ตอนวัยรุ่น เหมือนป๋าแขก แต่ขับรถเครื่องยิงเอา สามสี่คัน คนแปดคน ไล่ยิงจากบ้าน ไปจนถึงนำตกตาดโตน ไปเจอพี่ จนท.ป่าไม้ แกยึดหนังกะติ๊กไว้ที่ป้อมแล้วบอกว่าเลิกยิงก่อนเข้าเขตอุทยานแล้ว ออกมาค่อยมาเอาคืน 50 กว่าตัว เอามาลอกหนังบนต้นน้ำแล้วปล่อยหนังให้ลอยไปข้างล่าง แป้บนึงได้ยินเสียงสาวไกรี้ดกร้าดกันใหญ่ 555 ปรากฎว่าวันนั้น ทำลาบกะปอม กับผัดกระเพราะกินกันสิบกว่าคน อร่อยดี คิดถึงความหลังวุ้ย
รุ่นผมยังไม่มีมอเตอร์ไชค์ สุดๆก็จักรยาน แต่ไปกันกลุ่มใหญ่เกือบสิบคนต้องเดินเท้า ลุยป่ามะม่วงสวนชาวบ้านเขา ทุกคนจะสะพายย่ามใส่ลูกหนังสะติ๊กใบเดียวกันที่ใส่สมุดหนังสือไปเรียนนั่นแหละ...จะต้องแบ่งหน้าที่กันชัดเจน จัดลำดับความแม่นว่าใครมือหนึ่ง ให้โอกาสได้ยิงก่อน เพราะถ้ามือห่วยยิงก่อน มีสิทธิ์กินปลาร้าบองแทนลาบกระปอม

ถ้ามือหนึ่งพลาดเมื่อไหร่ ทุกคนต้องรีบรุมยิง แถมด้วยหน่วยพิเศษ คอยปีนเก็บเมื่อหล่นคาต้นไม้............
...ฝีมือปลายแถวแบบผม ขออยู่แนวหน้า เพราะอาศัยจัดหาเสบียงพิเศษ อย่างเช่น ยาเส้น (โกหกผู้ใหญ่ว่าเอาไว้พ่นผึ้งมิ้ม แต่แอบเอามาดูดกันบ้าง พอกระษัย) และบรรดาเครื่องปรุงทั้งหลาย เลยขอสิทธิพิเศษ

...ล่าแต่กิ้งก่า วิดปลา ตีผึ้งมิ้ม ฯลฯ แต่ไม่รู้จัก "แย้" จนกระทั่งโต ไปเยี่ยมพี่อยู่เขื่อนท่าทุ่งนาเมืองกาญจน์ กระเหรี่ยงเอาแย้มาขายพี่ซื้อไว้แล้วเอามาย่างยำยอดมะกอกอ่อน...แม่เจ้าโว้ย เนื้อแย้ นี่มันอร่อยกว่ากิ้งก่า เป็นไหนๆ....ถึงบางอ้อตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา......
