ถ้าว่ากันตามกฎหมาย มีคำพิพากษาศาลฎีกาว่าการครอบครองกระสุนสำหรับปืนที่ได้รับอนุญาตฯไม่เป็นความผิด
ส่วนการซื้อเครื่องกระสุนเชิงพาณิชย์ ต้องไปขอป.๓ ส่วนจะขอจะซื้อต่อจากเพื่อนคงไม่ต้อง
การซื้อเครื่องกระสุนในเชิงกีฬา คือซื้อในสนามยิงปืน ไม่ต้องขอป.๓ แต่เป็นการใช้ในสนามเท่านั้น
ขอความกรุณาอย่ามาสารภาพกันตรงนี้ว่า เอากระสุนซื้อจากสนามไปใช้ภายนอก ทำผิดก็เงียบไว้อย่าให้คนอื่นเดือดร้อน
ทุกวันนี้นายทะเบียนฯมหาดไทยก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า "สนามยิงปืนเป็นช่องทางการแพร่กระจายอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน......." หาช่องหาทางจำกัดควบคุมอยู่ เพียงแต่สนามส่วนใหญ่อยู่ในอาณัติของทหาร ซึ่งมองประชาชนที่มีอาวุธว่าเป็นกองหนุนเป็นกำลังส่วนหนึ่งของชาติ ต่างจากมหาดไทยที่มองว่าต้องจำกัดการครอบครองอาวุธของประชาชนเพื่อสะดวกต่อการปกครอง
รมต.มหาดไทยสมัยหนึ่งออกเป็นประกาศ ถ้าเป็นกระสุนปืนพกสั้นขอได้คราวละไม่เกิน ๑๒ นัด ปีละไม่เกิน ๓๖ นัด ใครอยากทำให้ถูกต้อง ก็ไปยื่นคำร้องขอป.๓ตามนี้
ความจริงจำนวนตามประกาศนี้ เอาหัวที่ไม่ใช่หัวสมองมาคิดก็คิดได้ว่ามันไม่เวิร์ค เห็นได้ว่าใครยอมถ่อร่างไปขอป.๓ ซื้อกระสุน๑๒นัด คงเป็นพวกโง่ เจ้าหน้าที่เองบอกจะเอากี่กล่องเดี๋ยวให้ร้านให้มอไซมาส่ง
ดังนั้นเพราะประกาศนี้ของมหาดไทย เลยไม่มีใครไปขอป.๓ซื้อกระสุนคราวละ๑๒นัด
แต่ในมุมมองตามแผนของมหาดไทยว่า ดีแล้ว เพราะ"ในหลักการหากไม่มีกระสุนปืนจำหน่าย อาวุธปืนส่วนบุคคล ที่บุคคลทั่วไปครอบครองอยู่ก็จะหมดความหมาย.........."
พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ไม่ได้ให้อำนาจมท.๑เข้าไปยุ่งในเรื่องอาวุธของทหาร เราจึงยังพอมีกระสุนยิงได้บ้าง ไม่งั้นคงต้องลงใต้ดิน :
reload เอง