คอเป๊ปซี่เซ็ง! เสริมสุขเลิกผลิต 1 พ.ย.นี้ ขาดตลาดไปอีก 8 เดือน

"โค้ก-เสริมสุข"ล้ม"เป๊ปซี่" ทุ่มโปรโมชั่นสุดตัว ชิง"ร้านค้า"เป็นพวก
Prev
1 of 1Next updated: 22 ต.ค. 2555 เวลา 11:12:09 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

นับจากเวลานี้ตลาดน้ำอัดลมบ้านเรายิ่งเข้มข้นขึ้นอีกหลายเท่าตัว ยิ่งใกล้เข้าวันที่ 1 พฤศจิกายน วันหมดสัญญาระหว่าง "เป๊ปซี่-เสริมสุข" พันธมิตรคู่บุญที่ร่วมกันครองตลาดน้ำอัดลมเมืองไทยมายาวนาน

กว่า 50 ปี จากนี้เป็นการนับถอยหลังเพื่อเริ่มต้นใหม่ด้วยกันทั้งคู่ ฝั่งหนึ่งเป๊ปซี่จะใช้พลังของแบรนด์ที่แข็งแกร่ง เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมของตัวเอง คือกลุ่มวัยรุ่นไว้ให้มากที่สุด ขณะที่เสริมสุขจะใช้พลังของระบบจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ช่วงชิงช่องทางร้านอาหารและร้านค้า โดยมี "ตาอยู่" คือโค้ก ที่วันนี้พร้อมทั้งเรื่อง "การตลาด" และ "ระบบจัดจำหน่าย" หวังอาศัยจังหวะนี้ "พลิก" ขึ้นเป็นผู้นำในชั่วข้ามคืน โดยมี "บิ๊กโคล่า" คอยเป็นตัวสอดแทรก

3 ค่ายชงประกาศ ความพร้อม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ "เป๊ปซี่" จะออกมาแถลงทิศทางการดำเนินธุรกิจ นับตั้งแต่บทสรุปของการสิ้นสุดสัญญากับทางเสริมสุขตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ตอกย้ำถึงความเป็น "เครื่องดื่มน้ำอัดลมอันดับหนึ่งในใจ

ผู้บริโภค" ขณะที่โคคา-โคลาชิงตัดหน้าแถลงข่าวทิศทางดำเนินธุรกิจไตรมาสสุดท้ายในวันที่ 24 ตุลาคมนี้ ขณะที่เสริมสุขจะจัดงานเปิดตัวน้ำอัดลม "เอส" (est) เป็นรายสุดท้ายในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้

หากวัดขุมกำลังขณะนี้ เนื่องจากเป๊ปซี่มีเวลาจำกัด เพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ใช้วิธีตั้งตัวแทนจำหน่าย หรือเอเย่นต์ในแต่ละจังหวัด เพื่อกระจายสินค้า ซึ่งขณะนี้มีเพียงฐานผลิตน้ำอัดลมขวดเพ็ต (พลาสติก) และกระป๋องที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จ.ระยอง ขณะที่ขวดแก้วคาดว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี จะกลับมาผลิตได้อีกครั้ง ต่างจากเสริมสุขมีความพร้อมด้านการผลิตทุกด้าน โจทย์สำคัญคือการสร้างแบรนด์ "เอส" ให้ติดตลาดอย่างรวดเร็ว

แหล่งข่าวเอเย่นต์ของเป๊ปซี่-โคเปิดเผยว่า เมื่อไม่มีขวดแก้ว ทำให้เป๊ปซี่ต้องมุ่งรักษาและขยายฐานในขวดเพ็ตและกระป๋องอย่างหนัก โดยในวันที่ 25 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันแถลงข่าวนั้น เป๊ปซี่จะเปิดตัวเป๊ปซี่และน้ำสีอื่น ๆ ขนาดใหม่ 1.45 ลิตร เป็นขนาดสุดคุ้ม ถือเป็นขนาดใหม่ จากปกติเป๊ปซี่จะมีขนาด 1.25 ลิตร และ 1.5 ลิตรเท่านั้น

ชงตลาด 3.8 หมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตลาดน้ำอัดลม 3.8 หมื่นล้านบาท ช่องทางที่ใหญ่ที่สุดคือร้านค้าโชห่วยและร้านอาหารในรูปแบบ "ขวดแก้ว" คิดเป็นสัดส่วนถึง 60% อีก 35% คือขวดเพ็ต และที่เหลือ 5% เป็นกระป๋อง ซึ่งเน้นขายในร้านเซเว่นฯเป็นหลัก โดยที่ผ่านมาเป๊ปซี่ผ่านการกระจายสินค้าของเสริมสุขสามารถครองความเป็นผู้นำในช่องทางนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 70% โดยเฉพาะ "ร้านอาหาร" ที่เป๊ปซี่เข้าไปเป็น "เอ็กซ์คลูซีพ" อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งตั้งแต่เกิดปัญหาระหว่างเสริมสุข-เป๊ปซี่ ที่ถือเป็นสุญญากาศในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา จึงเป็นโอกาสของโค้กที่จะเข้าไปเป็นเอ็กซ์คลูซีฟแทนเป๊ปซี่ในช่องทางร้านอาหารต่าง ๆ

แหล่งข่าวหน่วยขายของไทยน้ำทิพย์ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทอาศัยจังหวะนี้ได้เข้าไปเสนอโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้กับร้านค้าต่าง ๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่จำนวนมาก ขณะนี้มีร้านอาหารที่เดิมเอ็กซ์คลูซีฟกับทางเป๊ปซี่ ได้เปลี่ยนมาทำสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟกับโค้กแล้วถึง 100 ราย โดยช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้เตรียมความพร้อมด้วยการปรับโครงสร้างการจัดจำหน่ายแต่ละหน่วยขายให้มีพื้นที่รับผิดชอบกว้างขึ้น เพื่อสามารถลงลึกไปถึงร้านค้าและร้านอาหารได้ครอบคลุม ซึ่งเป็นจุดแข็งของเสริมสุขโดยอาศัยช่วงเปลี่ยนผ่านในสิ้นเดือนนี้ในการดึงลูกค้าของเป๊ปซี่

โค้กจัดเต็มโปรโมชั่น-โฆษณา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาโค้กได้ทำตลาดอย่างเข้มข้น จากข้อมูลของเอซี นีลเส็น รายงานว่า ปีที่แล้วโค้กใช้งบฯโฆษณาถึง 821 ล้านบาท และช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาใช้งบฯถึง 843 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสมัยก่อนกว่าเท่าตัว

สำหรับช่องทางร้านอาหาร ขณะนี้โค้กมีการแจกโบรชัวร์เสนอโปรโมชั่นต่าง ๆ ให้กับร้านอาหาร โดยเป็นข้อเสนอพิเศษสำหรับโค้ก 15 ออนซ์ ทั้งการลด แลก แจก แถม เพื่อดึงให้มีการเซ็นสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟ อาทิ หากตกลงทำสัญญาเพิ่มขวดและสั่งโค้ก 15 ออนซ์ สามารถทำการจ่ายมัดจำจริงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 โดยต้องมียอดขั้นต่ำที่ 50% ของจำนวนขวดและลังของเป๊ปซี่ที่มีอยู่ และมียอดเพิ่มขวดและสั่งโค้กขั้นต่ำที่ 50 ลัง นอกจากนี้หากเซ็นสัญญาเพิ่มขวดลังขั้นต่ำ 50 ลัง รับฟรีทันทีน้ำทิพย์ขนาด 550 มล. 50 ลัง พร้อมจัดเข้ากลุ่มลูกค้ารายสำคัญเพื่อจัดส่งสินค้าในช่วงการขายสิ้นปี

ขณะเดียวกันก็มีโบนัสพิเศษ สั่ง 50 ลัง รับบัตรกำนัลซื้อสินค้าจากบริษัทไทยน้ำทิพย์ 1,000 บาทในรอบบิลถัดไป พร้อมกับลุ้นรับรางวัลเงินสดและทองคำกว่า 6 ล้านบาท สำหรับร้านค้าที่เซ็นสัญญาเพิ่มสต๊อก จับรางวัล 15 มีนาคมปีหน้า

ก่อนหน้านี้ นายธิติ ตวงสิทธิตานนท์ ผู้จัดการการตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์โคคา-โคลา บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด และกิจกรรมทางการตลาดครบวงจร ทำให้ผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 18% และทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทขยับเป็น 54% เทียบจากสิ้นปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งการตลาด 50.7% และมั่นใจถึงสิ้นปีจะมีส่วนแบ่งตลาดไม่ต่ำกว่า 54% และตั้งเป้าเติบโตปีนี้ 15-20%

เปิดศึกแย่งลูกค้า ร้านอาหาร

แหล่งข่าวจากวงการน้ำอัดลมระบุว่า คาดว่าหลังวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ส่วนแบ่งตลาดของเป๊ปซี่อาจจะเหลือไม่ถึง 20% ส่วนเอสของเสริมสุขต้องดูแผนสร้างแบรนด์ว่าจะทำได้ดีขนาดไหน โดยเสริมสุขมีเวลา 1 ปี ก่อนที่เป๊ปซี่จะสามารถกลับมาสู่ตลาดขวดแก้วได้ ดังนั้นต้องสร้างแบรนด์ให้ติดตลาดอย่างรวดเร็ว จุดอ่อนสำคัญคือภาพลักษณ์ความเป็นโลคอลแบรนด์ ซึ่งผู้บริโภคโดยเฉพาะคนเมืองค่อนข้างซีเรียสในเรื่องนี้

ขณะนี้เสริมสุขได้เริ่มนำเครื่องดื่มโคล่าแบรนด์ใหม่ "เอส" ไปให้ทางร้านค้าตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่บางรายทดลองชิม ซึ่งผู้ที่ได้ทดลองต่างชี้ว่ารสชาตินั้นไม่แตกต่างจากเป๊ปซี่ โดยเสริมสุขใช้วิธีแจ้งให้ร้านค้าที่เป็นคู่สัญญาเดิมเก็บขวดเป๊ปซี่ไว้ก่อน และตั้งแต่ 1 พฤศจิกายนนี้เสริมสุขจะเริ่มจัดส่ง "เอส" ลงตลาดและจะรับขวดเป๊ปซี่คืน พร้อมให้ส่วนลดพิเศษสำหรับเอสอีกด้วย โดยจุดแข็งของเสริมสุขคืออาศัยความสัมพันธ์เก่าที่มีต่อกันยาวนาน และชี้ให้เห็นว่าร้านอาหารไม่ต้องยุ่งยาก เพราะไม่ต้องคืนค่ามัดจำขวด หรือลัง โดยสามารถใช้ตู้แช่เดิม อาจแค่มีการเปลี่ยนสติ๊กเกอร์ต่าง ๆ เท่านั้น

ด้านแหล่งข่าวเอเย่นต์ของเป๊ปซี่-โครายเดิมเปิดเผยว่า เป๊ปซี่ซึ่งมีศักยภาพการจัดจำหน่ายที่น้อยกว่าทั้งโค้กและเสริมสุข เพื่อไม่ให้เป๊ปซี่หายไปจากช่องทางนี้ ก็ได้พยายามเสนอโปรโมชั่นและยื่นข้อเสนอให้ร้านค้าและร้านอาหารนำเป๊ปซี่เข้าไปวางจำหน่ายอีก 1 แบรนด์ เพื่อเป็นทางเลือก ป้องกันไม่ให้ร้านค้าและร้านอาหารทำสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟ โดยขวดแก้วของเป๊ปซี่นั้นสร้างยอดขายถึงประมาณ 50% ของ

รายได้ จากการพูดคุยกันในบริษัทคาดหวังว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปี ที่จะสามารถขยายตลาดขวดพลาสติกและกระป๋องขึ้นมาทดแทนยอดขายขวดแก้วที่หายไปได้

นายสุพจน์ ธีระวัฒนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงเบียร์ตะวันแดง จำกัด ซึ่งจำหน่ายเครื่องดื่มเป๊ปซี่ในร้านมาอย่างยาวนาน เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ทางร้านยังไม่ได้มีการตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนมาเอ็กซ์คลูซีฟกับเครื่องดื่มรายไหนแทนเป๊ปซี่หรือไม่ แต่ช่วงที่ผ่านมาเมื่อใกล้หมดสัญญา ทั้งเป๊ปซี่ เสริมสุข และโค้ก ต่างเข้ามาเสนอเงื่อนไข ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยเกณฑ์การตัดสินใจจะมองหลาย ๆ ด้านประกอบกัน ทั้งเงื่อนไขโปรโมชั่น ตลาด และลูกค้าของทางร้านด้วย

	ผู้เขียน	หัวข้อ: คอเป๊ปซี่เซ็ง! เสริมสุขเลิกผลิต 1 พ.ย.นี้ ขาดตลาดไปอีก 8 เดือน (อ่าน 3969 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้