เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
ตุลาคม 12, 2024, 05:24:32 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ปัญหาใต้ ถ้าท่านมีอำนาจจะแก้อย่างไร (ชาวอวป)  (อ่าน 3866 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
KAHRPPK
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 688


« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 09:21:51 AM »

       ปัญหาใต้จะแก้ไม่ได้จริงหรือ         Huh Huhถ้าท่านมีโอกาสเป็นผู้มีอำนาจ      ท่านคิดว่าแผนการแก้ปัญหาให้โจรใต้หมดไป      น่าจะใช้วิธีไหน     เผื่ออาจจะได้ความคิดดีๆที่จะเป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองบ้างครับ        ขอถามความคิดของชาวอวปครับ
บันทึกการเข้า
มะขิ่น
Hero Member
*****

คะแนน 2453
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 17813


"ทหารแก่ไม่มีวันตาย แต่จะค่อยๆเลือนหายไป"


« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 10:31:48 AM »

ลำดับแรก..........ต้อง แยกเมือง กับ ป่า  ให้ออกจากกันอย่างเด้ดขาดครับ..........

เมื่อสองปีที่แล้ว เขา........รวม เมืองกับ ป่า เข้าด้วยกัน......... Huh

ตอนนี้ เลยแยก มิตรกับศัตรูไม่ออก Huh

ขออนุญาตบอกได้ แค่นี้...........แค่นี้จริงๆ
บันทึกการเข้า

อย่าดึงฟ้าต่ำ  อย่าทำหินแตก  อย่าแยกแผ่นดิน
evil 01
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 10:51:56 AM »

คืนชีบ ก.อ.ร.ม.น ที่ใต้ครับ และทุกหน่วยที่โดน อี ทักษ ยุบไป Smiley
บันทึกการเข้า
สุพินท์ - รักในหลวง
Guns & Games Staff
Hero Member
*****

คะแนน 3539
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 12903



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 11:11:45 AM »

ลำดับแรก..........ต้อง แยกเมือง กับ ป่า  ให้ออกจากกันอย่างเด้ดขาดครับ..........
เมื่อสองปีที่แล้ว เขา........รวม เมืองกับ ป่า เข้าด้วยกัน......... Huh
ตอนนี้ เลยแยก มิตรกับศัตรูไม่ออก Huh
ขออนุญาตบอกได้ แค่นี้...........แค่นี้จริงๆ

สมาชิกอื่น คงไม่เข้าใจ
ขอบอกใบ้เพิ่มขึ้นว่า
เคยได้ยิน คำกล่าวหาว่า "แกนนำของขบวนการก่อความวุ่นวาย  เป็นหัวคะแนนของพรรคฝ่ายค้านบ้างหรือเปล่า"
บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 11:26:01 AM »

มันแก้ยาก... แบบเดียวกับแก้หมากผูกบนกระดานหมากรุกไงครับ... แต่ที่แสบที่สุดคือเดินเบี้ยตั้ง 85 ตัวมาให้กิน... กะว่าพอกินปุ๊บ จะกินสลับกันไป สลับกันมา... ทั้งกระดานจะว่างโบ๋... ไม่นึกหรือว่าตาอยู่จะมา... เฮ้อ... ทำไมไอ้คนผูกหมากเนี่ย... คิดง่ายๆ จังนะครับ... มักง่ายน่ะ ลามปามไปถึงไหนไม่รู้จัดคิดกันมั่ง ในที่สุดตัวเองก็นึกหรือว่าจะรอด... เฮ้อ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 17, 2004, 11:27:44 AM โดย นายสมชาย(ฮา) » บันทึกการเข้า
นาจา™รักในหลวง
คุณธรรม...นำสู่ยุติธรรม
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 268
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 11147



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 02:26:14 PM »

...เข้าใจครับ... Cheesy
บันทึกการเข้า

อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
จอยฮันเตอร์
พระรามเก้า 15-28 E23 LLL
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 10195
ออฟไลน์

กระทู้: 47057


M85.ss


« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 03:39:33 PM »

ปัญหานี้แก้ไม่ยากครับ ขั้นแรกท่านนายกต้องยอมคืนอำนาจให้ ศุนย์อำนวยการบริหารชายแดนภาคใต้ เสียก่อน ซึ่งหน่วยงานนี้ตัวท่านนายกเองก็รู้อยู่ว่าเขามีหน้าทีอะไร จะแก้ไขอะไรก็ค่อยๆแก้ อย่าไปหักด้ามพร้าด้วยเข่า Wink Shocked
บันทึกการเข้า

NaiMai>รักในหลวง
ไม่ว่าจะมีพร้อมทุกสิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเหนือกว่าความมีสติ
Hero Member
*****

คะแนน 741
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14573


นายใหม่ รักหมู่


เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 04:18:47 PM »

 Grin งานนี้ขอฟังอย่างเดียวครับ เพราะผมไม่รู้ข้อมูลมากพอที่จะออกความเห็นได้ แต่จะขอให้คนไทยรักกันมากกว่าทุกวันนี้ครับ Grin
บันทึกการเข้า

Don Quixote
Only God delivers the judgement, we only deliver the suspects.
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 987
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16169


,=,"--- X Santiago... !!


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 04:19:07 PM »

กระทู้นี้ไม่เป็นธรรมกับท่านนายก ทักฯ ครับ

เพราะถ้าท่านและวาทะของท่านหายไปปัญหาที่คนอื่นต้องมาแก้จะเบาลง :Smiley
บันทึกการเข้า

Thou shalt have guns.
Thou shalt have tons of ammo.
Thou shalt shoot well.
Thou shalt not rely on help from the stranger.
KAHRPPK
ชาว อวป.
Sr. Member
****

คะแนน 4
ออฟไลน์

กระทู้: 688


« ตอบ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 04:33:50 PM »

         ถ้าแก้ยากแบบนี้   ถ้าภาคอื่นๆของไทยเลียนแบบทำตาม    ประเทศไทยคงจะแย่แน่เลยครับ Huh Huh Huh
บันทึกการเข้า
มะเอ็ม
Hero Member
*****

คะแนน 348
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4749


"ปักษ์ใต้บ้านเรามันเหงาจังไม่มีคนนั่งแลหนังโนราห์"


« ตอบ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 04:34:08 PM »

ลำดับแรก..........ต้อง แยกเมือง กับ ป่า  ให้ออกจากกันอย่างเด้ดขาดครับ..........

เมื่อสองปีที่แล้ว เขา........รวม เมืองกับ ป่า เข้าด้วยกัน.........

ตอนนี้ เลยแยก มิตรกับศัตรูไม่ออก
-------------------------------------------------------------------------------
ขอต่อพี่มะขิ่น.....

เล่นหยุบ พตท.43  ซึ่งดูแลเรื่องป่า....ขึ้นกับทางทหาร

แล้วหยุบ ศอบต. ซึ่งดูแลเรื่องเมือง..ขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย

แค่นี้จริงๆ Angry
บันทึกการเข้า
ทัดมาลา ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป
มืออ่อน หมัดแข็ง
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 857
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6569


เตสาหัง สิรสา ปาเท วันทามิ ปุริสุตตเม


« ตอบ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 05:09:00 PM »

คำให้การของอดีตคนปัตตานี
ผู้เขียน: (อดีต)คนปัตตานี

คำให้การคนปัตตานี (อดีต) เมื่อยี่สิบปีก่อน ภาคใต้ไม่เป็นแบบนี้ คนไทยพุทธกับคนไทยมุสลิมอยู่ร่วมกันในสังคมโดยต่างฝ่ายต่างให้เกียรติในศาสน าของกันและกัน ลูกๆหลานๆ ของทุกคนก็เล่นกันตามประสาเด็กโดยไม่เห็นมีเด็กคนไหนลากศาสนามาแบ่งแยกกัน แล้วมันเปลี่ยนไปได้อย่างไร? เป็นอย่างนี้หรือเปล่า ? ผู้นำศาสนามุสลิมสุหนี่เริ่มรู้สึกว่ากำลังถูกชีอะห์เข้ามาแผ่อิทธิพล ทำให้มีการส่งลูกหลานตัวเองไปเรียนต่อในประเทศตะวันออกกลาง หวังว่าจะกลับมาเป็นหัวหอกในการต่อต้านชีอะห์ แต่ผลที่ตามมากลับเป็นการชักนำสุหนี่หัวรุนแรงเข้ามาในไทย โดยไม่รู้ตัว สุหนี่พวกนี้เป็นศัตรูคู่แค้นกับชีอะห์ เป็นพวกแนวทางยึดตามคัมภีร์แบบสุดโต่ง ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งสิ้น ยืนยันแต่เพียงว่าชีวิตของมุสลิมต้องมีเพียงคำสอนของศาสดาเท่านั้น เมื่อมุสลิมรุ่นใหม่ที่ได้รับอิทธิพลต่างชาติ กลับเข้ามาในไทย พวกนี้ก็เริ่มทำลายแนวทางมุสลิมในภาคใต้ยึดถือกันมานาน โดยอ้างว่าเป็นแนวปฏิบัติที่ผิด มีการรณรงค์ให้ผู้หญิงคลุมผ้า ล้มล้างประเพณีที่เคยทำกันมา และที่สำคัญที่สุดคือก่อตั้งปอเนาะแนวทางที่ตนต้องการ นี่แหละคือจุดเริ่มของความรุนแรงทั้งหลาย เด็กที่จบจากปอเนาะไม่มีทางเลือกในอาชีพอื่นเลย นอกจากต้องไปศึกษาต่อในประเทศมุสลิม เพราะไม่มีบริษัทไหนรับคนที่ไม่รู้อะไรเลยนอกจากคัมภีร์ทางศาสนา เด็กเหล่านี้ต้องไปศึกษาต่อ และเมื่อกลับมาก็ไม่มีงานทำเช่นเดิม จะทำงานใช้แรงก็ไม่ได้ เพราะกลายเป็นผู้รู้ทางศาสนาเสียแล้ว ทางเลือกมีทางเดียวก็คือต้องหาทางสอนศาสนา และต้องหาเงินมาเพื่อจัดตั้งโรงเรียนปอเนาะของตนเอง แต่จะหาเงินที่ไหน? คำตอบก็คือ ต้องหาจากประเทศมุสลิม แต่จะหวังเพียงเงินบริจาคก็ไม่เพียงพอ เงื่อนไขเดียวที่จะได้เงินจำนวนมาก ก็คือต้องใช้เงินเพื่อต่อสู้ศัตรูของศาสนาอิสลาม ต้องเป็นนักรบเพื่อศาสนาเหมือนชาวปาเลสไตน์ จะไปหาศัตรูที่ไหน ในเมื่อรอบตัวมีแต่ชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธ ศาสนาที่ไม่ต่อต้านศาสนาอื่น ศาสนาที่เน้นการปฏิบัติส่วนบุคคล ไม่รุกราน ไม่รังแก ดังนั้นจึงต้องหาทางให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนไทยพุทธกับไทยมุสลิมให้ได้ก ่อน โดยเริ่มจากการปลุกแนวความคิด มุสลิมเป็นเลือดเนื้อเดียวกัน ขึ้นมา เมื่อมีเหตุการณ์มุสลิมขัดแย้งกับชาวไทยพุทธ เมื่อมีเหตุการณ์คนของรัฐบาลรังแกประชาชน เหตุการณ์ต่างๆ จะถูกขยายให้เกิดเป็นกระแสมุสลิมถูกคนพุทธรังแกทันที ทั้งๆ ที่ในส่วนอื่นๆ ของประเทศเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นทุกวัน แต่ไม่มีใครเห็นนอกเหนือไปจากเป็นการขัดแย้งของบุคคล หรือข้าราชการเลวๆๆ คนหนึ่งรังแกประชาชน ในขณะที่พวกนี้จะฉวยมาเป็นเงื่อนไขเพื่อสร้างความรู้สึกให้มุสลิมเห็นว่ากำล ังถูกรังแกและต้องต่อสู้ นอกจากนี้ยังสอนให้เยาวชนเห็นว่าชาวพุทธเป็นคนนอกศาสนา ลูกหลานมุสลิมไม่ควรเข้าไปเป็นเพื่อน โรงเรียนของชาวพุทธจึงเป็นสิ่งที่ต้องห้าม สถานที่ศึกษาที่เหมาะสมสำหรับเยาวชนมุสลิมคือปอเนาะเท่านั้น นอกจากการปั่นกระแสความเกลียดชังแล้ว ยังพยายามหาข้ออ้างทางประวัติศาสตร์มาใช้อ้างเป็นความชอบธรรมว่ามุสลิมเคยเป ็นประเทศมีเอกราชแต่ถูกสยามรุกราน มีการก่อตั้งกองกำลังเพื่อยึดประเทศคืน และหาทางกระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ตอบโต้ เมื่อมีการเสียชีวิต ก็ใช้เป็นหลักฐานในการติดต่อไปยังประเทศมุสลิมว่ากำลังต่อสู้เพื่อศาสนา มีนักรบของศาสนากำลังเสียชีวิต เท่านี้เองเงินทองก็ไหลมาเทมา ยิ่งเกิดความรุนแรงขึ้นเท่าไหร่ เงินทองก็ยิ่งเข้ามามากขึ้นเท่านั้น คนกลุ่มนี้แหละที่อยู่เบื้องหลัง ที่บงการ ที่พยายามล้างสมองให้เยาวชนออกไปตายเพื่อศาสนา เป็นอีแอบอยู่หลังฉาก ไม่เคยเปิดเผยตัว แต่ทำตัวเป็นพี่ใหญ่คอยแจกจ่ายเศษเงินแก่ผู้ที่เป็นแขนขา บางคนมีฐานะร่ำรวย ก็เข้าแบ่งประโยชน์กับเจ้าพ่อในพื้นที่ และนักการเมืองท้องถิ่น เพราะยิ่งสถานการณ์รุนแรงเท่าไหร่ ผลประโยชน์จะยิ่งไหลมาเทมา รัฐบาลไทยก็ไม่ต้องการที่จะทำอะไรรุนแรงกับมุสลิม ซ้ำยังให้สิทธิพิเศษทางศาสนาต่างๆ ให้เงินช่วยเหลือ ให้ค่าตอบแทนครูสอนศาสนา เพื่อที่จะให้มุสลิมไม่ก่อปัญหาขึ้น ทั้งๆ ที่ชาวไทยพุทธในพื้นที่ก็มี แต่ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือแบบนี้จากรัฐบาล ตอนนี้สถานการณ์กำลังรุนแรงมากยิ่งขึ้น รัฐบาลปราบปรามอย่างเด็ดขาดไม่ได้ เพราะตัวผู้บงการจริงๆ ยังแอบซ่อนตัวอยู่ แถมต้องพะวักพะวนกับข้ออ้างทางสิทธิมนุษยชนที่พวก NGO พยายามใช้เพื่อสร้างผลงาน NGO พวกนี้ก็ไม่ต่างกับพวกอีแอบที่อยู่ข้างหลังมุสลิมเท่าไหร่หรอก เพราะหวังเงินจากต่างประเทศเหมือนกัน ยิ่งมีความรุนแรง ยิ่งมีความสูญเสีย NGO ยิ่งชอบใจ เพราะจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีรัฐบาล ใช้เป็นข้ออ้างจัดกิจกรรม และเงินก้อนโตก็จะถูกส่งมาแบ่งกัน อยากถามรัฐบาลว่า วันนี้ท่านทำอะไรให้ชาวไทยพุทธที่ต้องเป็นเหยื่อของมุสลิมบ้าง อยากถาม NGO ว่า สิทธิมนุษยชนของประชาชนชาวไทยพุทธอยู่ที่ไหน อยากถาม องค์การมุสลิมที่ออกมาเรียกร้องว่า คนที่ประท้วง คนที่ก่อความวุ่นวาย คนที่พยายามฆ่าผู้ไม่เกี่ยวข้อง พวกนี้ยึดถือหลักการสิทธิมนุษยชนและยอมรับความแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมไหม ถ้าไม่เคยมีหลักการ พวกนี้เอาข้ออ้างอะไรมาเรียกร้องให้รัฐบบาลไทยต้องยึดถือหลักการ สิ่งที่พวกนี้ทำก็คือมือหนึ่งชูสิทธิมนุษยชนนำหน้า แต่อีกมือหนึ่งถือปืนยิงใส่คนรอบข้าง แต่เมื่อถูกยิงตอบโต้กลับกลายเป็นว่าผู้ยิงตอบเป็นผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชน และต้องขอโทษคนที่ยังคงถือปืนยิงใส่ผู้บริสุทธิ์ตลอดเวลา ทราบมาว่า ต่อไป กลันตัน ตรังกานู เคดาห์ และ อื่นๆอีกมาก ก็อยู่ในข่ายการปฏิบัติการเยี่ยงนี้เช่นเดียวกัน มาเลเซียก็ระวังตัวให้ดีเถอะ วันที่ : 15 พฤศจิกายน 47 14:27
บันทึกการเข้า

บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อมิใช่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
      
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิยอมให้ผู้ใดมาทำลาย
submachine -รักในหลวง-
คนกินเหล้า อย่าให้เหล้ากินคน
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 6127
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 55373


Let us go..!


« ตอบ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 05:11:11 PM »

สุภาษิตนักขายครับ

ตีงู ตีที่หัว
ตีงู ตีที่หัว
ตีงู ตีที่หัว
หมดฤทธิ์แน่ๆ
บันทึกการเข้า

อย่าเห็นเป็น ความดี เล็กน้อย แล้วไม่กระทำ
อย่าเห็นเป็น ความชั่ว เล็กน้อย แล้วจึงกระทำ

Thanut Wansuk

เด็กหัวตลาด
Full Member
***

คะแนน 1
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 130


« ตอบ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 07:44:05 PM »

ไม่ทราบได้อ่านกันแล้วยังครับจาก นสพ.ไทยรัฐ.........

แยกปัญหาใต้เป็น3กลุ่มองุ่นเปรี้ยว..ปัญหาหลัก

ใครว่าปัญหาสามจังหวัด ชายแดนใต้ไม่มีทางออก...?

ดร.ปณิธาน วัฒนายากร คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิทยากรวงเสวนา "จากกรือเซะ...ถึงตากใบ อะไรคือทางออก?" จัดโดยชมรมเพื่อนจุฬาฯ บอกว่า

เคยพูดแนวทางแก้ปัญหาเอาไว้ เมื่อหลายปีที่แล้ว มาวันนี้ก็ยังพูดเหมือนเดิม ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ต้องแก้อย่างไร

"ผมรู้สึกว่าเหนื่อยล้ากับการพูดซ้ำๆ แต่ทุกครั้งคนฟังก็เปลี่ยนหน้ากันไป"

วันนี้...ปัญหาที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนใต้ รุนแรงมากขึ้นเป็น 40...50 เท่า หากไม่แก้ปัญหาอย่างตรงจุด ปัญหาก็จะยิ่งลุกลามบานปลาย

ดร.ปณิธาน บอกว่า ความชัดเจนของปัญหา เกิดจากองค์ความรู้ของหน่วยงานแก้ปัญหาขาดความต่อเนื่อง ในหน่วยงานฝ่ายปฏิบัติการ มีคนเพียงไม่กี่คนที่ได้นั่งอ่านข้อมูลในพื้นที่

นับเป็นแสนๆข้อมูลต่อเนื่องมานานเป็นสิบปี...ยี่สิบปี

"คนที่จะเข้ามาแก้ปัญหา จำเป็นต้องมีความรู้ยาวนานเกี่ยวกับเรื่องนี้..."

ใครที่คิดว่าจะแก้ปัญหาไปในทิศทางแบบไม่ต้องคิดมาก ดร.ปณิธาน บอก ต้องไม่ลืม...ปัญหาบางอย่างก็จำเป็นที่ต้องคิดให้มาก

"เหมือนกับเราไปหาหมอ หมอบอกว่าแค่ออกกำลัง กินอาหาร นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ...ก็พอแล้ว แต่เราก็บอกหมอ มันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ เรารู้สึกมีปัญหาบางอย่างที่รู้สึกได้ว่าต้องได้รับการเยียวยามากกว่านี้"

การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดใต้ หากเริ่มจาก การยอมรับ...ก็ต้องยอมรับก่อนเลยว่า ปัญหาที่เกิด...เป็นปัญหาใหญ่ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ถ้าจะใช้สามัญสำนึกในการแก้ปัญหาอย่างเดียวก็คงไม่พอ หรือถ้าใช้การแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่นไปแล้ว ถึงเวลาหนึ่ง ก็อาจต้องกลับมาใช้การแก้ด้วยสามัญสำนึกต่อไปอีก

เหตุเพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้...มีเงื่อนไขเกิดขึ้นเยอะมาก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ แนวทางที่จะนำเสนอต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องควรรับฟัง

ต้นเหตุของปัญหา ดร.ปณิธานบอกว่า มาจาก 3 กลุ่มหลัก...

กลุ่มแรก...กลุ่มแบ่งแยกดินแดน ปัจจุบันกลุ่มเหล่านี้จะมีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ

บางหน่วยงานของรัฐก็อาจมีข้อมูลชัดเจน...คนเหล่านี้อยู่ที่ไหน มีกลุ่มที่ตั้งอยู่ไหน หรือมีลูกมีหลานไปเรียนอยู่ที่ไหน ไปทำอะไรบ้าง แต่ถ้าไม่มีการเคลื่อนไหว ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ

อย่างที่รู้กันดี...กลุ่มแบ่งแยกดินแดน มีความฉลาด มีเครือข่าย มีอุดมการณ์และมีที่มาที่ไปชัดเจน ความเป็นจริงคนเหล่านี้...ยังมีอยู่...แต่เล็กลงๆไปเรื่อยๆ

แต่มีความแน่นอนอยู่อย่างหนึ่ง หากมีจังหวะเวลาและเงื่อนไขที่เหมาะสม กลุ่มคนเหล่านี้ก็อาจจะออกมาเคลื่อนไหว ทำให้เกิดปัญหาก็เป็นได้

ขบวนการต่างๆในต่างประเทศก็ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ที่เหมือนกันคือ แต่ละกลุ่มต้องการอิสรภาพ ต้องการเอกราช ต้องการดินแดน

แต่...ไม่ใช่เรื่องศาสนา

ถ้าต้นปัญหามาจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดน รัฐก็ต้องใช้มาตรการทหารในการเผชิญหน้ากับปัญหา เมื่อมีฝ่ายเรียกร้อง...มุ่งหมายแบ่งแยกดินแดน

ทหารเป็นหน่วยงานเดียว...มีหน้าที่จัดกำลังลงไปสู้

ปัญหาเกี่ยวกับอธิปไตย...ก็ต้องเจอกับอำนาจรัฐ

หลายประเทศที่ปัญหาแบบนี้ ใช้อำนาจทหาร จัดกำลังทหารลงไปจัดการกับฝ่ายแบ่งแยกดินแดน ถ้าคิดว่าปัญหาเกิดจากการแบ่งแยกดินแดน ก็ต้องจบด้วยการใช้กำลัง

ดร.ปณิธาน บอกว่า เมื่อจังหวะแรกของการแก้ปัญหาด้วยกำลังทหารจบลง ต้องเผชิญกับปัญหาจังหวะสอง...เกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย

"ความสูญเสียจะส่งผลทำให้เกิดการเจรจา...ทางการเมือง หลายประเทศเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น จนมีการเจรจากัน...ก็ต้องมีประเทศต่างๆเข้ามาช่วยเจรจา...หย่าศึก"

ปัญหาในสามจังหวัดภาคใต้ ถามว่า เกิดขึ้นมาจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนหรือไม่

"ไม่ใช่" ดร.ปณิธาน ว่า "แต่การพูดถึงเรื่องแบ่งแยกดินแดนจะเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องชาตินิยม สร้างความเชื่อถือได้มากกว่า"

"แนวทางปัญหามาจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดน จึงมีฝ่ายเชื่อมาก เพราะมองปัญหาง่าย...เป็นการแก้ปัญหาที่มองแบบแล้วไม่ต้องคิดมาก"

ส่งทหารเข้าไปปราบ ส่วนใหญ่ไม่มีประเทศไหนปราบปัญหาได้หมด ส่งทหารลงพื้นที่ก็ต้องฝังทหารเอาไว้ในพื้นที่ต่อเนื่อง...เมื่อครั้งอเมริกาส่งทหารไปเยอรมัน จนถึงวันนี้ก็ยังมีทหารอเมริกันอยู่ในเยอรมันมากที่สุด

"อยากให้เกิดบรรยากาศแบบนั้น...ในพื้นที่สามจังหวัดเราหรือ"

ดร.ปณิธานตั้งคำถาม

กลุ่มที่สอง...เป็นกลุ่มเปลี่ยนจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนมาเป็นกลุ่มอุดมการณ์ทางศาสนา อุดมการณ์ทางเชื้อชาติ...และวัฒนธรรม

องค์กรกลุ่มนี้จะหลวมกว่ากลุ่มแรก วันดีคืนดีอาจหายไป...วันดีคืนดีก็อาจเข้มแข็งขึ้นมาอย่างน่าตกใจ

สถานการณ์นอกประเทศในตอนนี้ องค์กรกลุ่มนี้ก็เข้มแข็งขึ้นมากกว่าที่คาดเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม...บิน ลาดิน...ปาเลสไตน์

"กลุ่มเหล่านี้รวมตัวกันหลวมๆ ส่วนใหญ่มีแนวร่วมทางด้านการเมือง โดยใช้เงื่อนไขความไม่เป็นธรรมระดับรากหญ้า"

ดร.ปณิธานกล่าวต่อไปว่า ส่วนใหญ่มาจากปัญหา ความยากจน ความไม่เป็นธรรม ถูกทอดทิ้ง

นี่คือแรงสนับสนุนทางวัฒนธรรมที่ช่วยให้ความรู้สึกดีขึ้น...มีเหตุการณ์อะไรขึ้นมา กลุ่มก็จะจัดเป็นแนวร่วม แล้วกระจายไปยังจุดต่างๆ

"ในอนาคต...ปัญหาจากกลุ่มอุดมการณ์ต้องมีหน่วยงานที่สร้างความ เป็นธรรม ดูแลเรื่องของกฎหมายในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างเป็นธรรมมากที่สุด"

เรื่องแรกของการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น...ทหารต้องลงพื้นที่ เพื่อไปทำหน้าที่ ปราบปรามสงครามกองโจร เพราะไม่มีตำรวจประเทศไหนทำได้ ยกเว้นบางหน่วยคือตำรวจตระเวนชายแดน

งานที่สองเกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา ต้องดำเนินการด้วยสันติวิธี แต่วิธีนี้ก็มีข้อแย้งกับการปฏิบัติการทางทหาร

จะเอาเรื่องสันติวิธีมาต่อรองกับเรื่องดินแดน...ทหารไม่มีทางยอม ดร.ปณิธานบอกว่า หากยังมีการพูดถึงการแบ่งแยกดินแดน ยังไงทหารก็ต้องมีหน้าที่รบ

การแก้ปัญหาในทางปฏิบัติ จึงเป็นเรื่องที่คุยกันยาก เพราะทหารได้รับการฝึกฝนอบรมมาอย่างนั้น แต่...ถ้าคุยกันได้...ก็ถือเป็นเรื่องดี

แนวทางแก้ไขในแง่มุมของพ่อค้า ที่ต้องการดำเนินธุรกิจระหว่างพื้นที่ที่มีปัญหา ตัวอย่างระดับโลกที่เห็นได้ชัด จีนกับไต้หวัน

"ยกเรื่องแบ่งแยกดินแดนเอาไว้ก่อน แต่ให้มีการค้าขายพัวพันกัน พึ่งพิงกันเอาไว้ให้มากๆ...เพราะในที่สุดแล้วแนวคิดแบบกลุ่มแยกดินแดน หรืออุดมการณ์ก็จะตกไป และหมดไปเอง"

ท้ายที่สุด คนรุ่นใหม่ๆจะกลมกลืนกัน...ดินแดนจะรวมกันโดยปริยายในทางเศรษฐกิจ โดยไม่ได้คิดถึงเรื่องแบ่งแยกดินแดน

นี่คือความเป็นสมัยใหม่ ที่ต้องทำให้เกิดขึ้นในภาคใต้อย่างจริงๆจังๆ

เมื่อมีการพึ่งพากันมากขึ้น...เศรษฐกิจดีขึ้น...การเมือง ระบบโรงเรียน สาธารณสุข ก็ดีขึ้น...คงไม่มีใครไปเรียกร้องหรือต่อต้านอะไรมากมาย จนกลายเป็นกระแสหลักอีกต่อไป กลุ่มหัวรุนแรงที่มีแนวทางแตกแยกก็จะค่อยๆหายไป

ปัญหาขณะนี้...ยังมีความรู้สึกทอดทิ้ง ความรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่มีสถาบันรองรับ เป็นปัญหาสั่งสมและปะทุขึ้นมาเป็นปัญหาใหญ่

ในอดีตไม่เกินสิบปีมานี้ มีหลายหน่วยงานจากต่างประเทศเข้ามาให้ทุน แสดงความเห็นใจช่วยเหลือและให้แนวทางสนับสนุน แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ได้มาในทางร้าย แต่ก็มีส่วนน้อยที่เข้ามาสร้างแนวทางร้ายๆ ในแบบของกลุ่มหัวรุนแรง...

"หากกำหนดต้นปัญหาเป็นเรื่องของศาสนา ก็จะเกิดการปะทะกันทางวัฒนธรรม หากหลงประเด็นตีปัญหาเป็นเรื่องศาสนา ปัญหาก็จะยิ่งบานปลาย กลายเป็นสองด้านขาวกับดำ"

ฉะนั้น ปัญหาจริงๆคือกลุ่มสุดท้าย...พวกอกหัก องุ่นเปรี้ยว ซึ่งแยกตัวมาจากสองกลุ่มแรก ไปตั้งกลุ่มใหม่ในพื้นที่เปิดและทำกิจกรรม

"แยกปัญหาออกเป็นสามกลุ่มแล้ว ก็ต้องอาศัยการแก้ปัญหาแบบ คิดใหม่ ทำใหม่ และจัดระบบใหม่ในภาพรวมทั้งหมด".

บันทึกการเข้า

วีรบุรุษคือผู้ที่ทำในสิ่งที่สามารถ และคนอื่นไม่ทำ
เด็กหัวตลาด
Full Member
***

คะแนน 1
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 130


« ตอบ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2004, 07:49:18 PM »

อ่านของอาจารย์ปุ้ม แล้วลองอ่านความเห็นผมเองที่เขียนไปในเว็บบอร์ดสถานศึกษาเก่า เพราะมีอาจารย์ผมท่านหนึ่งท่านเขียนบทความแสดงความคิดเห็นไปลงมติชน ครับ.....

ขอแสดงความคิดเห็นในฐานะที่เป็นคนตานีมาแต่กำเนิด เติบโตมาในสังคมที่อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขของคนต่างศาสนาและวัฒนธรรมนะครับ
สมัยที่ผมเป็นเด็กเรียนหนังสือในโรงเรียนที่มีเด็กนักเรียนนับถือศาสนาอิสลามมากกว่าศาสนาอื่นๆ ผมจึงมีเพื่อนเป็นมุสลิมมากมายไม่ว่าจะเป็น มะยูโซ๊ะ, อับดุลย์กาเดร์, มะนาเซ, แวมารีย๊ะ, ซีตีฮาวอ ฯลฯ เราต่างเป็นเพื่อนที่สนิทสนมเล่นด้วยกันเรียนด้วยกัน ไม่เคยมีความรู้สึกว่าเธอเป็นพุทธ ฉันเป็นมุสลิม เธอเป็นคนไทย ฉันเป็นมลายู
ครอบครัวผมจะมีความสนิทสนมกับชาวไทยมุสลิมทุกระดับชั้นมากมาย แม้กระทั่งวังเจ้าเมืองตานีเดิมที่ตำบลจะบังติกอ ก็สร้างแบบศิลปะจีนเนื่องจากช่างที่ก่อสร้างเป็นชาวจีนที่บรรพบุรุษผมจัดหาให้เนื่องจากสนิทสนมกันกับเจ้าเมืองในอดีต
เวลาชาวไทยมุสลิมมีงานต่างๆเราไทยพุทธก็ไปร่วมด้วยไม่ว่าจะเป็นงานพิธีกรรมทางศาสนาเช่นงานศพ หรืองานรื่นเริงอย่างงานเทศกาลฮารีรายอ และในทางกลับกันเวลางานของเราก็มีชาวไทยมุสลิมไปร่วมด้วย ด้วยความเต็มใจ แม้กระทั่งงานศพญาติผู้ใหญ่ผม ก็มีชาวไทยมุสลิมไปร่วมแสดงความไว้อาลัย
งานเทศกาลสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จะมีการอัญเชิญเทพแห่รอบเมือง ก็จะมีการแห่เข้าไปในตำบลจะบังติกอซึ่งเป็นชุมชนไทยมุสลิม เนื่องจากในละแวกใกล้วังเจ้าเมืองตานีมีท่าน้ำเป็นท่าภาษีที่ชาวจีนที่จะขนสินค้าจากเมืองยะลามาเมืองตานี หรือขนสินค้าจากปากน้ำตานีไปขายที่เมืองยะลาจะต้องแวะเสียภาษี การอัญเชิญเทพไปที่ท่าน้ำนี้ก็เพื่อเป็นศิริมงคลต่อการค้าขายของชาวจีน เราก็ทำต่อเนื่องกันมานับร้อยปี
สิ่งที่ผมเล่ามามันไม่เคยมีปัญหา มันไม่เคยมีการแบ่งแยก แตกแยกใดๆ จนกระทั่งมีคำว่า"การเมือง"เข้ามา มันจึงทำให้วิถีชีวิตของเราเปลี่ยนไป (ขอเลียนแบบแม่พลอยในสี่แผ่นดิน) ยิ่งมาในยุคปัจจุบันมีผู้ที่อ้างตัวเป็นนักวิชาการประจำถิ่นมากขึ้น และพยายามสื่อความคิดของตนให้คนทั่วไปรับทราบ โดยคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิด ตัวเองเขียนมันถูกต้อง มีการกล่าวหาว่าประวัติศาสตร์ถูกบิดเบือนต่างๆนานา จนในที่สุดกลายเป็นว่าผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามถูกกลั่นแกล้ง กีดกันต่างๆ ยิ่งเป็นประเด็นร้อนทันที ผมไม่ทราบว่านักวิชาการเอาจุดไหนเป็นเส้นแบ่งในเรื่องเวลาของประวัติศาสตร์ จะเอายุค ร.5, ยุคต้นรัตนโกสินทร์, ยุคกรุงธนบุรี, ยุคกรุงศรีอยุธยา ถ้าผมจะเอายุคก่อนประวัติศาสตร์มาอ้างบ้างละครับว่าทุกคนคือเผ่าพันธุ์เดียวกัน นักวิชาการจะโต้เถียงกับผมหรือเปล่าครับ
หรือถ้านักวิชาการทั้งหลายคิดว่าคนไทยมุสลิมถูกกีดกันจริงๆ ลองไปศึกษาข้อมูลชาวไทยพลัดถิ่นที่ยังคงอาศัยอยู่ในไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู ปะลิศ ดูบ้างว่าเขาเหล่านั้นมีสภาพความเป็นอยู่ หรือได้รับสิทธิต่างๆเหมือนชาวไทยมุสลิมหรือเปล่า เพราะเขาเหล่านั้นก็เกิดมาในท้องถิ่นนั้นหลายชั่วอายุคนแล้วเหมือนกัน
ผมจึงอยากให้ท่านที่เป็นนักวิชาการ นักคิด นักเขียน ลองพินิจพิจารณาให้ถ่องแท้ครับ ก่อนจะตกเป็นเครื่องมือของการเมืองโดยไม่รู้ตัวครับ
แล้วที่อาจารย์บอกว่า "คาถาที่หมอไสยศาสตร์พื้นบ้านในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ใช้ในตอนนั้นบ่งบอกถึงความรู้สึกไม่พอใจสยามรัฐซึ่งสั่งสมกันต่อ ๆ มา" ไม่ทราบคาถานั้นมีว่าอย่างไรครับ เพราะคาถารักษาโรคมันก็น่าจะเป็นคาถา ไม่น่าจะบ่งบอกถึงความรู้สึกไม่พอใจสยามรัฐนะครับ
ผมมิมีเจตนาลบหลู่นักวิชาการท่านใดทั้งสิ้น เพียงแต่อยากแสดงความคิดเห็นในฐานะประชานธรรมดาคนหนึ่งที่เกิดมาในถิ่นที่มีปัญหาทางการเมือง และถูกนำเอาศาสนามาเป็นเครื่องมือในการต่อสู้ เพราะไม่อยากเห็นสงครามศาสนาครับ
บันทึกการเข้า

วีรบุรุษคือผู้ที่ทำในสิ่งที่สามารถ และคนอื่นไม่ทำ
หน้า: [1] 2
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 22 คำสั่ง