เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 18, 2024, 11:22:39 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เว็บบอร์ด อวป. สามารถเข้าได้ทั้งสองทาง คือ www.gunsandgames.com และ www.gunsandgames.net ครับ
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เซ็งชีวิตครับ  (อ่าน 8565 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
kok ksn
Full Member
***

คะแนน 54
ออฟไลน์

กระทู้: 436


« ตอบ #90 เมื่อ: มีนาคม 23, 2013, 01:46:55 PM »

ส่วคำร้องขอย้ายแล้วครับ ไปตามเรื่องที่หน่วยเหนือเขาแจ้งว่า เรื่องของคุณไม่ได้ส่งมา ไม่มีการพิจารณาย้าย
กว่าจะรู้ว่าคำร้องไปไม่ถึง ก็เมื่อคำสั่งย้ายออกแล้ว  ดูมันทำ
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #91 เมื่อ: มีนาคม 23, 2013, 02:36:46 PM »

เพิ่งกลับมาอ่านใหม่ตั้งแต่หน้าแรกอีกรอบนึง... นายสมชายว่าข้าราชการรายเฉลี่ยสมองดีกว่าคนอาชีพอื่นในสายงานที่เทียบกันได้นะครับ, ดังนั้นหากทนไม่ไหวก็หาอาชีพสำรองเอาไว้เลย แล้วระหว่างนั้นก็ฝึกฝนตนเองรอเวลาปีกกล้าขาแข็งแล้วค่อยลาออก ช่วงระหว่างที่มีความหวังกับอาชีพอื่นจะทำให้สบายใจขึ้น เพราะมีหวังที่อื่นแล้ว ไม่ต้องง้อความเห็นใจ(หรือความเมตตา)จากเจ้านายอีกต่อไปครับ...

ข้าราชการนั้นสอบเข้ายากมาก กว่าจะสอบเข้าได้ต้องฝ่าด่านมากมาย, แต่ระหว่างที่รับราชการนั้นถูกกล่อมเกลาด้วยวัฒนธรรมในองค์กรเสียจนบดบังตรรกะเรื่องอื่น... ตรรกะเรื่องอื่นที่ว่านั่นก็คือคนเราต้องกินต้องใช้จ่ายครับ ถ้าสมองแบบข้าราชการมาตั้งหน้าตั้งตาขบปริศนา แก้โจทย์เรื่อง"ทำอย่างไรให้หาเงินได้ด้วยวิธีสุจริต", รับรองว่าแก้โจทย์ได้อย่างสบายๆครับ ตรงนี้มันมีอย่างอื่นมาบังเอาไว้ทำให้ไม่ได้คิดเรื่องเงินทอง(โดยสุจริต)...

เรื่องอื่นที่บังตาเอาไว้ได้แก่เรื่องความมั่นคง กับเรื่องความภูมิใจที่ได้เป็นข้าราชการ ครับ... นายสมชายเคยรับราชการมานานถึง 15 ปีก่อนที่จะตัดสินใจลาออกจากราชการเพราะเบื่อเต็มที่ ทั้งที่ความก้าวหน้าก็ไม่ได้น้อยหน้าใคร(เป็นนักเรียนทุนรัฐบาลฯ), แต่ที่ลาออกเพราะเบื่อมาก ประกอบกับเปลี่ยนตัว"นาย"คนใหม่(คนเดิมเกษียณ) ทีมปรึกษากระจัดกระจายฯ...

เมื่อลาออกมาแล้วช่วงแรกรู้สึกพิลึกครับ แต่ไม่นานก็มองเห็นมุมมองต่ออาชีพใหม่แปลกไปกว่าเดิม แล้วก็เลยเข้าใจว่าความคิดคนเรามันเปลี่ยนกันได้ บางเรื่องเราไม่เคยนึกมาก่อน ทำนองเดียวกับเราเดินทางพ้นโค้งข้างหน้าก็จะมองเห็นเส้นทางใหม่ที่แต่ก่อนมองไม่เห็นเพราะมันมีโค้งบังอยู่ครับ... ตัวอย่างเรื่องอื่นที่เห็นชัดเจนก็ลองดูก๊อกน้ำที่บ้านซิครับ เมื่อไม่นานมานี้ยังใช้มือหมุนกันอยู่เลย, แต่เมื่อประมาณ 5 - 6 ปีที่ผ่านมาไม่มีก๊อกน้ำมือหมุนวางขายในร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างแล้ว เพราะใช้ก็อกน้ำก้านโยกสะดวกกว่ามาก, แล้วทำไมเขาทนใช้กันมานานหลายสิบปี...

เรื่องวิธีทำมาหากินนี่ก็อีกเช่นกัน เมื่อสมัยรับราชการเงินจำนวนไม่เท่าไหร่เป็นเรื่องใหญ่ถึงกับต้องผ่อนฯ นั่นเพราะสมองเราไม่ได้แก้โจทย์เรื่องนี้... แต่ลาออกจากราชการแล้วถึงเพิ่งรู้ว่าโลกนี้ช่างกว้างใหญ่มาก เรื่องเดิมกลายเป็นเรื่องเล็กไปในทันที ถึงแม้จะยังมีผู้คนจำนวนหนึ่ง(ที่อยู่ฝั่งเอกชน)ยังแก้โจทย์นี้ไม่แตก แต่นั่นเพราะสมองของเขาเองได้แค่นั้นครับ(หรือไม่ก็มีอย่างอื่นบังตาเขาอยู่), ซึ่งไม่ใช่คนที่เป็น"อดีตข้าราชการ"...

เริ่มตั้งแต่วันนี้เลยครับ เริ่มจากคนใกล้ตัวในเว็บบอร์ดนี้เลย ศึกษาวิธีทำมาหากินจากในเว็บบอร์ดนี้ ค้นต่อเจาะลึกเอาจากกูเกิ้ล แล้วพัฒนาโมเดลของเรา... มั่นใจเมื่อไหร่ยื่นหนังสือลาออกครับ, อย่ายอมแพ้ เดี๋ยวจะเหลือเวลาน้อยจนไม่พอทำมาหากินครับ...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 23, 2013, 02:53:38 PM โดย นายสมชาย(ฮา) - รักในหลวง » บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #92 เมื่อ: มีนาคม 23, 2013, 03:14:29 PM »

เรื่องการทำมาหากินนี่ต้องมีตัวช่วยนะครับ ปรกติตัวช่วยที่ดีที่สุดคือเมีย เพราะสามารถคุยได้ทุกเรื่อง เป็นเพื่อนคู่คิดที่ดีที่สุดในโลก แต่ถ้าใครพลาดไปแล้วเลือกเมียที่เป็นคู่คิดไม่ได้(ฮา) ก็ต้องหาอย่างอื่นแทนเอาครับ... อ่านหนังสือให้มาก(อ่านบนอินเตอร์เน็ตก็ได้), คุยกับคนที่ฉลาดกว่าให้มาก เพราะคนที่ฉลาดกว่ามักจะเคยคิดปัญหาที่เรากำลังเจออยู่มาแล้ว และเราจะได้ไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ โดยเราสามารถเอาประโยชน์จากความคิดสรุปรวบยอดได้เลย...

วิธีประเมินคนว่าใครฉลาด ที่สมควร"ยอมเสียเวลาคุย"ด้วยขั้นแรกเลยคือให้สังเกตเรื่องการใช้ภาษาครับ ไม่ว่าภาษาไทยหรือภาษาอื่นใด เพราะคนที่ฉลาดจะไม่ได้ผุดจากพื้นดินเหมือนดอกเห็ดผุดขึ้นมาโดยไม่มีต้นสายปลายเหตุ... แต่ความฉลาดของมนุษย์นั้นเกิดจากองค์ความรู้ที่สะสมเอาไว้ในฐานข้อมูลในสมองครับ, แล้วการที่จะสะสมองค์ความรู้ใส่เอาไว้ในสมองจะต้องผ่านการสื่อสาร ซึ่งต้องมี"การใช้ภาษา"เป็นตัวกลางร้อยเรียงตรรกะเอาไว้ครับ ต่อให้เข้าใจเรื่องราวดีเท่าไหร่ หากไม่สามารถเล่าออกมาเป็นภาษามนุษย์ได้ นั่นคือตรรกะไม่ได้ร้อยเรียง ไม่ได้จัดระเบียบ เดี๋ยวเดียวก็ลืม...

เวลาของแต่ละคนนั้นมีน้อยนัก ยิ่งรู้เรื่องราวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่าเวลามันเหลือน้อยลง และสิ่งที่รู้มันน้อยกว่าสิ่งที่อยากรู้, วิธีลัดที่สุดคือต้องเรียนรู้ผ่านบุคคลอื่นให้เขาสรุปให้เรา เราจะได้ไม่ต้องนับหนึ่งใหม่ครับ... ตัวอย่างที่สุดโต่งเช่น ไอแซกนิวตั้นเรียนรู้มาทั้งชีวิต แต่สรุปเรื่องให้เรา"เอามาใช้"ได้เลยคือกฎของนิวตั้น มีแค่ 3 ข้อเท่านั้นเองครับ จากทั้งชีวิตของนิวตั้น...

เริ่มตั้งแต่วันนี้เลยครับ... ค้นในเว็บบอร์ดนี่แหละครับ...
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 6 [7]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.039 วินาที กับ 21 คำสั่ง