หลังศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินคดีความล่าสุดที่ผ่านมา
ได้มีพี่คนนึงมาเตือนเกี่ยวกับเรื่องความใจร้อน...
ผมมานั่งพิจารณาตัวเองแล้วก็จริงอย่างที่พี่เค้าว่า..
2-3 เดือนที่ผ่านมามีบททดสอบพอดี แต่ตอนนี้ผ่านไปแล้วเลยมาเล่าสู่กันฟังครับ...
บ้านที่เช่าอยู่ เจ้าของแบ่งเป็น 2 ฝั่ง มีถนนคั่นกลาง
ฝั่งนึงเป็นบ้านเช่า อีกฝั่งเป็นที่ดินโล่ง ซอยลึกประมาณ 200 เมตร...
ทีนี้ปากซอยมีการเช่าที่ดินของเจ้าของที่เพื่อก่อสร้างร้านสะดวกซื้อชื่อดัง..
ผู้รับเหมาเลยเช่าที่ดินอีกฝั่งของบ้านเช่าที่มีถนนคั่นกลางเพื่อสร้างแคมป์คนงาน...
อาชีพเดียวกัน แต่ที่ไม่เข้าใจ... ถ้าเป็นผมจะเลือกจุดที่อยู่ท้ายสุด
มุมที่ห่างบ้านคนสุดเพื่อสร้างแคมป์ ไม่ให้รบกวนคนอื่นหรือรบกวนน้อยที่สุด...
แต่ผู้รับเหมาเลือกที่จะสร้างแคมป์ตรงหน้าบ้านที่ผมเช่าอยู่พอดี..
เดาได้ว่าเพราะ "เมีย"(อีกแล้ว) ที่ตอนกลางวันทั้งซอยอยู่บ้านอยู่คนเดียว...
เจ้าของที่ก็อวยให้ผู้รับเหมาเจ้านี้เต็มที่ ถึงขั้นจะเชิญผมออก
พอเราคุยด้วยเหตุผล... งานเข้าของแท้...
ผมพาเมียไปฝึกยิงปืนวันนั้นเลย (เคยส่งภาพให้พี่ชิ้วดู) ทั้งปืนสั้น ทั้งลูกซอง...
เอากล็อกขึ้นลำให้เมียใช้ทุกวัน เนื่องจากลูกดกดี..
ไม่ค่อยมีสมาธิทำงานเท่าไหร่ เหมือนแมวจับหนู...
ปิดบ้าน ปิดม่าน คนงานก็มานั่งดีกกีตาร์หน้าบ้านตอนผมไม่อยู่
พอผมกลับมาก็แยกย้ายกันไปหมด วันๆวิ่งกลับบ้่าน 2-3 รอบ
หรือวันหยุดก็พาเด็กๆไปเกาะเสม็ดหรือนอนหน้าหาดเพื่อให้ห่าง และหมดไปวันๆ...
ปืนมีไว้ไม่ได้ใช้ ดีกว่าเวลาจะใช้แล้วไม่มี...
2-3 เดือนที่ผ่านมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนปืนลั่นไปแล้ว แต่กลับทนได้...
คนงานกินเหล้ากันทุกวัน ผมกลับบ้านเที่ยง 6 โมง และ 4-5 ทุ่มทุกวันเหมือนกัน
ขับรถวิ่งไปมาเกือบ 300 กิโล ทั้งที่วิ่งในจังหวัดเดียว...
ทุกทีคาดว่าจะมีเรื่องจะเข้ามาเล่าให้ฟัง แต่ครั้งนี้เรื่องจบค่อยมาเล่า
ก็ถือว่าบางทีเราจินตนาการเยอะก็ไม่ค่อยดี แต่เราระวังก็ดี...
เก็บไว้แสดงออกให้หงายหลังตอนคราวจำเป็นยิ่งดี
เกิดเรื่องก็ซวยไป ไม่เกิดก็ดีไป... อะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด...
เมื่อวานแคมป์ย้ายไปแล้ว บรรยากาศกลับมาเหมือนเดิม
ผมพาลูกๆเดินเล่นหน้าบ้าน พ่อแม่บ้านอื่นออกมาพาลูกๆเดินเล่น... กลับสู่ภาวะปกติ...
ถ้าใจร้อนคงต้องพาครอบครัวลำบากพเนจรอีกแล้วแน่ๆเลย...