เป็นอย่างที่เคยเตือนไว้เรื่องความชื้นจากสูบมือ แนะนำว่าควรเลิกใช้แล้วหาถังมาใช้แทนครับ
ปืนผมมีสนิมทีเดียวคือตัวน้ำหนักถ่วงที่พานท้าย ต้องคอยเอาน้ำมันทา อีกที่คือน็อตยึดขากล้อง

ถอดเร็คออกมาถ้าไม่ไปรื้อแหวนหรือสลับตำแหน่ง ใส่กลับเข้าไปแรงดันน่าจะเหมือนเดิมหรือเพี้ยนนิดหน่อย ไม่น่าเกินสองบาร์ ตัดไปหนึ่งปัญหา
แหวนสปริงผมทดลองแล้ว มันทำงานดีที่สุดตอนที่มันแห้ง ผมเอาจารบีซิลิโคนทาแล้วเอาผ้าเช็ดออก มันจะเหลือแค่ฟิลม์บางๆ เคลือบไว้ น้ำมันอื่นๆ ไม่ควรใช้
ยิ่งถ้าทาแบบเปียกๆ แล้ว อาจจะเกิดดีเซลลิ่งแบบปืนสปิงได้ ถ้าแหวนเปียกแรงดันจะไม่นิ่ง โดดไปโดดมาเยอะมาก มีอาการเหมือนเรคมันรั่ว คิดอะไรไม่ออกก็เช็ดให้มันแห้งไว้ดีที่สุด
แหวนที่ตั้งมาจากโรงงานจะรับแรงดันได้น้อยแต่อาศัยตั้งระยะชักให้ห่าง ปัญหาคือแหวนโดดอัดแล้วแต่รูลมยังไม่ปิด ต้องอาศัยแรงดันเพิ่มเข้ามาอีกเพื่ออัดแหวนให้แน่นมากๆ จนลูกสูบวิ่งไปปิดรูลม
ในกรณีนี้ต้องทิ้งระยะห่างระหว่างนัดอย่างน้อยสิบห้าวินาทีก่อนยิงนัดถัดไป เพื่อให้เวลาลูกสูบเพื่อปิดรูลมให้สนิท
ตอนแรกผมก็เจอปัญหาแบบนี้ ต้องเรียงแหวนและปรับระยะชักใหม่เรคก็จะทำงานเร็วขึ้น แรงดันนิ่งกว่าเดิม
แหวนสปริงอย่ารื้อเองนะครับ ส่งให้ตัวแทนจำหน่ายปรับให้ ถ้าจะทำเองต้องมีตัวทดสอบแรงดันเรค น็อตตัวปรับระยะชักมันอ่อนไหวมาก ปรับนิดเดียวแรงดันเปลี่ยนเยอะมาก
แหวนเรียงมั่วๆ ก็ไม่ได้ เรียงไม่ดีจะกลายเป็นเรคไม่ทำงาน หรือได้แรงดันสูงหรือต่ำเกินไป ถ้าไม่มีตัวทดสอบแรงดันแล้วเราจะไม่รู้เลยว่าเรคทำงานที่แรงดันเท่าไหร่
LG110 ผมจะตั้งแรงดันไว้ที่ 110 - 120 บาร์ มากกว่านี้ยิงได้น้อยนัด FT 24j ของผมตั้งไว้ 110 แต่ตัว Hunting 40j ตั้งไว้ 115 แต่ตัวนี้อาจจะต้องลองต่ออีกซักระยะ
ลูกก็มีผล ปืนผมยิง JSB ความเร็ววิ่งไปวิ่งมา +- > 10 ft/s แต่ยิงด้วย Crosman ความเร็วนิ่งกว่าเยอะ +- 5 ft/s ปืนแต่ละกระบอกชอบลูกไม่เหมือนกัน
ถ้าจะวัดความเร็วจริงๆ ควรจะวางปืนบนแท่นให้ปืนอยู่ในตำแหน่งเดิมให้มากที่สุด และควรชั่งน้ำหนักลูกด้วยเพื่อควบคุมปัจจัยภายนอก
เรคกูเลเตอร์ก็ต้องการระยะเวลาในการรันอินเหมือนกัน ลองยิงไปซัก 500 นัดก่อนค่อยดูอีกทีครับ