ที่นี้พอกลับมาถึงบ้านแล้ว ผมก็โทรไปหาตัวแทนประกันผมบอกว่า
ตกลงไม่ได้ไปรักษาที่โรงบาลเอกชนแล้วนะ มาโรงบาลรัฐแทนแล้ว
(คือก่อนที่จะไปหาหมอที่โรงบาลเอกชน ผมก็แจ้งตัวแทนประกันผมก่อน)
ที่นี้ไอ้ตัวแทนผมก็ถามรายละเอียดว่าเพราะอะไร ผมก็เล่าให้เค้าฟัง เค้าบอกว่าจะโทรไปด่ามันให้ ผมก็ห้ามซิครับ
ด่ามันได้ไง มันมีที่อยู่ผม มีข้อมูลผมหมด พ่อแม่ บ้านช่องผมอยู่ไหนมันรู้หมด
ไอ้ตัวแทนผมมันอยู่ กทม เวลาโดนส้นตีน มันไม่ได้มาโดนกับผมนี่ ผมโดนคนเดียวเต็มๆ
ผมก็ห้ามมัน มันก็ทำฟึดฟัด เป็นเจ็บเป็นร้อนแทนผม
คือจะไปด่าไปทอกันไม่ได้ครับ เดี๋ยวเรื่องเล็กๆจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ผมเชื่อแบบนั้นนะ
คนระดับเปิดโรงพยาบาลได้นี่ต้องไม่ธรรมดาแล้ว มีเงิน มีความรู้ มีพวก
เกิดไปด่ามัน มันจ้างคนยิงกระบาลผม ลูกเมียผมก็รวยไปเลยครับ ได้เงินประกันจากผม
ผมก็เลยบอกตัวแทนผมไปว่า เดี๋ยวถ้ามันส่งเรื่องไปเบิกเอาเงินที่ กทม ผมจะไปแจ้งความเป็นหลักฐานให้ดีกว่า
ผมก็เลยสงสัยว่าแจ้งความได้ไหมครับ
ถ้าทางโรงพยาบาลทำเรื่องจะเบิกเอาค่าห้อง ค่ารักษาจากบริบัทประกัน
Ha Ha Ha ฮา "ฮั่นแน่" พี่ ยามมมมม อ่ะ ฮา
เป็นโรคอะไรเหรอ โรงพยาบาลเขาจึง "ไม่กล้า" รักษา อ่ะ ฮา
ยายเดาเอาว่า เขากลัว "ติดเชื้อ" จากพี่ยาม อ่ะ ฮา
ถ้าเขาบอกว่า เป็นโรค "ละบาท" ฮา
ก็ต่อราคา สองโรค "หกสลึง" ได้เปล่า ฮา
อย่างที่พี่ยามว่า กว่าจะสร้างได้ ต้องลงทุนเยอะแยะ พรรคพวกมาก แน่ๆ ฮา
เขาไม่กล้า ซี้ซั้ว ส่งบิลไปเบิก ไปเคลม กับ "ประกัน" หรอก อ่ะ ฮา
ถ้าไม่มีการรักษาจริง หมอคนเซ็นต์ชื่อ รับรอง ฮา
โดนอ่วม อาจถึงขนาด ถูกถอน "ใบประกอบโรคศิลป" เลยอ่ะ ฮา
หมอ ไม่ใช่เป็นกันง่ายๆแบบ อาชีพ "ยาม" ซะที่ไหน อ่ะ ฮา
ถามจริงเห๊อะ ทำประกันเท่าไหร่ " ริ " อยากจะนอนโรงพยาบาล ฮา
ประกันเขาไม่ได้จ่าย "เต็มจำนวน" หรอก เขามีเพดานจ่าย อ่ะ ฮา
ยายแนะนำ เอาเงินที่เหลือ ไปฉีด "ซิลิโคน" ให้มัน บึ้ม ดีกว่า อ่ะ ฮา
เพราะว่า "หน้าตา" พี่ยาม หล่อพอจะแสดงหนัง ได้อ่ะ ฮา
555 นารี มีรูปเป็น "ทรัพย์" ฮา
ถ้าเป็น บุรุษ ต้องมี "ตะบวยบึ้ม" อ่ะ ฮา