ก่อนที่จะเริ่มถึง จุดเด่น จุดด้อย ของปืนที่ถูกกล่าวขานกันว่า...
เป็นตำนานหน้าหนึ่ง...ของ John Browning ในขนาด 9 มม. พาราเบลลั่ม
ลองมาทำความรู้จักกับ...ความเป็นมาของ บราวนิงค์ไฮฯ กันก่อนซิครับ...
บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์ Browning Hi-power
เวลาแห่งการกำเนิดของ บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์
ได้เริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1925 หรือ พ.ศ.2468 ในประเทศเบลเยี่ยม
ด้วยการออกแบบของ จอห์น บราวนิงค์
จนมาถึงในปี ค.ศ.1927 เขาได้นำแบบแปลนต้นแบบของ ไฮ พาวเวอร์
ไปจดสิทธิบัตรที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และต่อมาเมื่อเขาได้เสียชีวิตลง
โรงงาน FN Herstal ของเบลเยี่ยม ก็ได้ปรับปรุงการออกแบบ บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์ ขึ้นมาเป็นในรูปแบบปัจจุบัน
หลังจากที่ได้ผ่านการทดสอบอย่างหนักหน่วง ตามมาตรฐานทางทหาร ในปี ค.ศ.1935 หรือปี พ.ศ.2478
กองทัพเบลเยี่ยมก็ได้คัดเลือก บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์ เข้าประจำการเป็นอาวุธประจำกายของทหารในสมัยนั้น
ภายใต้รหัสประจำการที่เรียกว่า เอ็ม 1935 (Model 1935)
หรือแม้แต่ กรมตำรวจแห่งเบลเยี่ยม ก็ได้รับ บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์ เข้าเป็นอาวุธประจำการ
เช่นเดียวกันกับประเทศอื่น ๆ หลายประเทศ อาทิ อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย
รวมทั้งประเทศในเครือจักรภพอื่น ๆ
บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์ ยังเคยเป็นอาวุธประจำกายของฝ่ายอักษะ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย
เมื่อครั้งที่เยอรมันเข้ายึดครองเบลเยี่ยม และบังคับให้โรงงาน FN เป็นผู้ผลิต
ซึ่งในขณะเดียวกัน ฝ่ายสัมพันธมิตร โดย Allies ก็ได้นำแบบแปลนของ บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์
ไปผลิตขึ้นเป็นอาวุธประจำกายของทหารฝ่ายตนเช่นกัน โดยทำการผลิตจากโรงงาน Inglis ประเทศแคนาดา
นับได้ว่า บราวนิงค์ ไฮฯ อาจเป็นปืนพกกระบอกแรก
ซึ่งถูกผลิตขึ้นมาเป็นอาวุธประจำกายของทั้งสองฝ่ายที่ทำศึกระหว่างกัน
บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์ ได้ถูกบรรจุเข้าประจำการในกองทัพและกรมตำรวจของเบลเยี่ยม
รวมถึงกองทัพของสหราชอาณาจักร อย่างเช่น หน่วย SAS
ไม่เว้นแม้แต่ในกองทัพและบรรดาผู้รักษากฎหมายของอีกหลาย ๆ ประเทศมาโดยตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี
ควบคู่ไปกับอาวุธปืนประจำกาย โคลท์ 1911 อันเป็นที่นิยมใช้กันในนานาประเทศ
ระบบกลไกของบราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์
หรือที่เรียกกันว่า บราวนิงค์ เอช พี 35 หรือ จี พี 35 หรือ โมเดล 1935 นั้น
ทำงานด้วยระบบรีคอยล์ ขัดกลอนทางลาดท้ายรังเพลิงของลำกล้อง
ซึ่งจะสัมพันธ์กันระหว่างการถอยหลังของลำกล้องปืนและรอยบากล็อคภายในสไลด์
อันเป็นเอกสิทธิ์ของบราวนิงค์โดยเฉพาะ
ระบบไกปืนทำงานแบบซิงเกิ้ลแอ็คชั่นล้วน
จุดระเบิดด้วยเข็มแทงชนวนโดยใช้นกสับและติดตั้งคันห้ามไกไว้ที่ด้านซ้ายของสไลด์
ซึ่งสามารถล็อคทั้งการทำงานของการเลื่อนสไลด์และการทำงานของนกได้ในตัวเดียวกัน
จนเมื่อบราวนิงค์ ได้ทำการพัฒนา ไฮ พาวเวอร์ ขึ้นมาเป็น รุ่นมาร์คทรี (Mark 3)
จึงได้ติดตั้งคันห้ามไกไว้ทั้งสองด้าน
สำหรับคนที่มีความถนัดการใช้อาวุธด้วยมือซ้าย หรือสามารถใช้อาวุธได้ทั้งสองมือ
เดิม บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์ ได้ผลิตปืนที่ติดตั้งศุนย์เล็งไว้สองแบบ คือ
ติดตั้งศูนย์คงที่แบบมาตรฐาน
และติดตั้งศูนย์หลังแบบปรับได้ตั้งแต่ระยะ 50 ถึง 500 เมตร
(หรือที่เรา ๆ เรียกกันง่าย ๆ ว่า ศูนย์เล็งแบบหลังสะพาน นั่นเอง)
นอกจากนั้น ยังออกแบบให้ซองปืนสามารถใช้เป็นที่ต่อด้ามพานท้ายปืน
เพื่อไว้สำหรับทำการยิงในระยะไกลได้อีกด้วย
ประกับด้ามปืนทำมาจากไม้ รวมถึงมีห่วงร้อยสายป้องกันมิให้ตกอีกด้วย
บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์ นับว่าเป็นปืนพกกระบอกแรก ที่แม็กกาซีนสามารถบรรจุกระสุนได้ถึง 13 นัด
ปัจจุบัน บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับทางการทหาร และผู้รักษากฎหมาย โดยเฉพาะ
ดังเช่น รุ่นมาร์คทูว์ (Mark II) และรุ่นมาร์คทรี (Mark III) ภายใต้ผลิตภัณฑ์ของบราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์
มีลักษณะเด่นคือ.........
เป็นระบบซิงเกื้ล แอ็คชั่นล้วน
และติดตั้งศูนย์คงที่ ในระบบต่อสู้
พร้อมด้ามจับที่กระชับต่ออุ้งมือซึ่งเป็นยาง
ส่วนปืนพกบราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์ ที่ผลิตออกมาในเชิงพาณิชย์ นั้น
ก็อาจจะแตกต่างกันไปบ้างตรงศูนย์ของปืนที่สามารถปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบ และความประณีตในการเคลือบผิวปืน
และก็ยังมีการออกแบบ บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์ ขึ้นมาใหม่
เพื่อรองรับกับการใช้กระสุนที่มีแรงดันในรังเพลิงสูง ๆ อาทิ กระสุนขนาด .40 S&W อีกด้วย
โดยใช้กับแม็กกาซีนซึ่งสามารถบรรจุกระสุนในขนาดดังกล่าวได้ถึงจำนวน 10 นัด
ค.ศ.1980 หรือ พ.ศ.2523 วิศวกรของ FN ได้พัฒนาบราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์
ขี้นมาเป็นระบบไกแบบดับเบิ้ลแอ็คชั่นล้วน
ภายใต้ชื่อ บราวนิงค์ ดับเบิ้ลแอ็คชั่น (Browning DA)
และ ดับเบิ้ลแอ็คชั่นล้วนแบบไม่มีนกสับ (DAO)
แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมเหมือนดั่ง บราวนิงค์ ไฮ พาวเวอร์ ซิงเกิ้ลแอ็คชั่นล้วน (Browning SA) ในอดีต
ได้มีการลอกแบบการทำงานชองบราวนิงค์ ไฮพาวเวอร์ ไปผลิตอาวุธปืนพกในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก
อาทิ ปืนพก เอฟอีจี 9 (FEG 9) ของฮังการี และ Arcus ของบัลกาเรีย เป็นต้น
จากนิ้ว...ที่จิ้มแป้น...
จากเรา...ซึมเศร้าฯ ทีม