เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 20, 2024, 01:23:26 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 4 [5]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พลังงานไทย...เพื่อใคร?  (อ่าน 13303 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #60 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2012, 08:15:08 PM »

เว้นระยะเรื่องนี้ ไว้เท่านี้นะยาย เราไม่รู้จักกัน และผมแบกศพเพื่อนเพราะเรื่องพวกนี้มาแล้ว... อย่าเอาเกลือมาจิ้มเกลือนะครับ... ไหว้

Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  อ่ะ ฮา
ยายแถม  "MSG"  ให้พี่ dignitua  อีก  "เข่ง"  อ่ะ  ฮา  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

นายสมชาย(ฮา) กำลัง    "โยง"  ไปหา  มือที่มอง  "ไม่เห็น"  อ่ะ ฮา
ทำมัย คนไทย มันต้องใช้  "น้ำมันแพง" แบบไม่ลืมหู ลืมตาเลย อ่ะ ฮา  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก

ไม่ใช่กำลังโยงหรอก บอกดื้อๆเลยแหละ  ว่าตระกูลขุนนางเก่าแก่+กลุ่มทุนเก่า+กลุ่มทุนใหม่,
ตามแต่ว่าใหม่สมัยไหน  เก่าสมัยไหน  เพราะกลุ่มทุนใหม่ที่ว่าใหม่
เมื่อผ่านไปหนึ่งรุ่นคน มันก็จะกลายเป็นขุนนางไปทันที...
เพราะ"คณะกรรมการ"มันจะเอาผลประโยชน์แลกกัน ทั้งด้านตัวเงิน
และอวยตำแหน่งแลกกันระหว่างเด็ก 2 ค่าย
แล้วในที่สุดมันก็จะกลายเป็นขุนนางปัจจุบัน
มีตำแหน่งให้คุณให้โทษในระบบราชการฯ...

ตามที่คุณ prawin -รักในหลวง บอกมานั่นแค่วงการค้าปลีกครับ...
แต่วงการอื่นมันก็มี วงการน้ำมันก็มี และวงราชการมันก็มีอีกด้วย
แบ่งเป็นป้อมค่ายหลายวง แล้วที่แสบก็คือป้อมค่ายเหล่านี้มันไขว้กันอวย"ตำแหน่งเด็ก"
จนก้าวหน้าขึ้นระดับอธิบดีอย่างรวดเร็วเป็นเรื่องปรกติ เขาเรียกว่า Fast Track ... ฮา...

มือที่มองไม่เห็นน่ะ ไม่ใช่สถาบันฯ ครับ...
สถาบันต่างหาก ที่โดนเป็นหุ่นเชิดมาทุกสมัยในประวัติศาสตร์,
ลองอ่านประวัติศาสตร์ช่วงต้น ร.5 จะเห็นร่องรอยการต่อสู้ของพระพุทธเจ้าหลวงฯ
กับกลุ่มขุนนางที่กุมอำนาจในแผ่นดิน มีตั้งแต่ชิงไหวพริบเรื่องการส้องสุมกำลังคน
ชิงไหวพริบเรื่องทรัพยากร(ให้ส่งเงินภาษีอากรเข้าคลังหลวง)...

ร.5 และบูรพกษัตริย์ตกเป็นหุ่นเชิดและ"ตัวประกัน"มาทุกยุคสมัย...
และทั้งหมดทุกพระองค์รอดมาได้ด้วยการทำนุบำรุงแผ่นดิน
เพื่อเรียกศรัทธาประชาชนให้เป็นเกราะคุ้มภัยครับ,
ลองศึกษาประวิติศาสตร์ในแง่การเมืองของชนชั้นสูง
เปรียบเทียบระหว่าง ร.5 กับ ร.6 จะเห็นจุดนี้ชัดขึ้น...

แล้วหากยังไม่เชื่อข้างบน
ให้ลองดูประวัติศาตร์ว่า"เจ้านายชั้นสูง"ส่วนใหญ่อายุไม่ยืนครับ...
แล้วมีหลายพระองค์ สิ้นด้วย"ไตวาย"!!!...

Ha Ha Ha  ฮา่  "ฮั่นแน่"  อ่ะ  ฮา

ยายไม่กลัว  "ไตวาย" อ่ะ  ฮา
ถ้าไม่รับประทาน  "เค็ม" จนเกินไป  อ่ะ  ฮา

หน้าร้อน  ยายกลัว  "ข้าวเหนียวมะม่วง"  มากกว่า อ่ะ ฮา
เวลากิน  มันก็อร่อยดี  แต่ต้องเลือกร้านที่ทำ  อ่ะ ฮา

555 ยายไม่กล้ากินซี้ซั้ว หรอก  กลัวเป็นมะเร็ง  " ขั้วตับ " อ่ะ  ฮา
ยายกลัวเป็นแบบนายพลสฤษดิ์  นายพลกฤษณ์  และลุงหมัก  อ่ะ  ฮา  ขำก๊าก ขำก๊าก ขำก๊าก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 07, 2012, 08:37:09 PM โดย babara. » บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
กรรมกร
+แล้วนะคับ ... อย่าลืมทอนด้วยนะคับ 555
Hero Member
*****

คะแนน -964
ออฟไลน์

กระทู้: 1293



« ตอบ #61 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2012, 09:41:27 PM »

แวะมาอ่าน !
บันทึกการเข้า

ไร้คำกล่าว............................................
dignitua-รักในหลวง
เราจะสู้เพื่อในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1414
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8341


จะมีพรุ่งนี้ ได้อีกกี่วัน...


« ตอบ #62 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2012, 09:45:47 PM »

รัชกาลที่ 6 ท่านทรงทำนายไว้ว่าอนาคตบ้านเมืองจะถูกปกครองโดยกลุ่มพ่อค้า ซึ่งเห็นว่าจะจริงดังคำทำนาย.. ไหว้

กลุ่มทุนใหม่เข้ามาร่วมรุมทึ้งแต่หนักกว่า โดยการซื้อประชาชนผ่านวิถีทางต่างๆ และทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันกษัตริย์...

ผมก็ยังเล็งเห็นจุดเดิมที่ประเทศไทยต้องมีไว้ซึ่งสถาบัน มีประชาชนสนับสนุนเพื่อคานอำนาจกับเหล่าขุนนาง และกลุ่มทุนใหม่ที่ฮุบสมบัติพื้นฐานของชาติไปแล้ว เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้..

หากมัวแต่เอนเป็นไม้หลักปักขี้เลนเหมือนยาย ก็แค่คนเอาตัวรอดไปวันๆ ลูกหลานตัวเองรอดแล้วมานั่งภูมิใจในความฉลาด ความมั่งมี แต่ลูกหลานคนอื่นล่ะ ไม่มีหาทางทำกิน คิดว่าจะมั่นใจว่าอยู่ได้นานแค่ไหนกัน...

ประเทศไทยมีทรัพยากรเหลือเฟือ แต่ถ้าไม่แบ่งกันใช้ ฮุบทุกอย่างที่ตาเห็น ปล่อยให้ประชาชนอดอยาก คิดหรือว่าจะไม่มีปฏิกริยาย้อนกลับ...

ไล่หมา เค้ายังไม่ให้มันจนตรอก... แต่ถ้าประชาชนทั้งประเทศจนตรอก คิดหรือว่ายายจะได้นั่ง "จิบเบียร์" อย่างสบายตูดได้...

แบ่งๆกันกินเถอะ ก่อนที่จะไม่มีแผ่นดินอยู่เหมือนลูกพี่ยายน่ะ... หวังว่าถึงวันนั้น ปตท. คงจะ "เอาอยู่" ถ้าปั้มทุกปั้มโดนเผาเหี้ยน... โรงกลั่นที่ไล่ยึดเค้ามาระเบิดพร้อมกันหมด... เสพสุขบนความทุกข์ของคนทั้งประเทศให้มากๆไว้นะ ก่อนที่จะโดนตัดหัว แยกแขนขา เสียบประจานไว้ตามท่อส่งน้ำมัน หรือท่อส่งก๊าซ เพื่อเตรียมฌาปนกิจอีกรอบ... กรรมมันเร็วยิ่งกว่า "ไอ้กี้" ที่จะเอาน้ำมันล้านลิตรมาเผาเมืองเยอะนะ... คนโลภ...
บันทึกการเข้า

ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #63 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2012, 10:00:16 PM »

Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  อ่ะ ฮา

ยายมาดักทาง ก่อน อ่ะ ฮา
เดียวคงจะมี คน "ขี้สงสัย"  ถามยาย อ่ะ ฮา

ข้าวเหนียว  "มูล"  เนี่ยะ เขาทำกันอย่างไร อ่ะ ฮา

ขั้นต้น เขาต้องเลือกข้าวเหนียวเก่า  "เขี้ยวงู"
แหล่งที่ปลูกแถวแม่จัน เชียงราย อ่ะ ฮา
ข้าวเหนียวที่นี่  "เมล็ด" สวย ไม่โต  เรียวยาว พอเหมาะ อ่ะ ฮา

ขั้นต้น  ต้องเอาข้าวเหนียว  แช่ค้างคืนเอาไว้
ถ้าจะทำเช้า  ให้แช่กลางคืน  ถ้าจะขายตอนเย็น ให้แช่ตอนเช้า อ่ะ ฮา

ตอนล้างเมล็ดข้าว  ยายบอก "เทคนิ๊ค"  ให้อ่ะ ฮา
ถ้าจะให้เมล็ด เวลามูล  ขาว ใส สะอาด อ่ะ ฮา
เขาให้เอา  ก้อน "สารส้ม"  ลงไปขัด เมล็ดข้าว  อ่ะ ฮา
แล้วแช่ทิ้งไว้ ตาม "ปกติ" เหมือนเรา แช่ข้าวเหนียว เก่า อ่ะ ฮา

พอได้เวลา สี่ห้าหก ชั่วโมง  กะว่า เอามือ จับ  ข้าวเริ่มแตก ร่วน
เอาข้าวนั้น  ใส่ ซึ้ง  หรือ หม้อนึ่ง  ยกขึ้นเตาไป อ่ะ ฮา
นิ่งประมาณ 1/2 ชัวโมง  ข้าวก็นิ่ม  อ่ะ ฮา

ในระหว่างที่รอ ข้าวสุก  เราก็เตรียม  เครื่อง "มูล" อ่ะ
เราคั้นกระทิสด  ที่ทำจากมะพร้าวแก่ ขูดโดยเครื่อง
มะพร้าวนี้  เวลากระเทาะออกจากเปลือก 
ต้องปลอกผิวด้านนอก ที่เป็นสีดำออกให้หมด
เวลาคั้น  สีจะได้สวย ขาวสะอาด  อ่ะ ฮา

มะพร้าวที่คั้นน้ำ  เรายกขึ้นตั้งบนเตาไฟ อ่ะ
รอจนน้ำมะพร้าวเดือด เป็นฟอง 
เราก็ค่อยๆตัก  หัวกระทิ  แยกออกมา อ่ะ

ส่วนที่เหลืออยู่ในหม้อ พอมัน "เคี่ยว" ดีแล้ว
ค่อยใส่น้ำตาลทรายลงไป พอให้หวาน
แล้วตัดด้วย "เกลือ" ผง  พอให้ออกปลายเค็มนิดเดียวอ่ะ

ส่วน "หัวกระทิ"  เราก็เติมน้ำตาลทราย กับเกลือ นิดเดียว
กะว่าจะเอาไป ราด  ด้านหน้า  "ข้าวเหนียว"  ตอนเสริฟ อ่ะ ฮา

พอนึ่งข้าวเหนียว  สุกดีแล้ว  ให้เทใส่ กะลามัง หรือหม้อ ก็ได้ อ่ะ
พอเทเสร็จ ก็ใส่กระทิ  ที่ปรุงแล้วตามลงไป
ใช้ไม้พาย  คลุกให้กะทิ เข้ากับข้าวเหนียว
แล้วปิดผา  ทิ้งเอาไว้  รอจนข้าวเหนียวเย็น อ่ะ ฮา

จะได้ข้าวเหนียวมูล ที่เมล็ดสวย และน่าทาน อ่ะ ฮา

5555 ยายแอบเอาวิธีของเจ้าดัง หลังมหาดไทย มาบอกอ่ะ ฮา   ขำก๊าก ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
ค..ควาย...ใส่ชฎา
Hero Member
*****

คะแนน -15856
ออฟไลน์

กระทู้: 13569


No justice No peace


« ตอบ #64 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2012, 11:07:30 PM »

รัชกาลที่ 6 ท่านทรงทำนายไว้ว่า  อนาคตบ้านเมืองจะถูกปกครองโดยกลุ่มพ่อค้า
ซึ่งเห็นว่าจะจริงดังคำทำนาย.. ไหว้

กลุ่มทุนใหม่เข้ามาร่วมรุมทึ้งแต่หนักกว่า
โดยการซื้อประชาชนผ่านวิถีทางต่างๆ
และทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันกษัตริย์...

ผมก็ยังเล็งเห็นจุดเดิมที่ประเทศไทยต้องมีไว้ซึ่งสถาบัน
มีประชาชนสนับสนุนเพื่อคานอำนาจกับเหล่าขุนนาง
และกลุ่มทุนใหม่ที่ฮุบสมบัติพื้นฐานของชาติไปแล้ว
เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้..

หากมัวแต่เอนเป็นไม้หลักปักขี้เลนเหมือนยาย
ก็แค่คนเอาตัวรอดไปวันๆ ลูกหลานตัวเองรอด
แล้วมานั่งภูมิใจในความฉลาด ความมั่งมี แต่ลูกหลานคนอื่นล่ะ
ไม่มีหาทางทำกิน คิดว่าจะมั่นใจว่าอยู่ได้นานแค่ไหนกัน...

ประเทศไทยมีทรัพยากรเหลือเฟือ
แต่ถ้าไม่แบ่งกันใช้ ฮุบทุกอย่างที่ตาเห็น
ปล่อยให้ประชาชนอดอยาก คิดหรือว่าจะไม่มีปฏิกริยาย้อนกลับ...

ไล่หมา เค้ายังไม่ให้มันจนตรอก...
แต่ถ้าประชาชนทั้งประเทศจนตรอก
คิดหรือว่ายายจะได้นั่ง "จิบเบียร์" อย่างสบายตูดได้...

แบ่งๆกันกินเถอะ ก่อนที่จะไม่มีแผ่นดินอยู่เหมือนลูกพี่ยายน่ะ...
หวังว่าถึงวันนั้น ปตท. คงจะ "เอาอยู่" ถ้าปั้มทุกปั้มโดนเผาเหี้ยน...
โรงกลั่นที่ไล่ยึดเค้ามาระเบิดพร้อมกันหมด...
เสพสุขบนความทุกข์ของคนทั้งประเทศให้มากๆไว้นะ
ก่อนที่จะโดนตัดหัว แยกแขนขา เสียบประจานไว้ตามท่อส่งน้ำมัน
หรือท่อส่งก๊าซ เพื่อเตรียมฌาปนกิจอีกรอบ...
กรรมมันเร็วยิ่งกว่า "ไอ้กี้" ที่จะเอาน้ำมันล้านลิตรมาเผาเมืองเยอะนะ...

คนโลภ...

Ha Ha Ha  ฮา  "ฮั่นแน่"  อ่ะ ฮา
พี่ dignitua เนี่ยะ  มันยัง  "เค็ม" เหมือนเดิม เลย อ่ะ ฮา ขำก๊าก ขำก๊าก

http://www.youtube.com/watch?v=W9TJ7ZdBF1U&feature=related
บันทึกการเข้า

หัว...ฆรวย

หัวโขนมิวางออก              เจ้าหลงครอบไปทุกที่
อ่าองค์ว่าโสภี                  นฤดีปริ่มเปรมใจ
ลืมไปว่าที่ครอบ                ต้องวางออกนหทัย
สวมครอบตัวตนไว้             ก็แค่ควายใส่ชฎา
dignitua-รักในหลวง
เราจะสู้เพื่อในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1414
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8341


จะมีพรุ่งนี้ ได้อีกกี่วัน...


« ตอบ #65 เมื่อ: กรกฎาคม 07, 2012, 11:50:24 PM »

นอนดึกนะยาย เดี๋ยวตับไม่ได้พักผ่อนนะครับ ให้ผมตับแข็งแรงคนเดียวก็พอแล้วยาย... ยิ้มีเลศนัย
บันทึกการเข้า

วัฒน์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4114
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17223


เนรเทศยกโคตรดีกว่านิรโทษยกเข่ง


เว็บไซต์
« ตอบ #66 เมื่อ: กรกฎาคม 12, 2012, 02:32:56 PM »

 Smiley กลับเข้าเรื่องกันต่อ...

          เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ในแต่ละปีประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันจำนวนมหาศาลเพื่อให้เพียงพอต่อความต้อง การของคนทั้งประเทศ ตัวเลขจากกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา "น้ำมันดิบ" คือสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าสูงสุดของไทย มีมูลค่าการนำเข้าถึง 1 ล้านล้านบาทต่อปี ดังตารางต่อไปนี้





        แต่ที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบก็คือ ประเทศไทยของเราก็ส่งออกน้ำมันเป็นมูลค่ามหาศาลต่อปีเช่นเดียวกัน น้ำมันดิบที่ได้ผ่านกระบวนการกลั่นจนกลายเป็น "น้ำมันสำเร็จรูป" (Petroleum Products) อันประกอบด้วย น้ำมันเบนซิน (Gasoline), น้ำมันดีเซล (Diesel), น้ำมันก๊าด (Kerosene), น้ำมันอากาศยาน (Jet oil), น้ำมันเตา (Fuel oil) และ แก๊สปิโตรเลียมเหลว (LPG) รวมทั้งหมดนี้ในปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา ประเทศไทยส่งออกไปเป็นมูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ดังตารางต่อไปนี้





         หลายคนอาจตั้งข้อสังเกตว่า ประเทศไทยไม่มีศักยภาพในด้านแหล่งพลังงาน แต่มีศักยภาพในการกลั่นน้ำมันดิบ ที่สามารถกลั่นได้ถึงวันละ 1,119,500 บาร์เรล จากบริษัทกลั่นน้ำมันทั้งหมด 8 บริษัท (ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน) ดังนั้นจึงนำเข้าน้ำมันดิบมากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อส่งออกไปขายทำ กำไรยังต่างประเทศ


        ซึ่งนั่นก็เป็นความจริงเพียงส่วนเดียว เพราะเรื่องที่หลายคนอาจจะยังไม่ทราบก็คือ ในปีที่ผ่านมาประเทศไทยสามารถผลิตน้ำมันดิบได้เองวันละ 139,991 บาร์เรล และผลิต "คอนเดนเสท" (Condensate) ซึ่งนำมาเป็นวัตถุดิบหนึ่งในการกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปได้อีกวันละ 84,136 บาร์เรล รวมเป็น 224,127 บาร์เรล/วัน (ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน) ซึ่งเป็นปริมาณมากกว่าที่ประเทศบรูไนผลิตได้ในแต่ละวันเกือบ 2 เท่าตัว และมากติดอันดับ Top 40 ของโลก (ข้อมูลจาก U.S. Energy Information Administration)


         ปริมาณการบริโภคน้ำมันสำเร็จรูปของประเทศไทยในปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมาเท่ากับ 673,896 บาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่เราสามารถทำได้เองในแต่ละวัน เท่ากับว่า ประเทศไทยจะต้องนำเข้าน้ำมันดิบอีกประมาณ 450,000 บาร์เรล/วัน แต่ในความเป็นจริงปีที่ผ่านมาประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบเป็นจำนวน 794,226 บาร์เรล/วัน นั่นจึงเป็นที่มาของมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบที่สูงถึง 1 ล้านล้านบาทต่อปี


         ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง ประเทศไทยได้นำน้ำมันดิบมาผ่านกระบวนการกลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปจำนวน 954,829.9 บาร์เรล/วัน และส่งน้ำมันสำเร็จรูปจำนวน 180,852.4 บาร์เรล/วัน ไปขายยังต่างประเทศ เป็นที่มาของมูลค่าการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปปีละ 3 แสนล้านบาทดังที่ได้กล่าว


 



         เมื่อพิจารณาจากตัวเลขสถิติของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ในตางรางด้านบน จะพบข้อที่น่าสงสัยอยู่หลายประการ เช่น ในขณะที่เราผลิตน้ำมันดิบได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ แต่เรากลับส่งออกน้ำมันดิบที่ผลิตได้นั้นไปขายยังต่างประเทศถึงวันละหลาย หมื่นบาร์เรล แล้วนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ทั้งที่มีค่าขนส่งทำให้ต้นทุนสูงกว่าน้ำมันดิบซึ่งเราผลิตได้เองในประเทศ เท่ากับเป็นการเพิ่มราคาน้ำมันให้สูงกว่าที่ควรจะเป็นไปแล้วหนึ่งรอบ


         นอกจากนั้นแล้ว น้ำมันสำเร็จรูปที่เราผลิตได้เองซึ่งมีปริมาณมากเกินกว่าความต้องการใช้ภาย ในประเทศ แต่เรายังกลับนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศอีกวันละหลายหมื่นบาร์เรล และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี ทั้งที่มีต้นทุนสูงกว่าน้ำมันสำเร็จรูปซึ่งเรากลั่นได้เอง เท่ากับเป็นการเพิ่มราคาน้ำมันให้สูงกว่าที่ควรจะเป็นอีกหนึ่งรอบ


         ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพิจารณาปริมาณน้ำมันดิบและคอนเดนเสทที่เราผลิตได้เอง หักลบออกจากปริมาณน้ำมันดิบที่ถูกส่งออกไปขายยังต่างประเทศ จะเหลือปริมาณน้ำมันดิบและคอนเดนเสทใกล้เคียงกับปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่ ถูกส่งออกไปขายยังต่างประเทศ จึงเป็นไปได้ว่า บริษัทน้ำมันอาจจะเลือกใช้วิธีการทำกำไรสูงสุด นั่นคือ นำน้ำมันดิบและคอนเดนเสทที่ผลิตได้ในประเทศซึ่งมีต้นทุนต่ำ มาทำการกลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูปแล้วส่งไปขายยังต่างประเทศซึ่งจะได้ราคาสูง ส่วนน้ำมันสำเร็จรูปที่ขายกันอยู่ในประเทศไทยก็ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบ ซึ่งต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ กลายเป็นว่าคนไทยทุกคนต้องแบกรับภาระค่าน้ำมันที่แพงขึ้น เพื่อให้บริษัทน้ำมันมีผลกำไรสูงสุด


         บริษัทน้ำมันดังกล่าว แน่นอนว่าส่วนหนึ่งคือบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่จากต่างแดน เช่น Chevron (สหรัฐอเมริกา), Mitsui (ญี่ปุ่น) และ Pearl Energy (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) ซึ่งได้รับสัมปทานน้ำมันในประเทศไทยกันไปบริษัทละนับสิบสัมปทาน แต่บริษัทน้ำมันที่ได้รับประโยชน์สูงสุดเพียงหนึ่งเดียว ก็คือ ปตท. รัฐวิสาหกิจอันดับหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งมีรายได้ในปีที่ผ่านมาเกือบ 2.5 ล้านล้านบาท และมีกำไรกว่า 1 แสนล้านบาท


          ผลกำไรอย่างมหาศาลของ ปตท. มาจากการประกอบกิจการอย่างครบวงจรจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่การสำรวจและผลิตน้ำมันดิบ ซึ่ง ปตท. ถือครองสัมปทานสำรวจและผลิตน้ำมันทั้งบนบกและในทะเลของประเทศไทยอยู่กว่า 20 สัมปทาน (มากเป็นอันดับหนึ่ง) ต่อมาถึงกิจการกลั่นน้ำมันในประเทศไทยที่แทบจะเรียกได้ว่า ผูกขาดโดย ปตท. เพราะแม้ปัจจุบันจะมีบริษัทกลั่นน้ำมันในไทยอยู่ 8 บริษัท แต่ครึ่งหนึ่งนั้นมี ปตท. เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด และมีอีก 1 บริษัทที่ ปตท. เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 (ตามตารางด้านล่าง) และสุดท้ายคือกำไรจากการจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปทั้งค้าปลีกในปั๊มน้ำมัน ค้าส่งให้องค์กร และส่งออกขายต่างประเทศ





         แน่นอนย่อมมีการอ้างว่า ปตท. เป็นรัฐวิสาหกิจที่ถือหุ้น 51.49% โดยกระทรวงการคลัง ดังนั้นกำไรของ ปตท. ก็จะย้อนกลับมาเป็นรายได้ของรัฐบาล แต่หากเรามองไปถึงหุ้นอีกครึ่งหนึ่งซึ่งอยู่ในมือของนักลงทุนผ่านตลาดหลัก ทรัพย์ โดยจำนวนมากในนั้นก็เป็นนอมินีให้กับนักการเมืองใหญ่ตามที่ปรากฏหลายครั้งใน สื่อต่างๆ คำถามจึงเกิดขึ้นว่า ทำไมเราต้องแบ่งผลประโยชน์ครึ่งหนึ่งของ ปตท. ให้กับบุคคลคนเหล่านั้น ? และทำไมประชาชนไทยจะต้องมาแบกรับภาระค่าน้ำมันแพงกว่าความเป็นจริง เพื่อสร้างผลประโยชน์ไปให้กับบุคคลเหล่านั้น ?


         ถ้า ปตท. กลับมาเป็นของรัฐบาลเต็มตัวอีกครั้งเหมือนในอดีต ปตท. ก็ไม่จำเป็นต้องแสวงหากำไรอย่างถึงที่สุดโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของพี่น้อง คนไทยด้วยกัน รัฐบาลจะสามารถปรับสัดส่วนการผลิต การกลั่น และการจัดจำหน่ายน้ำมันของ ปตท. ให้เกิดความเป็นธรรมได้มากขึ้น ถึงแม้เวลานั้นกำไรของ ปตท. อาจจะลดลงบ้าง แต่คนไทยทั้งประเทศก็ไม่ต้องโดนขูดรีดจากค่าน้ำมันที่แพงเกินกว่าความเป็นจริงอีกต่อไป

เครดิต : https://politic.myfirstinfo.com/viewnews.asp?newsid=98708


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 12, 2012, 02:45:51 PM โดย วัฒน์ » บันทึกการเข้า

ฟ้าและดินไม่เห็นไม่เป็นไร ไม่ได้หวังให้ใครจดจำ
แม้ยากเย็นแค่ไหน ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่มีใครจดจำ แต่เราก็ยังภูมิใจ

จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา จะยอมรับโชคชะตาไม่ว่าดีร้าย
ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ถึงเวลาก็ต้องไป เหลือไว้แต่คุณงามความดี
หน้า: 1 2 3 4 [5]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 22 คำสั่ง