บอร์ดเราเป็นบอร์ดสาธารณะ ดังนั้นผมไม่ได้มีเจตนาจะโต้แย้งอะไรกับใครเป็นการส่วนตัว
ผมแค่เสนอข้อมูลในมุมมองของผม ผิดถูกอย่างไรผู้อ่านพิจารณากันเอาเองครับ
ผมกด"อ้างถึง"ผิดกระทุ้ต้องขออภัยที่ทำให้งงนะครับ จริงต้องเป็นกระทู้ข้างบนนี้
ซึ่งผมจะบอกว่าการตั้งscope สูงต่ำมันมีผลต่อวิถีกระสุนจริงๆ ไม่ได้หลอกตา
กล่าวคือ ถ้าพี่เอาไอ้เอ๋อมาติดตั้งกล้องให้ยิงkill zone 0.5นิ้ว
โดยครั้งแรกให้มีscope height2นิ้ว
ผลลัพท์คือปืนพี่จะยิงเป้านี้ได้โดยไม่ต้องปรับคลิกหรือเล็งเผื่อเลยที่ระยะ15.9ถึง42.2หลา และกระสุนจะกินต่ำเพียง0.75นิ้วที่ระยะ10หลา แต่กระสุนจะกินต่ำมากถึง1นิ้วจากจุดเล็งที่ระยะ 50 หลา
แต่ถ้าเปลี่ยนให้scpoe height 3นิ้ว
ผลลัพท์คือปืนพี่จะยิงเป้านี้ได้โดยไม่ต้องปรับคลิกหรือเล็งเผื่อเลยที่ระยะ21.6ถึง47.7หลา และกระสุนจะกินต่ำถึง1.44นิ้วที่ระยะ10หลา แต่กระสุนจะกินต่ำเพียง 0.45นิ้วจากจุดเล็งที่ระยะ 50 หลา
พูดง่ายๆคือ ติดกล้องสูงๆจะช่วยให้ยิงเป้าไกลๆได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าติดกล้องต่ำๆ ก้อจะยิงเป้าที่อยู่ใกล้ๆได้ง่ายกว่า
อันนี้คือเรื่อง Line of sight ครับ คือแนวเล็งของกล้องเทียบกับแนวกระสุน
ถ้าเราติดกล้อง 2 นิ้ว ระยะห่างระหว่างแนวเล็งกับแนวกระสุนย่อมสั้นกว่าติดกล้องที่ 3 นิ้วแน่นอน

จากรูป จุดที่เส้นเขียวตัดเส้นฟ้าคือจุดที่เล็งและกระสุนกระทบเป้าในตำแหน่งเดียวกัน ผมของเรียกว่าจุด zero ถ้ายกกล้องขึ้น zero ก็เปลี่ยน แน่นอนว่าจำนวนคลิกที่ปรับกล้องที่ระยะต่างๆ ย่อมเปลี่ยนไป
แต่ประเด็นคือไม่ว่าเราจะติดกล้องสูงหรือต่ำ วิถีโค้งของลูกยังเหมือนเดิม มีแต่แนวเส้นที่มันตัดกันต่างกันไป
กระสุนปืนอัดลมจะวิ่งตัดแนวเล็งขึ้นไปข้างบน แล้วย้อยตกลงมาตัดแนวอีกครั้งเหมือนในรูป จังหวะขึ้นและลงมันครอบคลุมระยะช่วงหนึ่งที่เราสามารถยิงเข้า kill zone ได้ ขึ้นอยู่กับว่า kill zone ใหญ่แค่ไหน
http://www.arld1.com/trajectorypbr2.html ถ้าจากภาพในลิงค์ก็คือ critical zone เรื่องนี้จริงๆ แล้วเคยคุยกันไว้นานแล้วในกระทู้เกี่ยวกับโปรแกรม Hawke Chairgun
(****
ขอย้ำอีกครั้งว่าเป็นโปรแกรมที่มีประโยชน์มาก ควรหามาลงในเครื่องคอมพ์ไว้ ฟรีด้วย)
แต่ที่กล่าวมาทั้งหมด ค่าต่างๆ จะเปลี่ยนไปทั้งหมดถ้าปืนเป็นคนละกระบอก ยิงด้วยความเร็วต่างกัน หรือใช้ลูกต่างกันออกไป
จริงๆแล้วการมีโช็คจะทำให้ลูกกระสุนวิ่งช้าลงจากแรงเสียดทานที่เพิ่มช่วงปลายมากกว่าครับ
การมีโช๊คจะช่วยให้ลูกกระสุนแน่นคับลำกล้อง ไม่หลวม ทำให้ได้กลุ่มดีขึ้นมากกว่า
ส่วนประกอบที่ช่วยซีลลมกระหว่างผิวสัมผัสของลูกกับลำกล้องจิงๆแล้วคือกระโปรงของลูกปืนครับ
ซึ่งขนาดกระโปรงจะโตกว่าหัวกระสุน ทำให้ลดอากาศที่รั่วออกด้านข้างๆ ทำให้ไม่ต้องใช้ลมปริมาณมากในการยิง
ไม่งั้นลูกปืนอัดลมคงไม่ต้องทำออกมาเป้นรูปดอกเห็ดซึ่งทั้งผลิตยากและเสียรูปร่างได้ง่าย สู้ไปทำลูกให้เป็นแบบ boat tail ในกระสุนปืนชนวนกลางที่มี aerodynamic มากกว่าไม่ดีกว่าหรือ
อันนี้เห็นด้วยบ้างส่วน และมีความเห็นที่แตกต่างครับ
เห็นด้วยในเรื่องที่กระโปรงช่วยซีลลม โดยเฉพาะลูก JSB ที่กระโปรงบางและตะกั่วนิ่มมาก ใครที่ทำ sizzing ไป มั่นใจได้เลยว่าเมื่อลั่นไกแรงดันลมจะไปบานกระโปรงลูกให้ฟิตลำกล้อง
เมื่อกระสุนวิ่งผ่านช่วงที่เป็นโช๊ค ไม่ว่าหัวหรือกระโปรงจะโดนบีบลงแต่ไม่ได้มากมายนัก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงยกเรื่องนี้มาตอนที่ตาบอสอ้างเรื่องขนาดกระสุนที่ดูเล็กกว่าปรกติ
ว่ากันเรื่องกระโปรงลูกต่อ กระโปรงไม่ได้ออกมาเพื่อซีลลมเท่านั้น เหตุผลหลักๆ ของรูปทรงหัวเห็ดคือการทรงตัว เคยเขียนไว้แล้วเหมือนกันในกระทู้เรื่องเคล็ดลับหรืออะไรประมาณนี้
นอกจากตูดต้องกว้างกว่าเอวลูกแล้ว ภายในยังต้องกลวงเหมือนเป็นกระโปรงจริงด้วย เพื่อให้น้ำหนักไปอยู่ที่หัวเหมือนลูกแบด
เมื่อยิงออกไป น้ำหนักหัวจะช่วยรักษาให้กระสุนพุ่งไปโดยมีหัวนำ ในขณะเดียวกันกระโปรงจะสร้างแรงดึงทั้ง 360 องศาหรือรอบตัวมัน อากาศจะกดกระโปรงไว้ด้านหลังหัวลูก ไม่ให้แกว่งกลับมาด้านหน้า
อีกอย่าง ปืนอัดลมมันไม่ได้แรงเหมือนปืนดินขับ จุดที่ลูกสัมผัสลำกล้องมีแค่ขอบหัวและขอบกระโปรงเพื่อลดแรงเสียดทาน ถ้าเอาลูกทรง boat tail มา มันคงยิงไม่ได้ระยะแน่ๆ
ลูกทรงหัวเห็ดนี่จะว่าไปแล้วออกแบบมานานมาก
http://www.pyramydair.com/article/Velocity_and_Pellets_April_2003/2