อยากให้ เศรษฐี ได้อ่าน
๑. ธรรมเหมือนแพที่ข้ามฟาก เมื่อถึงฝั่งแล้วไม่ต้องแบกไปด้วย
ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสเทศนาเปรียบเทียบธรรมะเหมือนแพพาข้ามฝั่ง
มิใช่เพื่อให้ยึดติด ดังนี้
"บุรุษคนหนึ่งเดินทางไปพบแม่น้ำกว้างใหญ่สายหนึ่ง ไม่มีแพพา
ข้ามฟากไปฝั่งโน้น และไม่มีสะพานที่จะข้ามได้ เขาจึงรวบรวมหญ้าบ้าง
ไม้บ้าง กิ่งไม้บ้าง มาผูกเป็นแพแล้วอาศัยแพนั้นข้ามไป เมื่อถึงฝั่ง
โดยสวัสดิภาพแล้ว เขาจึงจอดแพไว้ริมฝั่งแล้วเดินทางต่อไป
ในทำนองเดียวกัน เราตถาคตแสดงธรรมะเปรียบเทียบเหมือนแพ
สำหรับพาข้ามสังสารวัฏ มิใช่เพื่อให้ยึดมั่นถือมั่น ผู้ที่เข้าใจความข้อนี้
ควรละแม้กระทั่งสิ่งที่ดี (ธรรมะ) ไม่จำต้องพูดถึงสิ่งที่ไม่ดี (อธรรมะ)
ว่าควรละหรือไม่"
ม.๑๒/๒๘๐/๒๗๐
๒. พึงพิจารณาสอบสวนแล้วจึงเชื่อ ไม่พึงเชื่ออย่างงมงาย
ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าเสด็จถึงเกสปุตตนิคม เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งใน
แคว้นโกศล ชาวนิคมมีนามว่า "กาลามะ" ไปเฝ้าพระองค์กราบทูลว่า มีสมณะ
และพราหมณ์จำนวนมากผ่านมานิคมนี้ ต่างก็พูดยกย่องลัทธิของตน ตำหนิ
ลัทธิของผู้อื่นจนไม่ทราบว่า จะเชื่อฝ่ายไหนดี
พระพุทธเจ้าตรัสสอนชาวกาลามะเหล่านั้นว่า
"ดูก่อน ชาวกาลามะทั้งหลาย พวกท่านอย่าเชื่อเพราะฟังตามกันมา
อย่าเชื่อเพราะปฏิบัติสืบต่อกันมา อย่าเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ อย่าเชื่อเพราะ
อ้างตำรา อย่าเชื่อเพราะเหตุผลทางตรรกะ อย่าเชื่อเพราะการอนุมาน
อย่าเชื่อเพราะคิดตรองตามแนวเหตุผล อย่าเชื่อเพราะเข้ากับความคิดเห็น
ของตน อย่าเชื่อเพราะรูปลักษณ์น่าเป็นไปได้ และอย่าเชื่อเพราะคิดว่า
ผู้พูดเป็นครูของตน
ดูก่อน ชาวกาลามะทั้งหลาย เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนว่า
สิ่งทั้งหลายไม่ดีงาม มีโทษ วิญญูชนติเตียน พึงละสิ่งเหล่านั้นเสีย
เมื่อใดรู้ว่าสิ่งทั้งหลายดีงาม ไม่มีโทษ วิญญูชนสรรเสริญพึงรับและ
ปฏิบัติสิ่งเหล่านั้น"
อ.๒๐/๕๐๕/๒๔๑
*********************************
อ่านต่อได้ครับ
http://www.seameo.org/vl/buddhist/budd5.htmอนุโททนาสาธุกับผลบุญครั้งนี้ด้วย
แพข้ามฟาก หากเรายังไม่ถึงอีกฝั่งเราควรยึดแพนั้นไว้ให้แน่นมีความเชื่อมั่นในแพนั้นว่าจะพาเราไปถึงอีกฝังได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อถึงฝั่งแล้วควรปล่อยวางอย่าแบกแพนั้นเดิน แต่"ควร"ให้ความเคารพแพนั้นเพราะถ้าไม่มีแพนั้นเราก็จะข้ามมาอีกฝั่งมิได้ เปรียบได้ดังศิษย์เคารพครูอาจารย์ เพราะถ้าไม่มีครูอาจารย์แล้วเราก็จะต้องหาความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากมาก เปรียบเหมือนเราว่ายน้ำข้ามฟากไปเองโดยไม่มีแพ
พระพทุธเจ้าตรัสว่า อย่าพึ่งเชื่อสิ่งใด ให้ลองปฏิบัติดูก่อน
ดังบทสวด ธัมมานุสสติ ที่อาตมาจะแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจดังนี้
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม พระธรรม เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสไว้ดีแล้ว
สันทิฏฐิโก เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติ พึงเห็นได้ด้วยตนเอง
อะกาลิโก เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล
เอหิปัสสิโก เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผูอื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด
โอปะนะยิโก เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้
ปัจจุบัน ศาสนาพุทธในประเทศไทยแฝงไปด้วยศาสนาพราหมณ์ พิธีกรรมต่างๆก็แฝงอยู่โดยคนไทยไม่รู้ตัวและเหมือนว่านั่นคือศาสนาพุทธ
แต่แท้ที่จริงไม่ใช่ ลักษณะพิธีกรรมต่างๆที่แสดงให้เห็นถึงว่าเป็นศาสนาพราหมณ์เช่น การกรวดน้ำ การทำขวัญนาก การบวงสรวง การบนบานสารกล่าว การขอให้สิ่งศักสิทธิ์ช่วยดลบรรดาร ลักษณะเหล่านี้เป็นรูปแบบของศาสนาพราหมณ์ทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า ตนเป็นที่พึ่งของตน คนทำกรรมใดไว้ ย่อมได้รับกรรมนั้น ไม่สามารถแก้กรรมได้
ส่วนศาสนาพุทธที่แท้จริง จะไม่ใช่เทวนิยม ไม่มีของขลังใดๆ ไม่มีสรณะใดๆ นอกจากพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
คนเราเดี๋ยวนี้ไหวพระพุทธรูปเพราะเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ไหวเพราะลำลึกนึกถึงพระพุทธเจ้าเพื่อยึดเอาเป็นสรณะ
บางคนคิดแค่ให้พระสงฆ์เป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมทางศาสนา
เช่น งานศพ ทุกคนรอพระไป พระไปถึงก็ไปสวดเป็นภาษาบาลี คนก็นั่งคุยกันไปไม่สนใจ ไม่เข้าใจว่าแปลว่าอะไร สวดเสร็จพระรับเงินกลับวัด แล้วจะเกิดประโยชน์อะไร
หลายคนเชื่อว่า สวดให้คนตายฟัง ขนาดคนเป็นๆนั่งอยู่ยังไม่ฟัง ยังฟังไม่รู้เรื่อง คนตายจะฟังได้หรือ
เพราะฉนั้น ที่สำนักสงฆ์นี้จะไม่มีการสวดบาลี แต่จะเทศนาให้คนเข้าใจ ในบทสวดกุศลา ว่าสวดไปเพื่ออะไร แปลว่าอะไร เพราะจะได้ประโยชน์มากกว่า และไม่ต้องถวายเงินแก่พระเป็นค่าจากสวดด้วย เพราะค่าจ้างก็คืออาหารที่ใสลงในบาตรทุกวันอยู่แล้ว
อาตมาก็เป็นเพียงแค่ลูกศิษย์ การอธิบายต่างๆก็จะไม่ละเอียดเท่าอาจารย์ หากท่านใดสนใจในรายละเอียดก็สามารถมารับฟังได้ทุกวันที่สำนักสงฆ์
หรือไม่สะดวก ก็ส่งชื่อที่อยู่ รหัสไปรษณี มาได้ เพื่อจะจัดส่งหนังสือ และ CD โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เพื่อความเข้าใจในศาสนาพุทธของพระพุทธเจ้าอย่างถูกต้อง
ที่สำนักสงฆ์นี้ การสวดมนต์ จะแปลจากบาลีเป็นไทยทุกบทสวดเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
หากมีข้อสงสัยใดๆ ติดต่อได้ ที่กระทู้ กราบลาบวช ที่เฟรตบุ๊ก หรือจะโทรมาที่เบอร์อาตมาก็ได้ สิ่งใดที่รู้ก็จะตอบ สิ่งใดที่ยังไม่รู้ก็จะนำคำถามไปถามครูบาอาจารย์มาตอบให้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เจริญพร