..... สิ่งที่ต้องการมันคือกำลังใจในการทำงานครับ .... และการทำงานมันต้องมีผลตอบแทน มันไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของมีค่า เป็นเงิน แต่มันคือกำลังใจที่แสดงออกมา.... สิ่งที่มันเกิดขึ้น ทำให้ใครหลายคนเสียโอกาสก้าวหน้าในการทำงาน การก้าวไปสู่ความรุ่งเรืองมัน ช้าออกไปอีก
..... ศรัทธา ในตัวเจ้านาย คือสิ่งสุดท้ายที่มีเหลือ และ ก็สูญเสียไปแล้ว .....
ขอบคุณพี่ๆ เพื่อนๆ และน้องๆ ทุกท่านที่ให้กำลังใจ ครับ ไปทำใจกลับมาแล้ว ทำอะไรไม่ได้หรอกนอกทำใจ อีกไม่นานคงขอย้ายแล้วละ
ถ้าหากทำใจได้จริง ปล่อยวางได้จริง ก็น่าจะสามารถอยู่ที่เดิมได้โดยไม่ทุกข์ แต่ก็ไม่ว่ากัน เพราะเราก็คนธรรมดาคนนึง แต่ที่บอกก็อยากให้ทบทวนว่า เราทำใจได้จริงรึเปล่า เท่านั้นเอง เราจะไปแบบทำใจได้รึไม่ได้ก็ช่างเถอะ ขอแค่รู้ใจตัวเองจริงๆก็พอ แต่ถ้าทำเพื่อประกาศว่า เราไม่พอใจตรงนี้ก็แล้วไป ขอแค่รู้จริงๆว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทำแล้วต้องเจอกับอะไร และที่ใหม่เขาโอเคกับเราจริงๆ ไม่ใช่เขาคุยกับเราตามมารยาท บลาๆๆ
และหากย้ายไป แน่ใจรึเปล่าว่าเขาจะยุติธรรมกับเรา ลักษณะงานที่ทำจะเหมาะกับเราไหม เพราะบางทีเราเห็นไกลๆเราก็ว่าดี แต่พอเข้าไปดูใกล้ไปเห็นรายละเอียด อาจจะแย่กว่าที่เดิมก็ได้
จากประสบการณ์ส่วนตัวสมัยเข้างานใหม่ๆ เจอผู้ใหญ่สุภาพ นิ่มนวล ทักทายเรา เราก็คิดว่าเขาดี แต่พออยู่ๆไป โห้...ไอ้นี่มันสั่งเด็กทำ แล้วตอบแทนเป็นขั้นพิเศษกับโอทีนี่หว่า ไร้ร่องรอยหมดจนจริงๆ หรืออย่างเพื่อนร่วมงาน ไอ้ตัวที่มันคุยสนิทกับเรา มีอะไรรับฟังเห็นด้วยตลอด มีอะไรก็เหมือนจะบริการเราตลอด ผ่านไปหลายปีก็ เอ๊ะ! งานในหน้าที่ ขนาดง่ายกว่าเราแยอะ ก็ยังดองจนแห้งแล้วแห้งอีก เรื่องเทคนิควิชาการก็กลวงซะ แต่ขั้นพิเศษทุกปี พอเอาเรื่องนี้ไปคุยกับเพื่อนเขาแต่แป๊กเหมือนเรา ก็เลยถึงบางอ้อว่าเรามองคนไม่ออก
อยู่ที่นี่ ผมก็ไม่คุยกะใครนานแล้วครับ........ไว้ใจไม่ได้สักคน คุยตามมารยาทผมก็ไม่ทำ หน้าไหว้หลังหลอกทั้งนั้น ทำงานพลาดเมื่อไรเป็นโดนยำ ใช้เราทำงาน เรารู้งานเราว่าต้องทำอย่างไร แต่เจ้านายไปฟังคำพูดคนอื่นที่ไม่ได้ทำ แต่ดันรู้ดี แล้วทำไมไม่ใช้เขาทำซะเลย เวลามีปัญหา งานยากๆ ไม่มีใครทำต้องมาลงที่ผม ผมทำได้ ไม่ว่า หน้าที่หลักมีอยู่แล้ว แต่งานจรมาบ่อย ๆผมก็ทำได้ .... แต่คนไม่ทำอะไรมันต้องมายุให้เสียเรื่องอยู่เรื่อย พอผมทำเสร็จก็มี พวกมายืนเอาหน้า ...ผมก็บอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร เพราะเราทำเพื่อหน่วยงาน และก็หน่วยงานผ่านวิกฤตได้หลายๆครั้งก็เพราะฝีมือเรา(ไม่ได้โม้นะครับ)
ให้อภัยคน ให้โอกาสคนผมให้แก้ตัวสามครั้ง ถ้ามีครั้งที่สี่ แสดงว่าเขาจงใจที่จะทำไม่ดีต่อกัน เหตุการแรกที่ผมระวังตัวมากและ ที่ทำให้ผมหมดศรัทธาก็เพราะว่า จะมีการตรวจเยี่ยมประเมินหน่วยงานจากหน่วยงานระดับกรม นายผมสั่งให้ทำงานยืนชี้สั่งเลย เอาแบบนี้ แบบนั้น กะว่าจะโชว์ผลงานอวดเขาซักหน่อย รุ่นพี่ ผม กะทีมงาน ก็ช่วยกันทำงานเอาแบบตามใจนายว่า....ได้หมด พอวันมาตรวจ ประเมินหน่วยงาน ทางกรม บอกว่ามันไม่ดี ไม่ผ่าน เจ้านายผมก็เลยบอกว่าแกไม่อยู่ พวกผมทำกันเอง แกไม่ได้สั่ง.... ผมนั่งอึ้งเลยครับ ผมนึกในใจทำไมเจ้าตรูเอาตัวรอดคนเดียววะ แลสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยไปทางรุ่นพี่ เขาส่งสัญญาณบอกนิ่งไว้ไอ้น้อง จากนั้นรุ่นพี่ขอลาออกจากราชการเลย แต่ผมยังอยู่ ทนหน่อยว่างั้น
เหตุการณ์นี้ผมจำจนขึ้นใจเลยครับ จากวันนั้นก็หลายปีละครับ เจ้านายก็ยังเอาตัวรอดเหมือนเดิม
ความจริงผมไม่หวังสองขั้นหรอกครับ แต่หวังปกติ ทั่วไปนั่นแหละเพราะไม่ใช่คิวของผม แต่ทั่วไปเขา 1.5 กัน แต่ที่นี่ให้ 1.0 20คน อีกสามคนให้ 2ขั้น มันไม่สมควร เพราะนโยบายของรัฐคือ ธรรมดา 1.5 ที่น่าเจ็บปวดใจ คือคนที่มีวันลาเกินตามที่กฏกระทรวงตั้งไว้ ได้เลื่อน สองขั้น ไอ้คนที่ไม่ทำอะไรเลยมาทำงานก็เมา ขาดๆหายๆ ตามตัวไม่เจอ หลบงาน งานในหน้าที่ของเขาไม่เสร็จต้องให้คนอื่นช่วยได้ 1.0 เท่ากับผม อีกอย่าง ก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เมื่อปีที่แล้ว แต่คำพูดออกจากปากเจ้านายไม่ใช่แบบนี้ครับ มันมีคนไม่พอใจการทำงานแบบผมมานานแล้วครับ ตรงไปตรงมา ไม่มีนอกใน อะไรที่ผิดกฏหมายไม่เอา
ไม่พายเรือให้โจรนั่ง ครับ และถ้าผมยังอยู่จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น
จากเหตุการณ์ทั้งหมด ผมก็เลยแสดงออกว่าผมไม่พอใจ ครับ อนาคตจะโดนอะไร ไม่ต้องเดาครับ ............เกิดยาก กัดฟันกลืนเลือดและ น้ำตาละครับ
สุดท้าย ขอบคุณพี่supremeมากๆที่ให้ข้อคิดครับ