์บทสวดมนต์ ใครจะสวดต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ หึย
ต้องได้รับรู้เรื่องจตุคามในยุครุ่งเรืองด้วย รับรอง เศร้ากว่านี้
เล่าเหอะ มีคนอยากฟังอยู่ท่านพี่...
รอฟังอยู่ครับ ...
อุ๊ยตาย ลูกค้าเข้าร้าน....เชิญครับเชิญ
คือว่า อีการทำจตุคามนี่น่ะครับ ยุคแรก ๆ ยังไม่กระไรนัก ยังเป็นของกรรมการวัดและกลุ่มคนสนิทเจ้าอาวาส
พอช่วงปี ๕๑ กลาง ๆ ปี แทบทุกวัด แทบทุกสำนักสงฆ์ มีจตุคามเป็นของตัวเองวัดละรุ่นสองรุ่น
แต่ละรุ่น ไม่รู้กี่พิมพ์ แต่ละพิมพ์ ไม่รู้กี่องค์ ไม่เว้นแม้แต่หน่วยงานของรัฐ (ที่ผมทำงานนั่นแหละ กะเขาด้วยรุ่นนึง)
แล้วระหว่างที่ตระเวณรอคิวปลุกเสกจากอาจารย์โน่นนี่นั่น ก็จะเอาใบจองไปวางตามร้านค้าต่าง ๆ
คนรับจองก็จะได้ ร้อยละห้า ร้อยละสิบ แล้วแต่เส้นใหญ่เส้นเล็ก
ใบจอง รุ่นดัง ๆ ขายต่อได้อีกตะหาก จอง จ่ายเงินเต็มมาสักห้าพัน เผลอ ๆ ยังไม่ได้รับเหรียญ ขายต่อแล้วหมื่นห้า
ช่วงนั้น เป็นยุคพุทธพานิชย์เต็มรูปแบบ สปอร์ตวิทยุ คัตเอาท์ ออแกไนท์ต่าง ๆ จัดเต็ม.....
วัดข้างบ้าน วัดเล็ก ๆ ที่มีพระแค่รูปเดียว ยังทำกับเขาด้วย
เปล่าหรอก พระรูปเดียว ตาหลวงทอด รักษาการเจ้าอาวาส แกไม่ได้ทำ ไม่ได้จับกับเขาสักจึ๋ง
เขาแค่มาขอชื่อวัดไปใช้ในรุ่นดังรุ่นหนึ่ง ......ในคัตเอาท์ใหญ่ ๆ จะมีชื่อวัดอยู่ตัวเท่าจิ้งจก ตรงมุมล่างขวา ใบปลิวเล็ก ๆ ไม่มีชื่อวัด
ไปมีชื่อวัดอีกที ตรงหัวใบจอง อักษรเท่ากับชื่อโรงพิมพ์ที่พิมพ์ใบจอง....
สรุปรายได้ รุ่นนั้น ฟันไปแปดล้าน (เท่าที่รู้ ) ถึงวัดสองแสน ได้ติดกระเบื้องพื้นโรงธรรมเสียที
อ้าว แล้วเจ็ดล้านแปดโน่นไปไหน .........
เป็นของเถ้าแก่ร้านรับชื้อยางเจ้าหนึ่งใน อ.ท่าศาลา แกเป็นนายทุนทั้งหมด....
รุ่นนั้นเลยเป็นรุ่นที่ศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะทำให้คนรวยคนหนึ่ง รวยยิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นอีกปี ใครอยากรวย ก็หาวัดสักวัด หาทีมงาน หามวลสาร หาทีมออแกไนท์ ตั้งชื่อรุ่น หาปาติหาริย์ขณะปลุกเสก
อะไรนิดอะไรหน่อย ก็ให้มองเป็นเรื่องแปลก พระอาทิตย์ทรงกลด กล้องดิจิตอลถ่ายติดจตุคามเต็มจอเป็นร้อยเหรียญ
แล้วเช่าพื้นที่หนังสือพิมพ์ เช่าเวลาสถานี ประโคมให้หนัก ๆ เข้าไว้
บุญบารมีของศาสนา ยังมีอยู่มาก จตุคามเสื่อมความนิยมไปในวาระถัดมา มีคนรวยสะดือปลิ้นไปหลายคน
แต่คนที่เจ็บตัวเพราะจตุคาม เขาไม่แสดงตัว....เท่าที่ผมรู้จัก ก็หลักร้อยคนล่ะ
คนละเท่าไหร่ เบาะ ๆ ก็ ห้าหกพัน ได้ขนมโอริโอลาย ๆ ที่กินไม่ได้มาหกเจ็ดอัน
หนัก ๆ ก็หลักแสน หรือหลายแสน เต็มตู้ไปหมด ผมได้ตู้จตุคามมาใช้ในร้านตู้นึง ในราคาหลักร้อย (ตอนนั้น เขาื้เบิกมาห้าพัน)