เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
กันยายน 29, 2024, 06:25:51 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เด็กรุ่นใหม่???????  (อ่าน 1236 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Jakkathorn
Full Member
***

คะแนน 39
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 294


« เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2012, 05:20:52 PM »

ข้อความต่อไปนี้ เป็นข้อความของคุณ  วะเฮ้ย จากเว็บเสรีไทยครับ



ใช้วิจารณญาณในการรับชมด้วยนะครับผม  เศร้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 19, 2012, 06:14:36 PM โดย Jakkathorn » บันทึกการเข้า
frank005
Newbie
*

คะแนน 2
ออฟไลน์

กระทู้: 16



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2012, 11:22:35 PM »

สังคมสมัยนี้จะสอนให้เด็กมีความเก่งในวิชาการ  และจะถูกสั่งสอนให้มีการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันตั้งแต่อนุบาล  โดยไม่ได้สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมไปให้   
เมื่อเด็กพวกนี้โตขึ้นเราก็จะเจอผู้ใหญ่ที่เก่ง  เห็นแก่ตัว   เอาตัวรอด  ชิงดีชิงเด่นโดยไม่สนใจคนอื่น  ขาดซิ่งคุณธรรมและจริยธรรม   ซึ่งจริงแล้ว พระอาจารณ์ท่านนึงเคยบอกผมว่า  คนเก่งน่ะมันฝึกกันง่ายใครๆก็เป็นได้  แต่คนดีนี่มันฝึกกันยาก   

พูดเรื่องของความเก่ง  เพื่อนๆเคยสังเกตุกันไหมครับว่าเด็กไทยมีความสามารถไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ เช่นคณิต,วิทยาศาสตร์,เคมี,ฟิสิกส์  ได้เหรียญทองกับมากันเยอะมาก  แต่นักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ที่เก่งที่สุดในโลกกลับไม่ใช่คนไทย  เป็นคำถามให้พวกเราวิเคราะห์ดูกันเล่นๆว่าทำไม
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 09:10:40 AM »

สังคมสมัยนี้จะสอนให้เด็กมีความเก่งในวิชาการ  และจะถูกสั่งสอนให้มีการแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันตั้งแต่อนุบาล  โดยไม่ได้สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมไปให้  
เมื่อเด็กพวกนี้โตขึ้นเราก็จะเจอผู้ใหญ่ที่เก่ง  เห็นแก่ตัว   เอาตัวรอด  ชิงดีชิงเด่นโดยไม่สนใจคนอื่น  ขาดซิ่งคุณธรรมและจริยธรรม   ซึ่งจริงแล้ว พระอาจารณ์ท่านนึงเคยบอกผมว่า  คนเก่งน่ะมันฝึกกันง่ายใครๆก็เป็นได้  แต่คนดีนี่มันฝึกกันยาก  

พูดเรื่องของความเก่ง  เพื่อนๆเคยสังเกตุกันไหมครับว่าเด็กไทยมีความสามารถไปแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ เช่นคณิต,วิทยาศาสตร์,เคมี,ฟิสิกส์  ได้เหรียญทองกับมากันเยอะมาก  แต่นักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์ที่เก่งที่สุดในโลกกลับไม่ใช่คนไทย  เป็นคำถามให้พวกเราวิเคราะห์ดูกันเล่นๆว่าทำไม

ตอบว่าเป็นเพราะคนไทย(ไม่ใช่แค่เด็ก) เจ้าอารมณ์ครับ...

กำหนดพฤติกรรมตนเองด้วยอารมณ์และแรงฮึดขณะนั้น เมื่อหมดอารมณ์แล้วก็เหมือนหมดไฟ แล้วเลิกทำต่อระยะยาว... จะสังเกตว่าเก่งช่วงเวลาสั้นๆ(ในช่วงที่ฮึด) โกรธง่ายหายเร็ว เดี๋ยวเดียวก็ลืม, ทำงานเป็นทีมไม่ได้ เพราะบังคับตัวเองให้ทำตามกฎระเบียบไม่ได้ เกิดจากสมาชิกในทีมอิจฉา หมั่นไส้กันเอง(ทุกคนอยากเด่น) แล้วทีมก็แตก...

ลองดูหนังไทยประเภทกลุ่มบุคคลตกในสภาวะกดดัน เช่นติดเกาะ วิ่งหนีผี เครื่องบินตก ฯลฯ... หากเป็นหนังไทยจะมีส่วนใหญ่ของท้องเรื่องการชิงไหวพริบ ชิงเหลี่ยมกันในระหว่างสมาชิก, แต่หนังฝรั่งมักจะเป็นแย่งกันคิดหาแผนที่ดีที่สุด แล้วสมาชิกที่เหลือจะทำตามแผน...

คนไทยวิ่งหนีผีปอบ(มีตั้ง 8 ภาค) วิ่งกันกระจายคนละทิศคนละทาง... แต่เด็กฝรั่งเจอผีดูดเลือดฯ มันจะถามกันเองก่อนว่าใครมีแผนอะไรดีๆมั่ง...
บันทึกการเข้า
white63
เราเบิก บานใจ เมื่ออยู่ เคียงกัน
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 44
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 552



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:09:01 AM »

อย่าว่าแต่เด็กเลยครับ ที่คิดแบบนี้ ไอ้พวกหัวหงอก ใกล้ลงโลง ผ่านร้อนผ่านหนาวมาไม่รู้กี่หน้าฝนแล้วคิดแบบนี้ก็ยังมีให้เห็นกันทุกวัน ทั้งๆที่รู้เห็นประสบพบเจอเรื่องราวต่างๆมากมาย ของแบบนี้มันเป็นเรื่องของความคิดแบบมือใครยาว สาวได้สาวเอา ใครเป็นไงช่างมัน เอาตัวกูได้ไว้ก่อน มีทุกยุค ทุกสมัย และคงมีอยู่คู่กับคนไทยตลอดไป ตราบที่สังคมยังไม่เริ่มปลูกฝังจิตสำนึกของความเป็นไทยให้ลูกให้หลานตั้งแต่เล็กๆอย่างจริงจัง ยังคงเป็นแบบทำอะไรตามใจคือไทยแท้อยู่  และจะปลูกได้ยังไง ในเมื่อคนผู้ใหญ่มันยังเห็นแก่ตัวอยู่ Smiley Wink
บันทึกการเข้า

BLUE ZONE 63  เก็บอดออมทำงานไม่รั้งรอ พ่อก็ไม่รวยสักที กีฬาเล่น เป็นแต่ไม่ดี กล้ามฉันไม่ค่อยมี
konklong
รักทุกคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 277
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2141


จงทำดี มีศีลธรรม ถือความสัตย์


« ตอบ #4 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 10:22:58 AM »

จงทำดี มีศีลธรรม ถือความสัตย์  ประโยคนี้หายไปจากสังคมไทยครับ การที่เยาวชนจะทำความดี ไม่ใช่เพียงแต่มีสัญชาตญาณที่ติดตัวมาเท่านั้น   ต้องอาศัยการบ่มนิสัย ฝึกอบรมจิตใจ ชี้ให้เห็นส่วนดี ส่วนเสีย ตั้งแต่เล็กๆ เด็กก็เหมือนผ้าสีขาว ผู้ใหญ่จะแต่งแต้มสีใดให้ เด็กนั้นเมื่อเติบโตมาก็จักเป็นเช่นนั้น  ปัจจุบันนี้ไม่เห็นมีโรงเรียนไหนให้นักเรียนสวดมนต์ ไหว้พระก่อนกลับบ้าน(หลังเลิกเรียน) อาจเพราะเห็นว่าเชยหรืออย่างไรไม่ทราบ  ผมว่าทุกโรงเรียนประเทศไทยต้องสังคายนาวิชาหน้าที่พลเมือง-ศีลธรรม ขนานใหญ่สักทีครับ     
บันทึกการเข้า

ชนใดไม่มีดนตรีการ  ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก
Yut64
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 7665
ออฟไลน์

กระทู้: 9988



« ตอบ #5 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 12:31:09 PM »

เด็กมันคิดทุกอย่างเหมือนเกมส์ในโลกโซเบอร์
บันทึกการเข้า
supreme
Hero Member
*****

คะแนน 127
ออฟไลน์

กระทู้: 1187



« ตอบ #6 เมื่อ: พฤษภาคม 20, 2012, 01:41:34 PM »

ผมว่าประเทศไทย เพิ่งจะเปลี่ยนจากสังคมเกษตร มาเป็นสังคมเมือง มันก็เลยเป็นแบบนี้  คือว่าเมื่อก่อนเราไม่ค่อยมีเงินกัน อาชีพการงานก็เป็นงานหนักงานใหญ่ คนก็เลยมีเหตุที่ต้องเกี่ยวข้องกัน เป็นเพื่อนกัน มีฐานะพอๆกัน มีอะไรเหมือนๆกัน จนเท่าๆกัน  

ก็มีข้อดีคือ ชีวิตไม่มีต้นทุนอะไรให้ห่วงเลย ทำบุญเพื่อชาติหน้าจะได้รวย ก็มีความสุขทางใจกันดี แต่ข้อเสียคือ ความทุกข์ทางเศรฐกิจ มองเห็นว่าชีวิตมันไม่มั่นคงอะไรเลยตั้งแต่รุ่นพ่อขึ้นไป แล้วยิ่งสมัยก่อน ถ้าไม่ใช่ภัยธรรมชาติเท่าซึนามิ น้ำท่วม ๑๐๐ ปี ก็อย่าคาดหวังว่าจะได้อะไรจากรัฐบาลเลย  สิ่งแวดล้อมแบบนี้  ทำให้คนอยากเปลี่ยนแปลงชีวิต ก็เลยต้องบินเดี่ยวออกจากบ้าน  ก็แบบหนังชีวิตต้องสู้แหละครับ สู้ทุกวัน สู้คนเดียว สู้ทุกวัน ก็คนมันคิดว่าชีวิตไม่มั่นคงพอ แล้วมันจะไปแบ่งอะไรให้ใครได้ ยิ่งเป็นผลงาน เครดิต หรือตำแหน่งนี่ต้องรักษากันสุดชีวิต  จนบางทีไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าเหมาะสมรึเปล่า สุดท้ายก็เป็นหัวหน้าแมลงสาบ

แต่กับประเทศที่พัฒนาแล้ว  เด็กมันก็เรียนไปเรื่อยๆ วิชามันก็ซึมลึก มีเวลาให้เข้าใจถึงที่มา ถึงเหตุผล เวลาเอาไปใช้มันก็ประยุกต์ ต่อยอดได้ แต่ของไทย อัดเนื้อหากันมโหฬาร เด็กที่เรียนเก่งส่วนใหญ่ จำเก่ง ทำข้อสอบเก่ง พวกนี้เวลาต้องต้องเอาวิชามาใช้มันจะตัน คิดไม่ออก เลยเป็นคนเก่งไม่จริง แบบความรู้ท่วมหัวฯไปซะงั้น นอกจากนี้การศึกษาเราก็เน้นที่ปริมาณ แต่จบมาไม่มีงานมารับ หรือค่าจ้างไม่พอที่จะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี  ตรรกะทั้งหลายที่เชื่อมาตลอดทั้งชีวิตจึงได้ถูกทำลาย  สิ่งที่ไว้ใจได้จริงๆก็คือเงินในกระเป๋าตัวเอง  เรื่องนามธรรมต่างๆ ที่คนรุ่นก่อนเล่ามามันสูญพันธุ์ไปแล้วเหมือน น้ำใส ป่าดิบ (ก็เกิดมาไม่เคยเห็นนี่)  แต่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ผมว่า เขารู้สึกว่า ชีวิตเขามั่นคง ตกงานก็มีชีวิตอยู่ได้(โดยไม่ลำบากด้วย) ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียบ้าน เสียรถ แบบเมืองไทย ความคิดแบบเพื่อตัวเองก่อนมันก็เลยไม่มี มันก็เลยมีแกนความคิดที่ต่างจากเรา ซึ่งของเราจะทำอะไร พอเขียนเป็นวัตถุประสงค์แล้ว มันจะมีเพื่อตัวเองเขาไปเกี่ยวเสมอ

ก็คงอยู่ในช่วงลองผิดลองถูกกันต่อไป  หรือไม่ก็วันนึง โลกเราเชื่อมต่อถึงกันได้หมดครบทุกด้าน อาจเป็นได้ว่า เราพอใจที่จะเลือกทำ เลือกเป็นอะไรก็ได้ ไม่ถูกจำกัดด้วยสภาพทางรูปธรรมทุกแบบ
บันทึกการเข้า

การศึกษาโดยไม่คิด ไร้ประโยชน์    การคิดโดยไม่ศึกษา เป็นอันตราย
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.045 วินาที กับ 21 คำสั่ง