ต่อครับ
จังหวัดผมเป็นจังหวัดที่ใช้ภาษาหลากหลายจังหวัดหนึ่ง มีทั้งภาษาย้อ กะเลิง ภูไท โส้ โย้ย ส่วนอำเภอที่อยู่ค่อนติดอุดรธานีอุดรจะพูดภาษาอิสานเหมือนชาวอิสานทั่วไป... และมีอำเภอหนึ่ง เป็นน้องใหม่ ประชากรส่วนมาจะเป็นคนที่อื่น มาจับจองที่ดินตั้งหลักปักฐาน จึงค่อนข้างหลากหลายเอาการ
บรรพบุรุษของผม อพยพมากจากเมืองมหาชัยก่องแก้ว บางท่านอาจสัณนิษฐานว่าบรรพบุรุษของผมอาจเบื่อชีวิตตังเก อาจเปลี่ยนแนวจากทำนาเกลือลงเรือจับปลา ลองมาเข้าป่าทำนาข้าว เหมือนในเพลงหนุ่มนาข้าวสาวนาเกลือของสรเพชร ภิญโญดูมั้ง ...ผิดครับ เมืองที่ว่านี้อยู่ในประทศลาว ไม่ใช่สมุทรสาคร แต่ไม่ทราบชัดเจนว่าส่วนไหน..
.
แม่เฒ่า(ยาย)เล่าให้ฟังว่า พ่อแม่ของยายและเพื่อนบ้านอพยพหนีจีนห่อ(ฮ่อ)มาอยู่ริมของ(โขง) แต่จีนห่อยังตามราวี จึงหนีต่อมาเรื่อยๆที่ราบใกล้ตัวเมือง ผู้คนส่วนหนึ่งตั้งรกรากอยู่ที่นั่น ส่วนปู่สังกะสาย่าสังกะสีของผมคงจะกลัวมากจึงลุยป่าฝ่าหนามมาตั้งปักหลักกลางเขาภูพาน เรียกตัวเองว่า ไทกะเลิง มีภาษาพูด ขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมแตกต่างจากชาวอิสานส่วนใหญ่
มาถึงตอนนี้ ท่านอาจสงสัยว่า อ๊ะ ดูหน้าตาทิดเป้าก็ดูหล่อเหลา ยังหนุ่มแน่น เกิดทันแม่เฒ่าที่มาจากลาวได้ไง โม้ป่าว ? ....หุ หุ หุ ไม่ได้โม้ครับ ยายผมเสียตอนอายุ 124 ปี ผมเรียนอยู่ ป.2
อาจจะสงสัยอีกว่าท่านอยู่มาได้ไงตั้งนานเน...ท่านก็อยู่ของท่านเรื่อยๆไปเหมือนเราๆท่านๆนี่แหละครับอาหารท่านก็นเน้นผักปลา ตื่นแต่เช้าเดินไปเก็บใบหูกวางมาห่อกะบอง ตำขอนดอก ว่างๆท่านก็ตำข้าวแดกงาให้ผมกิน
บทท่านจะไป ท่านก็บอกลูกหลานว่าเมื่อยอยากนอน แล้วก็หลับไปเลย พอท่านเสีย ลูกหลานถึงได้รู้ว่าหมอนขิดใบใหญ่ที่ท่านนั่งพิงอยู้นั้น ข้างในอัดแน่ไปด้วยเงินหมากข้อและเงินฮาง แล้วเงินที่ว่านี่ คือเงินชาติไหน เงินหมากค้อ คือเงินที่มีลักษณะคล้ายเมล็ดตะค้อที่ถูกแกะบางส่วนออก ส่วนเงินฮางลักษณะคล้ายเรือแจว กว้างยาวเท่านิ้วมือ..
.อูยยยย....ของเก่ามีราคาทั้งนั้น แบบนี้ทิดก็รวยเละสิ ...ปล่าวครับ บรรดาลูกๆเผาไปกับร่างของท่านหมดเลย...เหลือไว้เพียงดาบสองเล่ม หอกด้ามไม้ไผ่ยาวสองเมตรกว่า และหน้าสีนู ( หน้าไม้ ) ....
เหลือไว้แต่ของดี ๆ ทั้งน้านนนนน ครับ ผมก็ว่างั้นแหละ
แล้วทิดได้อะไรมามั่งล่ะ ตอนลูกผมเกิด ลุงเอาเงินสตางค์รูผูกข้อมือ คนละหลายสิบเหรียญครับ
ขอดูมั่งเด่ะ มีของพ.ศ.ไหนบ้าง อย่าเสียเวลาหาเลยครับ ยายอ้วนเมียผมดูทุกเหรียญแล้ว พ.ศ.ที่ทำหวยได้ ไม่มีซักเหรียญครับ
งั้นทิดก็มีลูกอีกดิ ลุงเค้าจะได้ให้อีก เสียใจครับ เมียผมทำหมันแล้ว
ไม่เห็นยาก หาเมียใหม่เลย บอกตรง ๆ ว่าไม่กล้าครับ ไม่ต้องถึงสากกะเบือในมือหล่อนหรอก แค่หล่อนแกล้งละเมอกลิ้งทับผม ผมก็ถึงแก่กรรมแล้ว อย่ายุเสียให้ยาก
แสดงว่าทิดเป้ากลัวเมีย ? เปล้า...ผมไม่ได้กลัวเมีย ผมกลัวตายต่างหาก
งั้นเปลี่ยนเรื่องใหม่ ดีครับ คุยเรื่องเมีย สติสะตังผมไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวยังไงชอบกล
แล้วภาษาล่ะมันแตกต่างจากชาวบ้านเขายังไง...ภาษนากะเลิงจะห้วน สั้น หลายๆคำ สระ ไอ จะพูดเป็น สระเออ ...เอาพอเป็นออเดิ๊ฟก็แล้วกันครับ
พ่อ โพ๊ะ... แม่ เบ๊ะ... ใบไม้ เบยไม้...น้ำใส น้ำเส็ย...ใกล้ เก้ย ฯลฯ
อืมมมม...มันแตกต่างชาวบ้านเค้าจริงวุ๊ย เวลาเจอกันจะคุยกันรู้เรื่องมั๊ย
รู้ครับ แต่ละภาษาก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย ศัพท์คล้ายกัน ผิดเพียงสำเนียง ยกเว้นภาษาโส้
โซ่ ? ... โส้ครับ ไม่ใช่โซ่ ... โซ่น่ะเก็บไว้ให้ครูหมูใส่จักรยานขี่ตามหารักแท้ของแกเหอะ อย่าไปยุ่งกับของแกเลย
เป็นยังไงล่ะ ...ว้า ไปมุดอยู่ใหนมาถึงไม่รู้ว่า ครูหมูขี่จักรยานออกล่าเด็กหนุ่ม ๆ ไปหลายจังหวัด... เขารู้วันทั้งเวป
เรื่องครูหมู เกย์เฒ่าคนนั้น รู้ตั้งนานแล้วว๊อย ที่ถามนี่ ถามเรื่องภาษาโส้ .....อ๋อครับ สำเนียยงคล้ายส่วยหรือเขมร แต่ไม่ใช่ คนส่วยหรือเขมรมาฟัง ก็ไม่รู้เรื่องครับ
แล้วทิดฟังรู้เรื่องมั๊ย ...หึ มืดตึ๊บ เวลาออกนอกหมู่บ้าน เจอชาวต่างถิ่นเจอกันก็จะส่งภาษาย้อ อันเป็นภาษากลางของจังหวัด จะได้สื่อสารกันง่าย ๆ ครับ
พี่น้องแถวๆ นาจะหลวย บุญฑริก ที่พูดสลับกันระหว่าง ด เด็ก กับ ร เรือ ....ครับที่อำเภอผมก็มีครับ
อาจมีคำถามอีกว่า ...ทิดเป้ารู้ไหมว่า คนที่อพยพครั้งนู้นนนน...มีใครบ้าง
มีนายศรีมุกดา นายจำวงค์ลา ฯลฯครับ ต่อมาทางรัฐบาลให้มีการตั้งนามสกุล กลุ่มของนายศรีมุกดาทั้งหมด ก็ใช้นามสุกศรีมุกดา กลุ่มนายจำวงศ์ลา ใช้นามสกุลจำวงลา กลุ่มพองพรหมใช้พองพรหม...
คงมีสงสัยอีกว่า ยังงี้มันก็ซ้ำๆกันสิ แม่นแล้วครับ ทั้งหมู่บ้านมีแค่นามสกุลแค่นี้ ...ในตัวอำเภอ มีนามสกุลพองพรหม ดาบโสมศรี ดาบพิมพ์ศรี และแต่ละหมู่บ้านมีแค่สองามนามสกุลเท่านั้น ดังนั้นแค่เห็นนามสกุล ก็รู้ได้ว่า มาจากหมู่บ้านไหน ข่าวหนุ่มสาวนามสกุลเดียวกันแต่งงานกัน มีให้เห็นอยู่ตลอด
แล้วยังงี้ มันกันเหมือนกับภาษาหมอที่เขาว่ายีนส์ด้อย ลูกเกิดมามีแววปัญญาอ่อนเหมือนทิดล่ะสิ เปล่าครับ เขานามสกุลเดียวกันเฉย ๆ ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน และที่เป็นญาติกันก็จำได้ ว่าใครเป็นใคร
แล้วทิดอยู่กลุ่มไหนล่ะ ตากลุ่มพองพรหม ยายศรีมุกดาครับ
ข้อมูลที่ผมได้จากโรงเรียนในหมู่บ้านเดือนเมษาปีกลาย พบว่า ปัจจุบันนี้ ในหมู่บ้าน มีถึง 47 นามสกุล แสดงว่าการคมนาคม การสื่อสารสะดวกขึ้น จึงมีการไปหาคู่ครองได้ไกลขึ้น
ยกนี้เอาความเป็นมาล้วนๆ ...หากไม่เล่าความเป็นก็คงมีการเป็นงง ต่อไม่ถูก...และในยกนี้ เป็นการเล่าจากความทรงจำ อาจผิดเพี้ยนไปบ้างครับ