เวลาผ่านไปครู่ใหญ่
พี่ต้อยคะ ล่ามมันไว้แล้ว แต่มันไม่ยอมกินน้ำ กินหญ้าเลย
ผมรีบเดินไปดูทันที ควายน้อยผู้น่าสงสารถูกล่ามไว้ที่โคนต้นมะพร้าว ร่างที่อ่อนระโหยโรยแรงของมันยืนนิ่ง น้ำตาไหลริน ผมเดินเข้าใกล้ และพูดเบาๆกับมันว่า กินน้ำกินหญ้าให้สบายใจเถิดลูก ไม่มีใครทำอะไรเจ้าแล้ว
เหมือนกับมันรู้ภาษา มันเริ่มก้มลงกินน้ำในถังพลาสติคอย่างกระหาย แล้วก็เริ่มกินหญ้าที่คนงานเกี่ยวมากองไว้ข้างๆ...
รถกระบะญี่ปุ่นคันเก่า วิ่งปุเลงปุเลงเข้ามาจอดใกล้ต้นมะพร้าว เสียงคนขับร้องตะโกนโหวกเหวกให้คนงานช่วยกันต้อนควายน้อยขึ้นรถ ความชุลมุนเริ่มเกิดขึ้นมาอีก เมื่อควายพยามจะสะบัดให้หลุดจากพันธนาการและวิ่งหนี...เชือกที่ผูกไว้อย่างแน่นหนาทำให้คนงานไม่เหนื่อยนัก เมื่อเจ้าควายน้อยสิ้นฤทธิ์ ผมเดินเข้าไปหา ใช้มือลูบหัวและพูดกับมันอย่างปราณีว่า
ไปกับเขานะลูก เขาจะเอาไปเลี้ยง ไม่ได้เอาไปฆ่าไปแกงหรอก ไปอยู่กับเขาลูกจะได้อยู่อย่างสบาย แถมมีเมียด้วย ตั้งสองตัวแน่ะ
แล้วความมหัศจรรย์พันลึกก็บังเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเจ้าควายน้อยเดินดุ่มๆตามคนงานที่เดินถือเชือกจูงไปยังรถกระบะ และเดินขึ้นรถเองแบบไม่ต้องใช้เรี่ยวแรงขู่บังคับ
รถกระบะบรรทุกควายวิ่งลับหายไปจากสายตา ผมหันหลังเดินกลับเข้าบ้าน พร้อมกับความอิ่มเอิบใจ ได้ช่วยชีวิตให้ได้อยู่ดูโลกต่อไปอีกหนึ่งชีวิตคืนนี้ ผมคงนอนหลับสบายและฝันดี...ก่อนนอน ผมไม่ลืมที่จะไหว้พระและอธิษฐาน กุศลจากการช่วยชีวิตและส่งควายตัวนั้นไปอยู่ในที่ที่ดี มีตัวเมียอรอยู่ถึงสองตัวในครั้งนี้...
ขอให้ผลบุญนี้ บังเกิดกับตัวผม ใด้สาวสวยพร้อมกันสองคนด้วยเถิด เอ่อ...แล้วข้อความนี้...พี่ติ๋มว่าไงครับปู่