เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 20, 2024, 06:48:40 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: 20 อันดับ .. "เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555"  (อ่าน 10335 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Skeleton_King
ถูกเพิกถอนสมาชิกภาพ
Hero Member
*

คะแนน -3340
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2760


คนต่ำๆ ก็จะคิดได้แค่ต่ำๆ


เว็บไซต์
« ตอบ #30 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 05:17:20 PM »

ถ้าความรวย วัดกันที่ทรัพย์สิน อาตมาคงจนที่สุด เพราะไม่มีตังสักบาท ตอนนี้
แต่ถ้าวัดกันที่ความสุข ความไม่มีทุกข์ อาตมาคิดว่า พระที่นี่รวยกว่าที่กล่าวมาทั้งหมดอีก


รวยล้นฟ้าก็หาความสุขไม่ได้ ถ้าไม่มีธรรมในใจ    สาธุ..............
บันทึกการเข้า

รู้จักกันมากขึ้นได้ที่ http://www.facebook.com/profile.php?id=100001818524287
                               ^
                               ^
ถ้าคุณไม่เชื่อว่าคนที่คุณเกลียดก็มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
นั่นก็หมายความว่าคุณไม่เชื่อในการมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเลย  -Noam Chompsky-
Tiger wut
อาวุธประจำตัวคือ"ขวดนม"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 975
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15042


พี่ครับ พี่ครับ เสือมา


« ตอบ #31 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 05:18:20 PM »

ข้อมูลไม่ครบครับ.....รู้สึกว่าขาดชื่อผมไปอีกคน....กร๊ากกกกกกกกกกกก Grin
บันทึกการเข้า

รักดีกินถั่ว   รักชั่วกินเหล้า  รักทั้งดี -ทั้งชั่ว กินถั่วแกล้มเหล้า
เบิ้ม
"ชีวิตคนนั้นแสนสั้น ความดีนั้นจักคงทน"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6424
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 50462



« ตอบ #32 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 06:38:17 PM »

ข้อมูลไม่ครบครับ.....รู้สึกว่าขาดชื่อผมไปอีกคน....กร๊ากกกกกกกกกกกก Grin

ผมเติมให้เลยมั้ยครับพี่เสือ  ขำก๊าก
บันทึกการเข้า

"ศรัทธาของท่าน ความเชื่อของท่าน ก็เป็นของท่าน ความเชื่อของเรา ศรัทธาของเรา ก็เป็นของเรา"
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #33 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 07:34:26 PM »

อยากให้เปลี่ยนเป็น 10 อันดับผู้เสียภาษีบุคคลมากที่สุดประจำปี


เยี่ยมเลย  เยี่ยม
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #34 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 07:37:11 PM »

ถ้าความรวย วัดกันที่ทรัพย์สิน อาตมาคงจนที่สุด เพราะไม่มีตังสักบาท ตอนนี้
แต่ถ้าวัดกันที่ความสุข ความไม่มีทุกข์ อาตมาคิดว่า พระที่นี่รวยกว่าที่กล่าวมาทั้งหมดอีก


รวยล้นฟ้าก็หาความสุขไม่ได้ ถ้าไม่มีธรรมในใจ    สาธุ..............

ยังถือเพศบรรพชิตอยู่หรือเปล่าครับ?

โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เนต หนังสือพิมพ์ ฯลฯไม่สัปปายะต่อการภาวนา ในพระวินัยฉบับหลวงปู่จันทาถือเป็นอาบัติปาจิตตีย์ทั้งสิ้น
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
ทิดเป้า
Hero Member
*****

คะแนน -1181
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11916



« ตอบ #35 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 08:24:02 PM »

ถ้าความรวย วัดกันที่ทรัพย์สิน อาตมาคงจนที่สุด เพราะไม่มีตังสักบาท ตอนนี้
แต่ถ้าวัดกันที่ความสุข ความไม่มีทุกข์ อาตมาคิดว่า พระที่นี่รวยกว่าที่กล่าวมาทั้งหมดอีก


รวยล้นฟ้าก็หาความสุขไม่ได้ ถ้าไม่มีธรรมในใจ    สาธุ..............

ยังถือเพศบรรพชิตอยู่หรือเปล่าครับ?

โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เนต หนังสือพิมพ์ ฯลฯไม่สัปปายะต่อการภาวนา ในพระวินัยฉบับหลวงปู่จันทาถือเป็นอาบัติปาจิตตีย์ทั้งสิ้น

 ไหว้
สิ่งแวดล้อมที่เป็น สัปปายะ และ อสัปปายะ สำหรับผู้ประพฤติวัตรและปฏิบัติกรรมฐาน ดังนี้
 
  อาวาโส  โคจโร  ภสฺสํ             ปุคฺคโล  โภชนํ  อุตุ
 อิริยาปโถติ สตฺเตเต                 อสปฺปาเย  วิวชฺชเย
 สปฺปาเย  สตฺต  เสเวถ               เอวณฺหิ  ปฏิปชฺชโต
 น จิเรเนว  กาเลน  โหติ           กสฺสจิ  อปฺปนา
 
“พระโยคาวจร พึงเว้นสิ่งที่เป็นอสัปปายะ  ๗  สิ่ง  นี้ คือ
 
๑.  ที่อยู่ (อาวาส)  
๒.  โคจรคาม
๓.  การพูดคุย
๔.  ปุคคล
๕.  โภชนะ
๖.   ฤดู
๗.  อิริยาบถ

สัปปายะ  ๗  คือ

 ๑.   อาวาสสัปปายะ
 ๒.   โคจรสัปปายะ
 ๓.   ภัสสสัปปายะ
 ๔.   ปุคคลสัปปายะ
 ๕.   โภชนสัปปายะ
 ๖.   อุตุสัปปายะ
 ๗.   อิริยาปถสัปปายะ
 
๐  อาวาสสัปปายะ

ได้แก่ที่อยู่อาศัย หรือ วัด ราวป่า โคนต้นไม้ สำนักปฏิบัติธรรม กุฏิสงฆ์ อาราม เรือนว่างอันเป็นที่สบาย
สงบ ปราศจากผู้คนสัญจรไปมา ไม่ใกล้หนองน้ำ บ่อน้ำ หรือแหล่งชุมชนจนเกินไป อันอาจจะเกิดความ
รำคาญจากการไปมาของผู้คน มีรั้วรอบขอบชิด ปลอดภัยต่อความเป็นอยู่ สถานที่นั่นมีที่เหมาะสำหรับ
การปฏิบัติธรรม การเดินจงกรมเปลี่ยนอิริยาบถ
 
๐  โคจรสัปปายะ
 
คือ สถานที่แห่งนั้นต้องมีทางโคจร หรือ ทางเดิน ถนนหนทางไปมาได้สะดวก ไม่ใกล้นัก ไม่ไกลนัก
หนทางในการบิณฑบาตไม่ลำบากนัก เหมาะแก่การจาริก อีกทั้งภายในสถานที่ก็ควรมีทางเดินจงกรม
ที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรม
 
๐  ภัสสสัปปายะ
 
ได้แก่ การสนทนา พูดคุย  การฟัง คือ การสนทนา พูดคุยกันแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติ
ได้ฟังสิ่งที่จะทำให้จิตใจเกิดสัทธา วิริยะ อุสาหะ ความสงบระงับในการที่จะทำความเพียร หรือมีผู้รู้
พหูสูต ครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนกรรมฐานให้ได้รับความรู้ และเป็นอุปการคุณแก่การเจริญกรรมฐาน
ให้ก้าวหน้า ให้เว้นการสนทนา พูดคุยในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ไม่เป็นสัปปายะนั้นเสีย

 
๐  ปุคคลสัปปายะ
 
คือ บุคคลที่อยู่ร่วมกัน บุคคลที่ติดต่อคบหา ควรเป็นผู้ตั้งมั่นในศีลธรรม มีความสันโดษ มักน้อย
ชักจูงแนะนำไปในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำความเพียร ความสงบ และถ้าเป็นครูบาอาจารย์
หรือบุคคลที่เคยเจริญกรรมฐานมาแล้ว ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์มาก  ให้พึงเว้นการคบหาสมาคมกับบุคคล
ที่มีจิตฟุ้งซ่าน บุคคลที่มากไปด้วยกามารมณ์ในทางโลกีย
 
๐  โภชนสัปปายะ
 
ได้แก่อาหารที่บริโภค ควรเป็นอาหารที่สบายต่อความเป็นอยู่ในอัตภาพแห่งตน เมื่อบริโภคเข้าไปแล้ว
ไม่ทำให้เกิดทุกขเวทนา เช่น ท้องอืด ท้องร่วง ท้องเดิน เป็นอาหารที่จะเป็นคุณประโยชน์แก่ร่างกาย
โดยประมาณ โดยไม่ต้องคำนึงถึงรสของอาหารแม้รสจะดีแต่เมื่อทำให้ร่างกายเกิดทุกขเวทนาก็ควรงดเสีย
 
๐  อุตุสัปปายะ
 
ได้แก่ฤดูอันเป็นที่สบาย หมายถึงอากาศตามฤดูกาล ความร้อน ความเย็น ของอากาศ ซึ่งบางสถาน
บางฤดูอาจจะร้อนจัดเกินไป บางฤดูก็หนาวจัดเกินไป หรือกลางวันร้อนจัดกลางคืนหนาวจัด
ซึ่งสภาพอากาศเช่นนี้จะทำให้เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยแก่ร่างกาย จึงต้องเลือกให้เหมาะสมแก่
สภาพร่างกายของตน
 
๐  อิริยาปถสัปปายะ
 
ได้แก่อิริยาบถอันเป็นที่สบาย หมายถึงอิริยาบถทั้ง ๔ หรือ การเคลื่อนไหว  ยืน เดิน นั่ง นอน
อิริยาบถใดทีทำให้จิตไม่สงบระงับ ก็แสดงว่าอิริยาบถนั้นไม่สบายไม่เหมาะสม จึงเว้นเสียจากการใช้อิริยาบถนั้น
หากเมื่อจำเป็นก็ใช้แต่น้อย
 
ทั้งหมดนี้เรียกว่า สัปปายะ เป็นสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการประพฤติวัตร ปฏิบัติธรรม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 12, 2012, 08:43:46 PM โดย ทิดเป้า » บันทึกการเข้า

kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #36 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 08:26:05 PM »

ถ้าความรวย วัดกันที่ทรัพย์สิน อาตมาคงจนที่สุด เพราะไม่มีตังสักบาท ตอนนี้
แต่ถ้าวัดกันที่ความสุข ความไม่มีทุกข์ อาตมาคิดว่า พระที่นี่รวยกว่าที่กล่าวมาทั้งหมดอีก


รวยล้นฟ้าก็หาความสุขไม่ได้ ถ้าไม่มีธรรมในใจ    สาธุ..............

ยังถือเพศบรรพชิตอยู่หรือเปล่าครับ?

โทรทัศน์ วิทยุ อินเตอร์เนต หนังสือพิมพ์ ฯลฯไม่สัปปายะต่อการภาวนา ในพระวินัยฉบับหลวงปู่จันทาถือเป็นอาบัติปาจิตตีย์ทั้งสิ้น

 ไหว้
สิ่งแวดล้อมที่เป็น สัปปายะ และ อสัปปายะ สำหรับผู้ประพฤติวัตรและปฏิบัติกรรมฐาน ดังนี้
 
  อาวาโส  โคจโร  ภสฺสํ             ปุคฺคโล  โภชนํ  อุตุ
 อิริยาปโถติ สตฺเตเต                 อสปฺปาเย  วิวชฺชเย
 สปฺปาเย  สตฺต  เสเวถ               เอวณฺหิ  ปฏิปชฺชโต
 น จิเรเนว  กาเลน  โหติ           กสฺสจิ  อปฺปนา
 
“พระโยคาวจร พึงเว้นสิ่งที่เป็นอสัปปายะ  ๗  สิ่ง  นี้ คือ
 
๑.  ที่อยู่ (อาวาส)   
๒.  โคจรคาม
๓.  การพูดคุย
๔.  ปุคคล
๕.  โภชนะ
๖.   ฤดู
๗.  อิริยาบถ

สัปปายะ  ๗  คือ

 ๑.   อาวาสสัปปายะ
 ๒.   โคจรสัปปายะ
 ๓.   ภัสสสัปปายะ
 ๔.   ปุคคลสัปปายะ
 ๕.   โภชนสัปปายะ
 ๖.   อุตุสัปปายะ
 ๗.   อิริยาปถสัปปายะ
 
๐  อาวาสสัปปายะ

ได้แก่ที่อยู่อาศัย หรือ วัด ราวป่า โคนต้นไม้ สำนักปฏิบัติธรรม กุฏิสงฆ์ อาราม เรือนว่างอันเป็นที่สบาย
สงบ ปราศจากผู้คนสัญจรไปมา ไม่ใกล้หนองน้ำ บ่อน้ำ หรือแหล่งชุมชนจนเกินไป อันอาจจะเกิดความ
รำคาญจากการไปมาของผู้คน มีรั้วรอบขอบชิด ปลอดภัยต่อความเป็นอยู่ สถานที่นั่นมีที่เหมาะสำหรับ
การปฏิบัติธรรม การเดินจงกรมเปลี่ยนอิริยาบถ
 
๐  โคจรสัปปายะ
 
คือ สถานที่แห่งนั้นต้องมีทางโคจร หรือ ทางเดิน ถนนหนทางไปมาได้สะดวก ไม่ใกล้นัก ไม่ไกลนัก
หนทางในการบิณฑบาตไม่ลำบากนัก เหมาะแก่การจาริก อีกทั้งภายในสถานที่ก็ควรมีทางเดินจงกรม
ที่เหมาะสมแก่การปฏิบัติธรรม
 
๐  ภัสสสัปปายะ
 
ได้แก่ การสนทนา พูดคุย  การฟัง คือ การสนทนา พูดคุยกันแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติ
ได้ฟังสิ่งที่จะทำให้จิตใจเกิดสัทธา วิริยะ อุสาหะ ความสงบระงับในการที่จะทำความเพียร หรือมีผู้รู้
พหูสูต ครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนกรรมฐานให้ได้รับความรู้ และเป็นอุปการคุณแก่การเจริญกรรมฐาน
ให้ก้าวหน้า ให้เว้นการสนทนา พูดคุยในสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ไม่เป็นสัปปายะนั้นเสีย
 
๐  ปุคคลสัปปายะ
 
คือ บุคคลที่อยู่ร่วมกัน บุคคลที่ติดต่อคบหา ควรเป็นผู้ตั้งมั่นในศีลธรรม มีความสันโดษ มักน้อย
ชักจูงแนะนำไปในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำความเพียร ความสงบ และถ้าเป็นครูบาอาจารย์
หรือบุคคลที่เคยเจริญกรรมฐานมาแล้ว ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์มาก  ให้พึงเว้นการคบหาสมาคมกับบุคคล
ที่มีจิตฟุ้งซ่าน บุคคลที่มากไปด้วยกามารมณ์ในทางโลกีย
 
๐  โภชนสัปปายะ
 
ได้แก่อาหารที่บริโภค ควรเป็นอาหารที่สบายต่อความเป็นอยู่ในอัตภาพแห่งตน เมื่อบริโภคเข้าไปแล้ว
ไม่ทำให้เกิดทุกขเวทนา เช่น ท้องอืด ท้องร่วง ท้องเดิน เป็นอาหารที่จะเป็นคุณประโยชน์แก่ร่างกาย
โดยประมาณ โดยไม่ต้องคำนึงถึงรสของอาหารแม้รสจะดีแต่เมื่อทำให้ร่างกายเกิดทุกขเวทนาก็ควรงดเสีย
 
๐  อุตุสัปปายะ
 
ได้แก่ฤดูอันเป็นที่สบาย หมายถึงอากาศตามฤดูกาล ความร้อน ความเย็น ของอากาศ ซึ่งบางสถาน
บางฤดูอาจจะร้อนจัดเกินไป บางฤดูก็หนาวจัดเกินไป หรือกลางวันร้อนจัดกลางคืนหนาวจัด
ซึ่งสภาพอากาศเช่นนี้จะทำให้เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยแก่ร่างกาย จึงต้องเลือกให้เหมาะสมแก่
สภาพร่างกายของตน
 
๐  อิริยาปถสัปปายะ
 
ได้แก่อิริยาบถอันเป็นที่สบาย หมายถึงอิริยาบถทั้ง ๔ หรือ การเคลื่อนไหว  ยืน เดิน นั่ง นอน
อิริยาบถใดทีทำให้จิตไม่สงบระงับ ก็แสดงว่าอิริยาบถนั้นไม่สบายไม่เหมาะสม จึงเว้นเสียจากการใช้อิริยาบถนั้น
หากเมื่อจำเป็นก็ใช้แต่น้อย
 
ทั้งหมดนี้เรียกว่า สัปปายะ เป็นสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการประพฤติวัตร ปฏิบัติธรรม


เห็นด้วยอย่างแรง
บันทึกการเข้า
Skeleton_King
ถูกเพิกถอนสมาชิกภาพ
Hero Member
*

คะแนน -3340
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2760


คนต่ำๆ ก็จะคิดได้แค่ต่ำๆ


เว็บไซต์
« ตอบ #37 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 10:04:44 PM »

สาธุ
ดูก่อนท่านผู้มีอายุ

นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะ ทัสสะนะ มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี
เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการฟ้อนรำ การขับเพลง การดนตรี การดูการเล่นชนิดเป็นข้าศึกต่อกุศล การทัดทรงสวมใส่ การประดับ การตกแต่งตน ด้วยพวงมาลา ด้วยเครื่องกลิ่นและเครื่องผัดทา
ในข้อนี้ อาตมามิได้ดูมิได้เล่นอะไรที่เป็นข้าศึกต่อกุศล

มาดูในพระปาติโมกข์ ตามคำสังสอนของพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดา
อาบัติว่าโดยมีชื่อ 7 อย่าง คือ
1 ปาราชิก
2 สังฆาทิเสส
3ถุลลัจจัย
4ปาจิตีย์
5ปาฏิเทสนียะ
6 ทุกกฏ
7ทุพภาสิต

      ปาจิตีย์ มี 30 ข้อ
แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคละ 10 ข้อ
วรรคที่ 1 เกี่ยวกับเรื่อง จีวร
วรรคที่สองเกี่ยวกับเรื่อง หนังสัตว์ และการรับเงินทอง
วรรคที่สาม เกี่ยวกับเรื่อง บาตร การรับประเคน ผ้าอาบน้ำฝน การให้จีวรแก่ภิกษุอื่น
ซึ่งอาตมาศึกษาโดยละเอียดแล้ว มิได้มีข้อไหนในพระวินัย ในพระปาติโมกข์ ซึ่งเป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า ห้ามมิให้สงฆ์เผยแผ่ศาสนาในอินเตอร์เน็ต วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์

อาตมาไม่ทราบนะว่ามีใคร กำหนดพระวินัยขึ้นมาเองบ้าง แต่อาตมามีพระพุทธเจ้าเป็น สรณะ และไม่มีสรณะอื่นอีก

คำถามที่ถามอาตมาว่า  ยังถือเพศบรรชิตอยู่หรือไม่นั้น อาตมาตอบได้เลยว่า ถ้าเป็นบรรชิตตามหลักของพระพุทธเจ้า อาตมายังปฏิบัติตามพระวินัยอยู่ เพราะฉนั้นอาตมาก็ยังถือเพศบรรชิตโดยมีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาอยู่ แต่อาตมาไม่ได้ถือเพศบรรชิตตามหลักคำสอนอื่นนอกเหนือจากพระพุทธเจ้า

เช่น สีจีวร อาตมาก็มิได้นุ่งห่มจีวรสีส้มซึ่งพระพุทธเจ้าห้าม  แต่อาตมานุ่งห่มสี กลัก ซึ่งเป็นสีที่พระพุทธเจ้ากำหนดไว้
อาตมามิได้โกนคิ้ว เพราะการโกนคิ้ว พระพุทธเจ้ามิได้บรรญัติไว้ พระรูปใดที่โกนก็ถือว่ากระทำนอกเหนือพระวินัย
อาตมามิได้สะสมเงินทอง ซึ่งพระปาติโมกข์กำหนดไว้ชัดเจนว่า ห้ามภิกษุสะสมเงินทอง รับไว้ หรือใช้ให้ผู้อื่นรับไว้

ด้วยที่ยกมาทั้งหมดนี้ เป็นพระปาติโมกข์ของพระพุทธเจ้า 
ส่วนพระวินัยฉบับหลวงปู่จันทา นั้นอาตมามิได้ถือเป็นสรณะ จึงมิได้ปฏิบัติตาม

สาธุ.......
บันทึกการเข้า

รู้จักกันมากขึ้นได้ที่ http://www.facebook.com/profile.php?id=100001818524287
                               ^
                               ^
ถ้าคุณไม่เชื่อว่าคนที่คุณเกลียดก็มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
นั่นก็หมายความว่าคุณไม่เชื่อในการมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเลย  -Noam Chompsky-
SillyOldMan
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1984
ออฟไลน์

กระทู้: 7567


ผ่านทะเล เห็นบึงน้ำไร้ความหมาย


« ตอบ #38 เมื่อ: กันยายน 13, 2012, 12:52:45 AM »

อืมม...

ป่วยการเปล่า
บันทึกการเข้า

What man is a man , who does not make the world better?
kensiro
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #39 เมื่อ: กันยายน 13, 2012, 01:11:00 AM »

หลวงพี่ครับ ถ้าหลวงพี่ เอา คอมพิวเตอร์ไปใช้ศึกษา บาลี หรืออะไรที่เป็นความรู้ทาง ศาสนา ผมไม่ว่า


แต่ที่นี้ไม่ใช่ ที่นี้เป็นแหล่งชุมนุมของผู้ที่อยู่  ใน โลภ โกรธ หลง อยู่ครับ

หลวงพี่น่าจะ อยู่ ในเวปมากกว่านะครับ


http://www.palidict.com/


สาธุ
ดูก่อนท่านผู้มีอายุ

นัจจะ คีตะ วาทิตะ วิสูกะ ทัสสะนะ มาลา คันธะ วิเลปะนะ ธาระณะ มัณฑะนะ วิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี
เจตนาเป็นเครื่องเว้นจากการฟ้อนรำ การขับเพลง การดนตรี การดูการเล่นชนิดเป็นข้าศึกต่อกุศล การทัดทรงสวมใส่ การประดับ การตกแต่งตน ด้วยพวงมาลา ด้วยเครื่องกลิ่นและเครื่องผัดทา
ในข้อนี้ อาตมามิได้ดูมิได้เล่นอะไรที่เป็นข้าศึกต่อกุศล

มาดูในพระปาติโมกข์ ตามคำสังสอนของพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดา
อาบัติว่าโดยมีชื่อ 7 อย่าง คือ
1 ปาราชิก
2 สังฆาทิเสส
3ถุลลัจจัย
4ปาจิตีย์
5ปาฏิเทสนียะ
6 ทุกกฏ
7ทุพภาสิต

      ปาจิตีย์ มี 30 ข้อ
แบ่งเป็น 3 วรรค วรรคละ 10 ข้อ
วรรคที่ 1 เกี่ยวกับเรื่อง จีวร
วรรคที่สองเกี่ยวกับเรื่อง หนังสัตว์ และการรับเงินทอง
วรรคที่สาม เกี่ยวกับเรื่อง บาตร การรับประเคน ผ้าอาบน้ำฝน การให้จีวรแก่ภิกษุอื่น
ซึ่งอาตมาศึกษาโดยละเอียดแล้ว มิได้มีข้อไหนในพระวินัย ในพระปาติโมกข์ ซึ่งเป็นคำตรัสของพระพุทธเจ้า ห้ามมิให้สงฆ์เผยแผ่ศาสนาในอินเตอร์เน็ต วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์

อาตมาไม่ทราบนะว่ามีใคร กำหนดพระวินัยขึ้นมาเองบ้าง แต่อาตมามีพระพุทธเจ้าเป็น สรณะ และไม่มีสรณะอื่นอีก

คำถามที่ถามอาตมาว่า  ยังถือเพศบรรชิตอยู่หรือไม่นั้น อาตมาตอบได้เลยว่า ถ้าเป็นบรรชิตตามหลักของพระพุทธเจ้า อาตมายังปฏิบัติตามพระวินัยอยู่ เพราะฉนั้นอาตมาก็ยังถือเพศบรรชิตโดยมีพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาอยู่ แต่อาตมาไม่ได้ถือเพศบรรชิตตามหลักคำสอนอื่นนอกเหนือจากพระพุทธเจ้า

เช่น สีจีวร อาตมาก็มิได้นุ่งห่มจีวรสีส้มซึ่งพระพุทธเจ้าห้าม  แต่อาตมานุ่งห่มสี กลัก ซึ่งเป็นสีที่พระพุทธเจ้ากำหนดไว้
อาตมามิได้โกนคิ้ว เพราะการโกนคิ้ว พระพุทธเจ้ามิได้บรรญัติไว้ พระรูปใดที่โกนก็ถือว่ากระทำนอกเหนือพระวินัย
อาตมามิได้สะสมเงินทอง ซึ่งพระปาติโมกข์กำหนดไว้ชัดเจนว่า ห้ามภิกษุสะสมเงินทอง รับไว้ หรือใช้ให้ผู้อื่นรับไว้

ด้วยที่ยกมาทั้งหมดนี้ เป็นพระปาติโมกข์ของพระพุทธเจ้า 
ส่วนพระวินัยฉบับหลวงปู่จันทา นั้นอาตมามิได้ถือเป็นสรณะ จึงมิได้ปฏิบัติตาม

สาธุ.......

บันทึกการเข้า
ธำรง
Hero Member
*****

คะแนน 1727
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8568


.....รักในหลวง.....


« ตอบ #40 เมื่อ: กันยายน 13, 2012, 07:41:35 AM »

อืมม...

ป่วยการเปล่า

 Cheesy  ไหว้
บันทึกการเข้า
lek
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1594
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13942


การแบ่งปัน ทำให้เราและคนอื่นมีความสุข


« ตอบ #41 เมื่อ: กันยายน 13, 2012, 09:22:57 AM »

รวยไปทำไมก็ไม่รู้แบ่งปันให้คนอื่นมั่งยังจะดีกว่า  คนรวยๆกินข้าวได้ถึง2จานไหมแต่ละคน  หนักไปทางกินยาล่ะมากกว่า
บันทึกการเข้า

มีความสุขแบบที่เรามีก็พอhttp://www.gunsandgames.com/smf/index.php?board=29.0  (รวมพลคนอีสาน)
Skeleton_King
ถูกเพิกถอนสมาชิกภาพ
Hero Member
*

คะแนน -3340
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2760


คนต่ำๆ ก็จะคิดได้แค่ต่ำๆ


เว็บไซต์
« ตอบ #42 เมื่อ: กันยายน 13, 2012, 11:26:42 AM »

โรจน์ คนพิจิตร--รักในหลวงหลวงพี่ครับ ถ้าหลวงพี่ เอา คอมพิวเตอร์ไปใช้ศึกษา บาลี หรืออะไรที่เป็นความรู้ทาง ศาสนา ผมไม่ว่า


แต่ที่นี้ไม่ใช่ ที่นี้เป็นแหล่งชุมนุมของผู้ที่อยู่  ใน โลภ โกรธ หลง อยู่ครับ

หลวงพี่น่าจะ อยู่ ในเวปมากกว่านะครับ


http://www.palidict.com/
...

สาธุ
ดูก่อนท่านผู้มีอายุ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า บัวมีสี่เหล่า การแสดงธรรมของพระพุทธเจ้านั้น จำเป็นอย่างยิ่งในการแสดงให้ปุถุชน ให้รู้ถึงโทษของบาปบุญคุณโทษ
รัก โลภ โกรธ หลง อย่างที่ท่านได้กล่าวมานั้น เป็นหนทางแห่งความทุกข์ทั้งสิ้น  
ในเมื่อท่านพึ่งพอใจที่จะอยู่กับสิ่งนั้น อาตมาก็ไม่สามารถห้ามอะไรท่านได้ อาตมาเพียงแต่ใช้ธรรมมะเป็นแนวทางชี้ให้เห็นถึงความสุขที่แท้จริงเท่านั้น ก็สุดแล้วแต่ ท่านจะมีดวงตาเห็นธรรมหรือไม่

อาตมามีนิทาน 1 เรื่องจะเล่าให้ฟัง
มีชายสองคนเป็นเพื่อนสนิดกัน อีกคนทำแต่ความดี รักษาศีลห้า  แต่อีกคนทำแต่ความชั่วไม่รักษาศีล
พอตาย ทั้งสองคนก็ไปเกิดใหม่  คนที่ทำความดีไปเกิดเป็นเทวดาเสวยสุขอยู่บนสวรรค์ อีกคนไปเกิดเป็นหนอนในบ่อขี้  
ผู้ที่เป็นเทวดาก็คิดถึงเพื่อน จึงใช้ตาทิพย์ดูว่าเพื่อนอยู่ที่ไหน  พอเห็นเพื่อนไปเกิดเป็นหนอนก็รู้สึกสงสาร เลยไปหาเพื่อนแล้วบอกว่า ให้มาอยู่ด้วยกัน บนสวรรค์สบายมาก จะกินอะไรก็นึกเอา อาหารทิพย์ก็มาเอง
หนอนเมื่อได้ฟังแล้วก็รู้สึกสงสารเทวดา แม้เวลาหิวก็ต้องนึกถึงจะได้กิน เป็นหนอนที่นี่เวลาหิวก็แค่อ้าปากก็ได้กินแล้ว แล้วบอกกับเทวดาว่า ท่านมาอยู่ที่นี่ด้วยกันเถิด

จากนิทานเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า  ต่างคนต่างมีความสุขในแบบของตน คนชั่วก็จะมีความสุขในแบบชั่วๆ คนดีก็จะมีความสุขในแบบดีๆ
ในเมื่อแนะนำสิ่งที่ดีไปแล้ว ไม่รับก็ไม่สามารถบังคับอะไรได้  วิบากกรรมคนเราไม่เหมือนกัน
ก็ป่วยการที่จะพูด  เช่นดังคำพระพุทธเจ้าที่ตรัสว่า  บัวมีสี่เหล่า  พระพุทธเจ้าจะไม่พร่ำสอนคนไม่รับรู้ ไม่รับฟัง เพราะป่วยการ

การแสดงความคิดเห็นก็เป็นสิทธิ์ของท่าน อาตมาไม่ก้าวล่วง อาตมาจะสนทนาเฉพาะผู้ที่สนใจในธรรมเท่านั้น ซึ่งอาตมาเชื่อว่ามีอยู่ในสถานที่แห่งนี้

ขออนุโมทนาสาธุ สำหรับผู้ที่ ใฝธรรม รักษาศีลเป็นคนดีต่อสังคม  ขอให้พ้นจากคนพาล อายุ วันโน สุขขัง พลัง จงมีแก่ท่าน ทุกผู้ ทุกคนเทอญ
บันทึกการเข้า

รู้จักกันมากขึ้นได้ที่ http://www.facebook.com/profile.php?id=100001818524287
                               ^
                               ^
ถ้าคุณไม่เชื่อว่าคนที่คุณเกลียดก็มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
นั่นก็หมายความว่าคุณไม่เชื่อในการมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเลย  -Noam Chompsky-
dignitua-รักในหลวง
เราจะสู้เพื่อในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1414
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8341


จะมีพรุ่งนี้ ได้อีกกี่วัน...


« ตอบ #43 เมื่อ: กันยายน 13, 2012, 11:38:25 AM »

พระมามุกนี้ เล่นเอาญาติโยมอึ้งเลยครับ... Grin
บันทึกการเข้า

naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #44 เมื่อ: กันยายน 13, 2012, 11:53:11 AM »

นายสมชาย OK นะครับ... เป็นพระแล้วเข้ามาสนทนาเว็บบอร์ดทั่วไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแผ่ธรรมะฯ...

หากพระไม่อ่านหนังสือ ไม่ดูทีวี ไม่เล่นเน็ต ก็เหมือนกับพระไม่รับรู้ข้อมูลข่าวสาร สนทนาด้วยก็เหมือนหลุดไปอีกโลกหนึ่ง ไม่ได้รับใช้สังคมครับ...
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 2.314 วินาที กับ 22 คำสั่ง