เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 20, 2024, 06:48:26 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: อวป. มีจำหน่ายที่ สนามยิงปืนราชนาวี/สนามยิงปืนบางบัวทอง/สนามยิงปืนศรภ./
/สนามยิงปืนทอ./
สิงห์ทองไฟร์อาร์ม
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดภาพประวัติศาสตร์ ช่างตัดไม้โค่นต้นสนแดงขนาดยักษ์ โดยไร้เครื่องจักร  (อ่าน 2601 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
PHAPHOOM
Full Member
***

คะแนน 86
ออฟไลน์

กระทู้: 188



« เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 05:03:52 PM »

เปิดภาพประวัติศาสตร์ ช่างตัดไม้โค่นต้นสนแดงขนาดยักษ์ โดยไร้เครื่องจักร



MThai News: เว็บไซต์เดลิเมล์เผยภาพช่างไม้ตัดต้นสนแดง ในป่าเมือง Humboldt ทางตอนเหนือ
ของรัฐแคลิฟอร์เนีย ในช่วงปีค.ศ. 1880 ถึง ค.ศ.1920 โดยช่างภาพชาวสวีเดน A.W. Ericson




ภาพเหล่านี้ถูกเก็บไว้ในหอสมุด Humboldt State University Library (HSU) แสดงถึงความแน่นทึบ
ของป่าซึ่งนับเป็นร้อยละ 20 ของปริมาณป่าทั้งหมดในแคลิฟอร์เนีย เมื่อเทียบเป็นพื้นที่ เมือง Humboldt
มีพื้นที่ป่าทั้งเอกชนและของสาธารณะ ราว 1,500,000 เอเคอร์


Mthai News













« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 11, 2012, 06:54:40 PM โดย PHAPHOOM » บันทึกการเข้า

*** ดูถูกคนอื่น เท่ากับดูถูกตนเอง ***
คนตัวอ้วน+ผมรักในหลวง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1057
ออฟไลน์

กระทู้: 3266



« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 05:14:27 PM »

เพราะไอ้พวกเนี๊ยะแหล่ะที่ทำให้รุ่นๆเราและอนาคตอยู่อย่างลำบาก...
บันทึกการเข้า

จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 05:51:05 PM »

ดูมันทำหน้าภูมิใจ ยืนถ่ายรูป... รูปล่างๆ มันโค่นจนเหี้ยนนนนนน โล่งไปสุดลูกตา...
บันทึกการเข้า
แปจีหล่อ
Hero Member
*****

คะแนน 6324
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8251



« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 06:10:37 PM »

เพราะไอ้พวกเนี๊ยะแหล่ะที่ทำให้รุ่นๆเราและอนาคตอยู่อย่างลำบาก...
+ครับ ใช่ครับแล้วยังมีหน้ามาอ้างว่าวัวควายมันขี้ออกมามากทำให้โลกร้อน
บันทึกการเข้า

สีกากีเป็นสีของดิน ข้าราชการควรต้องติดดิน ออกพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวบ้าน ข้าราชการคือ ข้าที่ทำกิจการต่างๆให้กับพระราชา เครื่องแบบข้าราชการสีกากีคือสีแห่งข้ารับใช้แผ่นดิน
JUNGLE
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
Hero Member
*****

คะแนน 1204
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17188


การต่อสู้คือชัยชนะ


« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 06:54:52 PM »

น่าจะเป็นการทำสัมปะทานป่าไม้ในยุคแรกๆ ของอเมริกาน่ะครับ... ผมมองว่ามันเป็นอาชีพของเขา... ไม่ทำครอบครัวก็ไม่มีกิน... การได้ทำหน้าที่สำเร็จมันก็คงเป็นความภาคภูมิใจของเขา... คือ... มันเป็นภาพในอดีตนานมาแล้ว... และต้องยอมรับว่า... การทำสัมปะทานป่าไม้ในอเมริกา... เขาทำแบบเคารพกติกา... ส่วนไหนตัดได้ก็ตัด... ส่วนไหนรัฐเขาห้าก็ไม่ไปยุ่ง... ต่างจากในบ้านเราที่ตัดเสียจนเหี้ยนเตียน... จากนั้นก็อพยพคนเข้าไปแผ้วถางทำไร่... นานๆ ไปนายทุนก็ยึดครอง... มันจึงทำให้บ้านเราป่าเหลือน้อยเสียเหลือเกินครับ...

...ดังนั้น... ผมไม่ตำหนิบุคคลในรูปครับ... แต่ถ้าเป็นสมัยนี้... คงด่าแหลกครับ... ไหว้

บันทึกการเข้า
soveat ชุมไพร
มือสังหารคันคากหมุ่น พรานปลาวัด พราน28k สมช. เลขที่ 1475
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 3429
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 30132


เลือดกรุ๊ป โอละนออออออออออออ


เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 06:56:43 PM »

เรื่องปรกติครับ  เพียงแต่เราเกิดคนละยุคเท่านั้นเอง เราเกิดยุคนั้นเรามองว่าเขาเก่ง เราเกิดยุคนี้เราตำหนิเขาว่าเขาทำไม่ดี  Grin
บันทึกการเข้า

จะปิดทอง หลังองค์ พระปฏิมา
ต.แม่สาย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 490
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6544



« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 07:34:46 PM »

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

ผู้ใดทำใจให้เป็นกลางได้ ผู้นั้นจะพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง
PHAPHOOM
Full Member
***

คะแนน 86
ออฟไลน์

กระทู้: 188



« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 08:31:12 PM »

+++ เรดวู๊ด ราชาแห่งพงไพร +++





ภาพนี้ถ่ายโดยมิเชล นิโคลส์ (Michael Nichols) ช่างภาพของเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิค เป็นภาพต้นเรดวูด
ที่สูงถึง 106 เมตร (350 ฟุต) อายุ 750 ปี อยู่ในรัฐคาลิฟอเนีย โดยมีนักวิจัยกำลังปีนเพื่อสำรวจต้นไม้นี้อยู่

ต้นเรดวูด (redwood) สามารถเติบใหญ่จนกลายเป็นต้นไม้สูงที่สุดในโลกได้ ไม้ชนิดนี้ให้ทั้งซุง สร้างงาน ปกป้องสายน้ำอันพิสุทธิ์ และเป็นแหล่งพักพิงของสัตว์ป่านานาชนิด

ประวัติศาสตร์ของต้นเรดวูดนั้นมีมายาวนานไม่ต่างจากเรื่องราวของอเมริกายุคใหม่ ย้อนกลับไปเมื่อหลายพันปีก่อนที่ชนพื้นเมืองอเมริกันอย่างโทโลวา, ยูรอก และชีลูลา รวมทั้งชนเผ่าอื่นๆ ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหลังกำแพงเรดวูด สูงกว่าร้อยเมตรที่ยากจะเข้าถึง โดยยังชีพด้วยการจับปลาแซลมอน ล่ากวางเอลก์ เก็บผลโอ๊ก และต่อเรือแคนูจากท่อนซุงเรดวูดที่ล้มตามธรรมชาติ

แต่แล้ววิถีชีวิตเรียบง่ายเช่นนี้ก็ปิดฉากลงอย่างฉับพลันในปี 1848 เมื่อสหรัฐฯช่วงชิงแคลิฟอร์เนียมาจากเม็กซิโกและค้นพบทรัพยากรล้ำค่าอย่างทองคำ ขณะที่นักธุรกิจจากฝั่งตะวันออกมองเห็นช่องทางทำเงินที่ง่ายกว่า นั่นคือไม้เนื้อแดง ลายเนื้อไม้ตรงเรียบ และทนทาน ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในรัฐที่จำนวนประชากรจะเพิ่มขึ้นสี่เท่าในชั่วทศวรรษเดียว นี่คือจุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมทำไม้ภาคเอกชนที่ยังคงดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ (จากพื้นที่ป่าเรดวูด 6,500 ตารางกิโลเมตร ร้อยละ 34 เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทเอกชน 3 แห่ง  อีกร้อยละ 21 เป็นของรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐบาลกลาง ส่วนที่เหลือเป็นของรายย่อย)

เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในแซนแฟรนซิสโกเมื่อปี 1906 และอัคคีภัยที่เกิดตามมา ส่งผลให้การตัดไม้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ชุมชนทำไม้จำนวนมากผุดขึ้นตามแนวป่าเรดวูดเพื่อให้สามารถผลิตไม้ได้ทันตามความต้องการใช้เพื่อฟื้นฟูบ้านเมือง บริษัทอย่างแปซิฟิกลัมเบอร์และยูเนียนลัมเบอร์กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพล เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่เรียกกันว่า กว้านพลังไอน้ำ ถูกนำมาใช้ลากซุงแทนวัว ขณะที่หัวรถจักรรางแคบคอยลำเลียงซุงออกจากป่า

การโหมตัดไม้ครั้งสุดท้ายและดูเหมือนจะรุนแรงที่สุด เปิดฉากขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเป็นยุคเฟื่องฟูของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งการไหลทะลักของยุทโธปกรณ์ทางการทหารเหลือใช้และราคาถูกเข้าสู่ตลาด ส่งผลให้รถแทรกเตอร์ รถบรรทุกซุง และคนตัดไม้พร้อมเลื่อยไฟฟ้า ตบแถวเข้าสู่ป่าเรดวูดที่ลาดชันและดินอ่อนยวบ พอถึงต้นทศวรรษ 1950 โรงเลื่อยน้อยใหญ่ได้แปรรูปไม้กระดานจากท่อนซุงคิดเป็นปริมาตรถึงสองล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี กำลังการผลิตนี้คงที่มาจนถึงกลางทศวรรษ 1970 ระบบการตัดหมด (clear-cutting system – การตัดไม้ส่วนใหญ่หรือทั้งหมดในแปลง) และการชักลากซุงด้วยรถแทรกเตอร์เเคเทอร์พิลลาร์สีเหลืองสดที่กลายมาเป็นม้างานหลักของอุตสาหกรรมป่าไม้ ส่งผลให้หน้าดินปริมาณมหาศาลจากแนวถนนและทางชักลากไม้ถูกชะล้างลงสู่แหล่งน้ำ ทำให้ประชากรแซลมอนที่กลับมาวางไข่ลดลง รวมทั้งสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ ที่เคยอาศัยพักพิงในป่าเรดวูดมาหลายพันปี ทุกวันนี้ พื้นที่ป่าปลอดการรบกวน (virgin forest) ที่เคยมีอยู่ราว 8,000 ตารางกิโลเมตร ร่อยหรอลงจนเหลือไม่ถึงร้อยละห้า โดยส่วนมากอยู่ในเขตอุทยานและเขตสงวนตลอดแนวป่าเรดวูด

พอถึงทศวรรษ 1990 รัฐแคลิฟอร์เนียได้ลดขนาดแปลงที่อนุญาตให้ทำไม้แบบตัดหมดจาก 324,000 ตารางเมตรหรือราว 200 ไร่ เหลือเพียง 80,000 ถึง 160,000 ตารางเมตร (ราว 50-100 ไร่) รถแทรกเตอร์ขนาดใหญ่ที่เป็นต้นเหตุหลักของการสูญเสียหน้าดินถูกเปลี่ยนเป็นรถตีนตะขาบขนาดเล็กและเบากว่า  แทรกเตอร์ขนาดเบาเหล่านี้จะยกท่อนซุงขึ้นทั้งท่อนแทนการลากไปตามทางอย่างที่เคยทำกันมา ซึ่งทำให้เกิดแนวการไหลของหน้าดิน สำหรับต้นไม้ตามเชิงเขาลาดชัน เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะแนะนำให้ใช้เคเบิลกับรอกเป็นตัวช่วยยกซุงจากตอที่ตัดไปยังเชิงเขาอีกด้าน การเปลี่ยนมาใช้เครื่องมือดังกล่าว รวมทั้งมาตรการลดการตัดถนนเพื่อชักลากไม้ และกันพื้นที่ให้เป็นแนวกันชนตลอดแนวแหล่งน้ำ (ซึ่งเป็นบริเวณที่อนุญาตให้ทำไม้แบบเลือกตัด) ช่วยลดปริมาณตะกอนที่ถูกชะล้างลงสู่แหล่งวางไข่ของแซลมอนอย่างเห็นได้ชัด

วิธีหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้คือการปลูกป่าเชิงนิเวศ (ecological forestry) กล่าวคือการบริหารจัดการผืนป่า เพื่อสร้างถิ่นอาศัยให้สัตว์ป่าและแม่น้ำที่ใสสะอาด รวมทั้งสร้างงานและผลิตภัณฑ์จากป่า เช่น ผืนป่าแวนเอกขนาด 8.9 ตารางกิโลเมตรใกล้เมืองอาร์คาทาซึ่งบริหารโดยบริษัทแปซิฟิกฟอเรสต์ทรัสต์  การปลูกป่าลักษณะนี้ยังมีวัตถุประสงค์เสริม อีกอย่างหนึ่งคือ สร้างรายได้จากการช่วยลดก๊าซเรือนกระจก (คาร์บอนเครดิต) ซึ่งสามารถนำไปชดเชยการปล่อยก๊าซดังกล่าวได้  ด้วยเหตุที่ต้นเรดวูดโตเร็ว ทนต่อโรค แมลง และการผุพัง อีกทั้งยังมีอายุยืนยาว ป่าเรดวูดจึงเป็นป่าที่ดีที่สุดในการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศและกักเก็บไว้ในเนื้อไม้ ตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ (voluntary carbon market) ในแคลิฟอร์เนียเปิดโอกาสให้เจ้าของผืนป่าขายคาร์บอนเครดิตที่กักเก็บไว้ในเนื้อไม้แต่ละปี ตราบเท่าที่ให้คำมั่นว่าจะรักษาป่าที่ปลูกไว้เป็นเวลาหนึ่งศตวรรษ

รายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตอาจช่วยให้เจ้าของพื้นที่ป่าเปลี่ยนวิธีทำไม้จากการตัดหมดเพื่อผลตอบแทนระยะสั้น มาเป็นการหมุนเวียนตัดในระยะยาว เพื่อเปิดโอกาสให้ไม้ที่โตกว่าและคุณภาพสูงกว่าได้กลับมาสร้างความสง่างามให้ภูมิทัศน์ อีกครั้ง

นับจากอดีต สูตรสำเร็จในการทำอุตสาหกรรมป่าไม้คือ ปลูกต้นไม้ให้โตเร็วที่สุด เพื่อผลตอบแทนการลงทุนสูงที่สุด และมีไม้ป้อนตลาดอย่างสม่ำเสมอ สำหรับนักธุรกิจทำไม้เหล่านี้ ช่วงเวลาที่ได้กำไรงามที่สุดในการโค่นเรดวูดคือ 40 ถึง 50 ปี แม้ว่าไม้อายุน้อยเหล่านี้จะมีเนื้อกระพี้อ่อน คุณภาพต่ำ และมีคุณสมบัติทนต่อการผุพังของเรดวูดเนื้อดีเพียงน้อยนิด แต่หลังจากเก็บตัวอย่างเนื้อไม้และวัดต้นไม้กว่า 20 ต้น ซึ่งมีความสูงตั้งแต่ 29 ถึง 113 เมตร จากชั้นเรือนยอดสู่โคนต้น ในอุทยานฮัมโบลต์เรดวูดส์  นักวิจัยพบว่าอัตราการสร้างเนื้อไม้ต่อปีของเรดวูดจะเพิ่มขึ้นตามอายุขัยอย่างน้อยเป็นเวลา 1,500 ปี ที่สำคัญกว่านั้นคือ ยิ่งต้นไม้แก่ขึ้นเท่าไร แก่นไม้ยิ่งมีคุณภาพสูงและทนต่อการผุพังมากขึ้นเท่านั้น สรุปก็คือ ยิ่งแก่ ต้นเรดวูดยิ่งให้เนื้อไม้มากกว่า และคุณภาพดีกว่า สมมติฐานนี้ใช้ได้กับต้นยูคาลิปตัสที่สูงที่สุดในออสเตรเลียเช่นกัน และน่าจะรวมถึงไม้ยืนต้นสายพันธุ์อื่นๆทั่วโลกด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว การปลูกป่าเชิงนิเวศไม่เพียงให้เนื้อไม้คุณภาพดี การดูดซับคาร์บอน แหล่งน้ำสะอาด และถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าเท่านั้น แต่ยังนำชื่อเสียงที่เคยขจรขจายของป่าเรดวูดกลับมาอีกครั้ง นั่นคือความงามสุดอัศจรรย์



ที่มา เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก
บันทึกการเข้า

*** ดูถูกคนอื่น เท่ากับดูถูกตนเอง ***
PHAPHOOM
Full Member
***

คะแนน 86
ออฟไลน์

กระทู้: 188



« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 09:42:13 PM »

 ไหว้ ไหว้ ไปชมต้นไม้ยักษ์ขนาดใหญ่มหีมาในป่าเรดวู้ด แห่งแคลิฟอร์เนีย ตามลิงค์นี้ครับ   เยี่ยม เยี่ยม


http://www.hflight.net/forums/topic/6125-%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B5%E0%B8%A1/
บันทึกการเข้า

*** ดูถูกคนอื่น เท่ากับดูถูกตนเอง ***
อนัตตา
หนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์ สุขเพียงใดก็ไม่พลั้ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 1616
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8201


เมื่อเจ้ายืนอยู่บนยอดภูผา อย่าลืมว่าเจ้ามาจากที่ใด


« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 10:18:05 PM »

เห็นกับตาก็ตอนพวกสัมปทานไม้ล้มจากพายุเกย์ที่ชุมพร กลางวันพวกตัดไม้ล้ม กลางคืนเสียงไม้ล้ม ล้มดังครืน ๆ  แบร่ เสียงช้างลากไม้สนั่นลั่นป่า แป๊บ ๆ กลายเป็นเขาหัวโล้นไปเลย     เศร้า
บันทึกการเข้า

carrera
กินลูกเดียวเที่ยวสองลูก
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2329
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 84478


« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 10:18:58 PM »

รูปสวยมากครับ Grin Grin Grin ขาวดำ
บันทึกการเข้า

เนื้อร้ายตัดทิ้ง
www.ipscthailand.com
Southlander
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 5711
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 48212



« ตอบ #11 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 10:23:59 PM »

ตัดหนึ่ง ปลูกหนึ่ง นั่นคืออุตสาหกรรมตัดไม้เมืองนอกเค้าครับ

ไม้ใหญ่ในป่าแบบที่ว่าไม่ใช่ว่าตัดแล้วไม่ดีนะ ถ้าไม่ตัดไม้ใหญ่เสียบ้าง ป่าใหม่ที่จะมางอกทดแทนก็เกิดไม่ได้ครับ

ตัดต้นที่ควรตัด เลี้ยงต้นที่ยังไม่สมควร และตัดเท่าไหร่ปลูกเพิ่มเท่านั้น การทำไม้แถบสแกนดิเนเวียก็ทำแบบนี้

อุตสาหกรรมป่าไม้ เขาตัดแปลงที่เขาปลูกเมื่อถึงเวลาครับ และวนเวียนปลูก วนเวียนตัดแบบนี้ตลอดไป

จึงไม่ได้ทำร้ายธรรมชาติมากแบบ......บางประเทศ ที่ตัดลูกเดียว
บันทึกการเข้า

๏ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง  แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง
ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง   จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง
                      
                             โดย:นภาลัย สุวรรณธาดา พศ.๒๕๑๐
~ Sitthipong - รักในหลวง ~
"วาจาย่อมมีน้ำหนัก หากหนุนด้วยสรรพอาวุธ"
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 2953
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 23210



« ตอบ #12 เมื่อ: กันยายน 11, 2012, 11:31:57 PM »

บ้านเราปลูกป่าเท่าไหร่ก็ไม่พอนายทุนและนักการเมือง   แลบลิ้น
บันทึกการเข้า



...ไม่มีใครทำขาวให้เป็นดำ  หรือทำผิดให้เป็นถูกได้ตลอด...
Zeus-รักในหลวง
อะฮู้.....ไฮยีน่าก็เป็นแมวนะคราบบบ
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 817
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10983


I'm going to make him an offer that he can't refus


« ตอบ #13 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 06:45:02 AM »

ปรกติครับพี่สมชาย ยุคหนึ่งไม้เป็นวัสดุก่อสร้างที่สำคัญ ราคาไม่แพง มาสมัยนี้ก็ต้องเหล็ก ปูน ครับ ไหว้
ปล.ไหน ๆ ก็เอยนามพี่แล้ว หุ้น บ.ปูน บ.เหล็กในตลาดหลักทรัยพ์นี่น่าลงทุนหรือเปล่าครับ ไหว้
บันทึกการเข้า

“A fear of weapons is a sign of retarded sexual and
emotional maturity.”
- Sigmund Freud

“ความกลัวอาวุธคือสัญญาณของความถดถอยทางเพศและวุฒิภาวะทางอารมณ์”
- ซิกมุนด์ ฟรอยด์
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: กันยายน 12, 2012, 08:07:52 AM »

ปรกติครับพี่สมชาย ยุคหนึ่งไม้เป็นวัสดุก่อสร้างที่สำคัญ ราคาไม่แพง มาสมัยนี้ก็ต้องเหล็ก ปูน ครับ ไหว้
ปล.ไหน ๆ ก็เอยนามพี่แล้ว หุ้น บ.ปูน บ.เหล็กในตลาดหลักทรัยพ์นี่น่าลงทุนหรือเปล่าครับ ไหว้

ขอบคุณมากครับ... เย้...

บ.ปูน SCC, SCCC ยังน่าลงทุนครับ... แต่ SCP ราคาสูงเกินในช่วงนี้ คือเมื่อ พ.ค. 55 ราคา 17 บาท แต่เมื่อวานนี้มันปิดที่ 40 บาทครับ...

บ.เหล็ก mcs, ssi, tsth ยังน่าลงทุนครับ ในวันนี้บางบริษัทขาดทุนย่ำแย่ แต่ในระยะยาวเขาก็ต้องแก้ไขกันไปเพราะเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานของประเทศครับ... แต่ city ราคาสูงเกินในช่วงนี้ คือเดือน เม.ย.55 ราคา 2 บาท แต่เมื่อวานนี้มันปิดที่ราคา 3.26 บาทครับ...

จะว่าไปแล้วแนว"ลงทุน"นายสมชายไม่ค่อยถนัด เพราะต้องดูงบดุล/บัญชีระยะยาว กับดู 5 forces model ของบริษัทฯ ตามโมเดลของไมเคิล อี พอร์เตอร์(คนเดียวกับที่ไอ้ทักเอามาพูดที่เมืองไทยสามชั่วโมงจ่าย 5 แสนบาทนั่นแหละครับ) แต่นายสมชายถนัดแนวอ่านกราฟแล้วซื้อแค่ไม่กี่วันขาย ซึ่งเรียกว่าแนว"เก็งกำไร" จะสุ้มเสี่ยงมากกว่าแนว"ลงทุน"ครับ... เย้...

เรื่องวิธีวิเคราะห์ธุรกิจตามวิธีของพอร์เตอร์ ค้นต่อที่นี่ครับ... 1) http://www.businessballs.com/portersfiveforcesofcompetition.htm 2) อันนี้ภาษาไทย http://www.logisticafe.com/2009/08/5-force-force-model/
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.063 วินาที กับ 21 คำสั่ง