ไหนๆก็พูดถึงพวก KKK แล้วผมขอนอกเรื่องหน่อย พูดถึงเรื่องการรังเกียจผิว ชั้นวรรณะ ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกลหรอกครับ เมืองไทยนั่นแหละหนักว่าที่อื่นอีกดูถูกกันเอง คนรวยดูถูกคนจน คนจบสูงๆดูถูกคนไม่มีความรู้ ข้าราชการ(ไม่ทุกคนไป)เห็นประชาชนเป็นขี้ข้าขู่เข็ญร่ำไป ยกตนข่มท่าน คนกรุงเทพดูถูกคนบ้านนอก คำว่าเสี่ยว เจ๊ก ลาว อะไรเทือกนี้ก็เป็นการดูถูกแบ่งชนชั้นดีๆนี่เอง คนมีสี(ไม่ทุกคนไป)เบ่งทับคนไม่มีสี แต่พวกมีสีนี่ก็เป็นข้าราชการแต่ประชาชนกลับต้องเรียกทั่น
ท่านๆคิดว่าไงครับ
เห็นด้วยครับ อย่าว่าแต่จบสูงเหยียดคนจบต่ำเลยครับ
จบสูงเหมือนกัน แต่ต่างสถานที่ ต่างประเทศยังแยกเลยครับ
ไม่เข้าใจเหมือนกันบางคนไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนา
ยังมานั่งแบ่งว่าใครผู้ดีกว่าใคร เฮ้อ เมืองไทยยยยยยยยยย
จริงครับจริง
ที่น่าเกลียดมากอีกอย่างก็คือคนที่ไปเมืองนอกมาแล้วก็ทำเวอร์พูดไทยไม่เป็นหรือพูดไม่ชัด คำง่ายๆ ที่ไม่จะเป็นต้องเอาศัพท์เฉพาะทางภาษาฝรั่งมาอธิบายก็ต้อง ดจร. ใช้ภาษาฝรั่ง ซึ่งผมสงสัยว่าพวกนี้เวลาไม่อยู่เมืองฝรั่งก็มักไม่สมาคมกับฝรั่งเพราะจริงๆ พูดกันไม่รู้เรื่อง
ที่น่าเกลียดมากที่สุดคือคนไทยที่ แปลงตัวเป็นต่างชาติ กินอยู่ ทำงานเมืองไทยแต่เลี้ยงลูกเล็กๆ ในเมืองไทยโดยพูดภาษาอังกฤษด้วยทั้งที่ภาษาไทยของเด็กก็ยังไม่ได้เรื่อง ตะเกียดตะกายพาไปเข้าโรงเรียนอินเตอร์ตั้งแต่เล็กๆ เรื่องอะไรของไทยก็ไม่สอน คงเพราะตัวเองไม่มีความรู้ด้วย พยายามเลี้ยงลูกไม่ให้เป็นคนไทยว่างั้นเถอะ หมู่นี้เห็นตามห้างบ่อยมากครับ
ทั้งนี้ผมหมายความว่าเป็นเรื่องการเมืองและสังคมนะครับ มิใช่รสนิยมการบริโภค ผมไม่มีปัฐหากับอาหารต่างชาติหรือสุรานอกยี่ห้อใดๆ ทั้งสิ้น อย่างที่เขาบอกว่า
ชาตินิยมหยุดอยู่ที่กระเพาะ
ขอหารือต่ออีกนิดครับ คือสมัยนี้เป็นแฟชั่นของเด็กวัยรุ่นและวัยเริ่มต้นทำงานที่จะพูดภาษาอักฤษโดยออกเสียงไม่มีเสียงวรรณยุกต์เลยเพราะยึดหลักว่าภาษาอังกฤษไม่มีวรรณยุกต์ เช่น
Starbucks เขาพูดว่า สตาร์หบัก เน้นเสียง หบัก แน่นๆ เหมือน บักหำน้อย เลย อิ อิ
Lake ก็พูดว่า เหลก ออกเสียงลงท้ายต่ำ
Simpson เรียกว่า ซิมสัน อย่าง สันขวาน
ผมรู้สึกห่างจากเสียงอังกฤษจริงๆ มากกว่าเพราะว่าเสียงตัวอักษรไม่เหมือนกันถ้าจะให้ใกล้ของเดิมก็ควรต้องใส่เสียงวรรณยุกต์ของไทยเข้าไปด้วยอย่งในตำรา ฟอ ไฟ ฟุด ฟิด ของอาจารย์ แสงชัย สุนทรวัฒน์