เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน
พฤศจิกายน 28, 2024, 08:47:40 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: เวบบอร์ดอวป.เป็นเพียงสื่อกลางช่วยให้ผู้ซื้อ และผู้ขาย ได้ติดต่อกันเท่านั้นและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับประโยชน์หรือความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ประกาศหรือแบนเนอร์ในเวบไม่ใช่ตัวบ่งชี้ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพหรือไม่
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจซื้อด้วยตัวเอง
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ยิงเพราะบันดาลโทสะ  (อ่าน 12498 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
thotsaporn
Hero Member
*****

คะแนน 706
ออฟไลน์

กระทู้: 3603


« ตอบ #45 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2012, 07:45:43 PM »

บันดาลโทสะ ตาม ป.อาญา ม.๗๒
"ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงไปในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่า
ที่กฎหมายกำหนด สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้"

ข้อเท็จจริง ตามที่เป็นข่าว เมื่อเราดูจนจบ ผู้กระทำผิด ไม่มีอาวุธ หลังจากตบด่า ตบด่า แล้วก็กลับไป
ที่รถและแยกย้าย

ต้องมองตรงนี้ให้ออก อย่าไปคิดเองเออเองอีกนะครับ เพราะนี่คือข้อเท็จจริง ที่ชัดแจ้งและยุติแล้ว

ผู้กระทำผิด มีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ขอให้ปรียบปรับ อัตราสูงสุด ๕๐๐ บาท คดีจบ
กรณีเช่นนี้ ถึงจะถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป้นธรรม แต่ไม่เข้าถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง

ไม่เข้าบันดาลโทสะ ครับ

แต่เหตุที่ต้องยิง ไปที่ตัวคนนั้น ทั้งที่ไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต และทั้งยังหลีกเลี่ยงได้ ก็แค่ดึงประตูกลับ
ยื้อและล็อค  แต่เราก็ได้เห็ฌน เหตุการณ์ คือนิ่งยอมให้ตบด่า ก็จบเรื่อง

ถ้ายิง จะไม่เข้า ตาม ป.อาญา ม. ๖๗-๖๙ จะโดน ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา หรือพยายามฆ่า
อาวุธปืนศาลจักต้องริบ.


จะเข้าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุได้ จักต้องเริ่มจากป้องกันตัว แต่กระทำเกินกว่าเหตุ
จึงไม่เข้ากระทำเกินกว่าเหตุ

ถ้า เกิดเหตุคล้ายกัน  ถ้าเรายังไม่แน่ใจ ว่าเค้าจะมีอาวุธปืนหรือไม่ หากเราเลือก ยิงขู่ขึ้นฟ้า ข่มมันไว้ก่อน
ด้วยจิตวิทยา ก็เพราะมันคิดว่า อีกคันไม่มีอะไร แม้ว่า ตัวมันเองจะมีปืนก็เถอะ มันถึงกล้ากร่างอย่างนั้น

และถ้ามันรู้ว่า เรามีปืน การยิงขู่ในคือการแสดงตัวว่า เราเอาจริง ถ้ามันหยิบอะไร จากประโปงรถท้ายนั้น
พอให้เข้าใจว่าต้องมีอาวุธปืนให้มันหยิบฉวย ไม่อย่างนั้นจะไว้ท้ายรถทำไม และถ้าเขาหยิบปืน
รายนี้ จักตายฟรี ทันที ครับ  เพราะเข้าเป็นเรื่อง กระทำที่พอสมควรแก่เหตุ ตาม ป.อาญา ม.๖๘

ไม่ใช่เรื่องการวิวาท แต่เริ่มจากเราป้องกันสิทธิ คือปรามก่อน ถ้าจะยิงให้ตายเรายิงได้ก่อน
แต่เราไม่มีเจตนาเช่นนั้น และไม่ได้ท้าทาย.. ถ้าเขาสะดุดคิด ต่างคน- คนไปทุกอย่างก็จบ
และนี่คือครรลอง ที่เรากระทำได้ โดยชอบด้วยกฎหมาย ครับ   เยี่ยม





+ให้ท่าน Ro@d 1 แต้มครับ สำหรับความรู้และวิธีการคิดและตีความแบบกฏหมาย ที่ไม่ใช่แบบใช้ความรู้สึก
 เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม
บันทึกการเข้า
ANKIMBER
Sr. Member
****

คะแนน 60
ออฟไลน์

กระทู้: 592



« ตอบ #46 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2012, 08:59:37 PM »

ยิงขู่ขึ้นฟ้ามันจะหาว่าพยายามฆ่าหรือเปล่า
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #47 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2012, 09:08:12 PM »

ยิงขู่ขึ้นฟ้ามันจะหาว่าพยายามฆ่าหรือเปล่า

ข้อเท็จจริง ตอบตัวมันเองอยู่แล้ว ว่ายิงขู่  ด้วยการยิงขึ้นฟ้า
 
ไม่เข้า เป็นเรื่องพยายามฆ่า ครับ ถ้าจะฆ่าหรือพยายามฆ่า
ย่อมทำได้ก็โดยยิงใส่ ทำได้ แต่ก็ไม่ทำ

นี่คือเหตุผล อยู่ในตัวของมันเอง   แต่ต้องไม่ใช่ยิงใส่ รถเค้านะครับ
แบบนี้ ละโดนพยายามฆ่า ดิ้นไม่หลุดครับ  Grin
บันทึกการเข้า

Jery
Jr. Member
**

คะแนน 3
ออฟไลน์

กระทู้: 26


« ตอบ #48 เมื่อ: ธันวาคม 14, 2012, 09:23:35 PM »

เเปลกนะ ตบหัวเเล้วด่าว่าคุณสัส ยังไม่เข้าบันดาลโทสะ    แบร่
เเถวบ้านผมเเค่มองหน้าก็คงโดนเเล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 14, 2012, 09:37:22 PM โดย Jery » บันทึกการเข้า
naisomchai
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #49 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 10:58:40 AM »

เเปลกนะ ตบหัวเเล้วด่าว่าคุณสัส ยังไม่เข้าบันดาลโทสะ    แบร่
เเถวบ้านผมเเค่มองหน้าก็คงโดนเเล้ว

อย่างนั้นเขาเรียกว่าจิ๊กโก๋ขี้โมโหครับ ไม่ใช่บันดาลโทสะ เพราะคำว่า"บันดาลโทสะ"เป็นถ้อยคำทางกฎหมาย แต่คนทั่วไปไม่รู้ก็จำเอามาใช้แบบผิดความหมาย(ด้วยความไม่รู้)ไงครับ...

แบบเดียวกับคำว่า"ประเคน"หมายถึงถวายของให้พระ... แต่จิ๊กโก๋มันไม่รู้เรื่อง มันขี้โหฯ(ฮา) ก็ประเคนเปรี้ยงใส่มันมั่งซิครับ รับรองจุกแน่ เพราะโดน"ประเคน"(อันนี้ความหมายประชดประชัน)เข้าให้ด้วยลูกหัวบอล 230 เกรนความเร็วต้น 830 ฟุต/วินาที... จ๊ากซ์...
บันทึกการเข้า
ครูต้น (Orchid) - รักในหลวง
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 21
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 136



« ตอบ #50 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 06:19:32 PM »

+ให้พี่ Ro@d - รักในหลวง ครับ

        ผมมีข้อสงสัยครับพี่  Ro@d กรณีเรายิงขู่ แทนที่คู่กรณีจะถอย แต่กลับหันไปหยิบอาวุธปืนมายิงใส่เรา เราก็โดนยิงสวนแย่สิครับ
บันทึกการเข้า
บ่าวสกลคนโก้
ชาว อวป.
Full Member
****

คะแนน 54
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 375


ชีวิตเลือกเกิดไม่ได้


เว็บไซต์
« ตอบ #51 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 06:40:39 PM »

กลับเข้าเว็บอีกในรอบ 1 ปีกว่า ก็มีความรู้ดีๆเก็บไว้ในเมมโมรี่อีกเช่นเคย ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า


"เพิ่มค่าตัวเราด้วยวัตถุ นานวันก็สิ้นค่า...
แต่เพิ่มค่าตัวเราด้วยความดี จะไม่มีวันสิ้นค่าในใจคน..."
หนึ่งนัด หนึ่งชีวิต
Jr. Member
**

คะแนน 43
ออฟไลน์

กระทู้: 85



« ตอบ #52 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 07:08:14 PM »

ลอกเขามา
หลักเกณฑ์ของการ ป้องกันตัว โดยชอบ ด้วยกฎหมาย

๑.    มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย นั่นคือ ภยันตรายที่เกิดขึ้นนั้นผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมายจะทำได้ หากผู้ก่อภัยนั้นมีอำนาจทำได้โดยชอบ ท่านก็ไม่มีสิทธิจะป้องกัน เช่น เมื่อท่านทำผิดกฎหมายและตำรวจจะเข้ามาจับท่าน ท่านจะอ้างว่ามีภยันตรายเกิดขึ้น และขอป้องกันด้วยการกระทืบตำรวจที่มาจับไม่ได้ หรือท่านไปหาเรื่องทำร้ายชกต่อยคนอื่นเขา พอเข้าเกิดฮึดสู้ขึ้นมาเอาคืนบ้าง ท่านก็เลยถือโอกาสว่ามีภยันตรายเกิดขึ้นแล้ว เลยใส่สารพัด (ทั้งบาจา ไนกี้ คอมแบท ฯลฯ) แล้วอ้างว่าที่ยำ…เอ้ย..ทำไปเพราะป้องกันตนเองจากการฮึดสู้ของมัน อย่างนี้ ไม่ได้เลยนะครับ…ท่านจะมีสิทธิป้องกันก็ต่อเมื่อภยันตรายที่เกิดนั้น ท่านไม่ได้เป็นผู้ก่อขึ้น และเป็นภยันตรายจากการกระทำผิดกฎหมาย อีกทั้งผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะกระทำเช่นนั้นต่อท่านได้ ….เอ้า…ดูกรณีตัวอย่างจากคำพิพากษาฎีกาสักเล็กน้อย

คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๖๑/๒๕๒๘ น. ๖๗๔ การวิวาทหมายถึงการสมัครใจเข้า

ต่อสู้ทำร้ายกันหากฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำแก่อีกฝ่ายหนึ่งจะกระทำโต้ตอบกลับไปโดยอ้างป้องกันมิได้ เพราะตนมีส่วนผิดในการที่สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กันเสียแล้ว

๒. ภยันตรายนั้น ใกล้จะถึง แม้ท่านจะมีภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายเกิดขึ้น

ตามข้อ ๑ แล้วก็ตาม ก็อย่าเพิ่งนอนใจว่าท่านจะมีสิทธิป้องกันได้ กล่าวคือท่านจะมีสิทธิ ป้องกันตัว ได้ต่อเมื่อภยันตรายนั้น เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง คือภัยที่เกิดขึ้นกระชั้นชิดถึงขนาดที่ไม่มีหนทางอื่นที่จะขจัดปัดเป่าภัยนั้นได้ นอกจากการป้องกันตัวเอง  เช่น ท่านถูกจี้ชิงทรัพย์บนสะพานลอยแสนเปลี่ยวไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แถวนั้น ท่านย่อมสามารถป้องกันตนเอง(ป้องกันตัว)ได้ แต่ถ้าท่านกำลังเดิน ๆ อยู่ เห็นคนไม่น่าไว้ใจเดินสวนมา คิดในใจว่าเขาต้องมาจี้เอาทรัพย์จากท่านแน่ ๆ ท่านเลยเข้าไปตื้บเขาเสียก่อน เช่นนี้ ท่านจะอ้างป้องกันตนไม่ได้ เพราะแม้เขาจะมีเจตนามาชิงทรัพย์ท่านจริง ๆ แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรท่านเลยแค่เดินอยู่เฉย ๆ จึงถือว่าภยันตรายนั้นยังไม่ใกล้จะถึง ท่านควรรีบแจ้งตำรวจให้จับเขาแทนที่จะลงมือเสียเอง หรือเขาชิงทรัพย์ไปจากท่านแล้ว หนีไปจนพ้นกลับไปกินข้าวกับเมียแล้ว ท่านจะติดตามไปเจอ ท่านก็ต้องเรียกตำรวจจับ จะจัดการเสียเอง โดยอ้างป้องกันไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะภัยตรายนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่ใช่ภยันตรายที่ใกล้จะถึงอีกเช่นกัน

๓. ผู้กระทำจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน  ให้พ้นจากภยันตรายนั้น   อันนี้

ไม่ยากอะไร  เมื่อมีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายกันใกล้จะถึงดังที่กล่าวตามข้อ ๑ และ ๒ แล้ว ท่านก็สามารถป้องกันตนเองได้ ตามแต่สถานการณ์ อันนี้ผู้เขียนสอนไม่ได้ ท่านผู้อ่านต้องหาความรู้เอาเอง จากบรรดาครูมวยต่าง ๆ     หรือจะใช้เครื่องทุ่นแรงก็ได้ไม่ว่ากัน จะเป็นมีด ไม้หน้าสาม สเปรย์พริกไทย หรือสากกะเบือ ฯลฯ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การป้องกันดังกล่าวต้องทำไปพอสมควรแก่เหตุ อย่างไรจะถือว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามมาดูข้อ ๔…

                        ๔.     การกระทำ ป้องกันตัว ตามสมควรแก่เหตุ  ก็คือ  แม้กฎหมายจะให้สิทธิแก่ประชา ชนผู้ประสบอันตรายป้องกันตนเองได้   แต่ก็ไม่ได้ให้เสียจนหาขอบเขตไม่ได้  จนกลายเป็นการป้อง กันผสมกับความโกรธแค้น บันดาลโทสะ หรือสะใจ เช่น ท่านกำลังเดินอยู่บนสะพานลอย มีคนขี้ยาคนหนึ่งเอามีดมาจี้เอวท่าน  ขู่เข็ญให้ท่านส่งทรัพย์ให้   โอเค…ตามกรณีนี้ท่านมีสิทธิป้องกันตนเองได้ เพราะมีภยันตรายอันเกิดจากการละเมิดกฎหมาย  เป็นภยันตรายที่กระชั้นชิดแล้ว เอาละครับ ! ตอนนี้ท่านมีสิทธิที่จะใส่มันได้อย่างเต็มที่เลย  ตุ่บ…. พลั่ก….พลั่ก…โป๊ก…โป๊ก…เอ๋ง…หลังจากที่ท่านใส่มันจนหมอบแทบเท้าท่านแล้ว  อย่า !  ซ้ำเป็นอันขาด เพราะทันทีที่ไอ้เลวนั่น  มันหมอบหรือหนีไปแล้ว ถือว่าภยันตรายนั้น  ได้ผ่านไปแล้ว  ท่านต้องเรียกตำรวจมาดำเนินการต่อ  มิฉะนั้น การป้องกันของท่านจะกลายเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จนท่านอาจต้องเข้าไปอยู่ในตะรางเป็นเพื่อนมันก็ได้ ( หากท่านตื้บซ้ำจนมันตาย แม้ท่านจะคิดว่าไอ้....นี่มันสมควรตายก็ตาม  ท่านจงเก็บความแค้นนั้นไว้ ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมายที่จะดำเนินการกับมัน อะ..มิต…ตะ…พุดดดด…. เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรนะโยม)

อาจมีบางท่านสงสัยว่า กรณีที่ท่านไม่เป็นมวย แต่มีเครื่องทุ่นแรง ท่านจะใช้มันได้ขนาดไหนเพียงไรนั้น เรื่องนี้  มีทฤษฎีที่สำคัญ 2 ทฤษฎีคือ

1.      ทฤษฎีส่วนสั.. คือต้องพิจารณาว่าอันตรายที่จะพึงเกิดขึ้นถ้าหากจะไม่ป้องกัน จะได้ส่วนสั..กับอันตรายที่ผู้กระทำได้กระทำเนื่องจากการป้องกันนั้นหรือไม่ เช่น มีคนมาตบหน้าท่าน ท่านจะใช้มีดแทงเขาตายไม่ได้ เพราะความเจ็บเนื่องจากการถูกตบหน้า เมื่อมาเทียบกับความตายแล้ว ไม่ได้ส่วนสั..กัน ดังนั้น การเอามีดแทงเขาตายนี้ เป็นการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ ผู้กระทำไม่มีอำนาจกระทำได้

2.      ทฤษฎีวีถีทางน้อยที่สุด ตามทฤษฎีนี้ถือว่าถ้าผู้กระทำได้ใช้วิถีทางน้อยที่สุดที่จะทำให้เกิดอันตราย ก็ถือว่าผู้กระทำได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว เช่น  ก. เป็นง่อยไปไหนไม่ได้  ข. จึงเขกศรีษะ ก. เล่นโดยเห็นว่า ก. ไม่มีทางกระทำตอบแทนได้เลย นาย ก. ห้ามปรามเท่าใด  ข. ก็ไม่เชื่อฟัง ถ้าการที่ ก. จะป้องกันมิให้ ข. เขกศรีษะทีวิธีเดียวคือใช้มีดแทง ข. ต้องถือว่าการที่ ก. ใช้มีดแทงนี้เป็นการกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ เพราะเป็นวิถีทางน้อยที่สุดที่จะป้องกันได้

แล้วท่านอาจสงสัยว่า   ความเห็นตามทฤษฎีที่ไม่ตรงกันนี้      ท่านควรยึดถือตาม

ทฤษฎีไหน ผู้เขียนขอตอบว่า ไม่รู้…แล้วแต่ดวงละกัน…เพราะผู้เขียนไม่อาจไปรู้ใจศาลท่านได้ว่าท่านจะยึดตามทฤษฎีไหน การพิจารณาว่าการกระทำแค่ไหนเป็นการสมควรแก่เหตุนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลท่าน ผู้เขียนบอกได้แต่เพียงว่า อย่า !!! ซ้ำ อย่า !!! ทำ เพราะความโกรธแค้น รับรองว่าศาลท่านปราณีแน่นอน

แต่ถ้าท่านพลั้งมือเล่นมันหนักเกินไป หรือเผลอซ้ำไปแล้วล่ะ ทำไงดี อันนี้ผู้เขียนก็

แนะนำได้แต่เพียงว่าถ้าที่ท่านทำไปนั้น ปราศจากความแค้นส่วนตัว แต่เป็นการพลั้งมือ การกระทำของท่านย่อมเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เท่าใดก็ได้ แต่ถ้าการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุนั้น เกิดขึ้นเพราะความตื่นเต้น ตกใจ หรือความกลัว ศาลจะไม่ลงโทษเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามแม้ท่านผู้อ่านจะมีสิทธิป้องกันตนเองก็ตาม    ผู้เขียนก็เห็นว่ากรณีที่

ควรป้องกันก็คือท่านอยู่ในฐานะเป็นต่อไอ้พวกมารสังคมอย่างมากชนิด เซียนมวยให้ ๑ ต่อ ๑๐  เช่น มันมามือเปล่า ท่านมีมีด หรือมันมีมีด ท่านมีปืน มันมีคนเดียวสองเท้า ท่านมี ๕ คน ๑๐ เท้า จึงอาจน่าจะเสี่ยงป้องกันดู หากไม่เช่นนั้นแล้ว ท่านอย่าฝืนป้องกัน ให้ยอม ๆ ไปเถอะ ทรัพย์สินนอกกายหาใหม่ได้ แต่แขนขาของท่าน ถ้าขาดหายไปหรือโดนเสียบจนพรุนแล้ว   คงหาใหม่ได้ยาก

                                        ขอขอบคุณ ข้อมูลการ ป้องกันตัว จาก "สภาทนายความ"
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #53 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 07:11:25 PM »

+ให้พี่ Ro@d - รักในหลวง ครับ

        ผมมีข้อสงสัยครับพี่  Ro@d กรณีเรายิงขู่ แทนที่คู่กรณีจะถอย แต่กลับหันไปหยิบอาวุธปืนมายิงใส่เรา เราก็โดนยิงสวนแย่สิครับ


กรณี ตามกระทู้ เราเป็นฝ่ายถูกหาเรื่องก่อน และอาการของ คู่กรณีฝ่ายที่ก่อเหตุ อาจทำร้ายเราได้
เพื่อยับยั้งไม่ให้ เขาก่อเหตุร้ายกับเรา เรายิงปืนเพื่อขู่ หรือขับไล่ เหตุอันเกิดจากเขากำลังจะก่อ
เราไม่ได้เป็นฝ่ายหาเรื่องวิวาท

และเขาจะอยู่ในสายตาเราตลอดเวลา..  เมื่อเขานำอาวุธปืนออกมา พฤติการณ์ พอห้เข้าใจได้ว่า
เพื่อหวังจะใช้อ่าวุธปืน ยิงประทุษร้ายเราแล้ว อันเป็นภยันตราย ที่ใกล้จะถึง เรามีสิทธิยิงเพื่อป้องกันตัว
ตาม อ.อาญา ม.๖๘

กลับกัน มีคดีเกิดขึ้นจริง เมื่อสัก ๑๕ ปี +/-
ขับรถสวนทางในซอแคบ ไม่ยอมหลีกทางให้กัน ดร. ยิง ๔๕ ขึ้นฟ้าขู่  ร.ต.อ.กลับไปหยิบ .๓๕๗
มายิงใส่ แบบนี้ ศาลพิพากษา ลงโทษจำคุกฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ไม่ใช่การป้องกันตัว

เพราะ ดร. แสดงอาวุธปืนด้วยการยิงขึ้นฟ้า ก็เพื่อขู่ไม่ให้อีกฝ่ายก้าวร้าวต่อ
ไม่ใช่เจตนาที่จะยิงทำร้ายจนถึงชีวิต ไม่ใช้ภันตรายที่ใกล้จะถึง
เมื่อ ร.ต.อ.ใช้ ปืนยิงใส่จนตาย จึงไม่ใช่การป้องกันตัว เป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา   หัวเราะร่าน้ำตาริน


บันทึกการเข้า

ห ม า ย จั น ท ร์
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 563
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6222



« ตอบ #54 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 07:17:33 PM »

ดู ๆ ไปชักมาเมื่อไหร่เรื่องราวในชีวิตก็จะวุ่นวายมากขึ้น ๆ เศร้า
บันทึกการเข้า

storm_54321
Hero Member
*****

คะแนน 142
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2282


รักในหลวง


« ตอบ #55 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 07:26:11 PM »

ขอบคุณ พี่ Ro@d ครับ

คนเรามีปืนแล้วควรใจเย็นให้มากๆด้วยครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า

อยากให้โลกมีแต่สันติสุข
TA881
Hero Member
*****

คะแนน 156
ออฟไลน์

กระทู้: 1480



« ตอบ #56 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 08:11:40 PM »

ยิงขู่ขึ้นฟ้ามันจะหาว่าพยายามฆ่าหรือเปล่า

ข้อเท็จจริง ตอบตัวมันเองอยู่แล้ว ว่ายิงขู่  ด้วยการยิงขึ้นฟ้า
 
ไม่เข้า เป็นเรื่องพยายามฆ่า ครับ ถ้าจะฆ่าหรือพยายามฆ่า
ย่อมทำได้ก็โดยยิงใส่ ทำได้ แต่ก็ไม่ทำ

นี่คือเหตุผล อยู่ในตัวของมันเอง   แต่ต้องไม่ใช่ยิงใส่ รถเค้านะครับ
แบบนี้ ละโดนพยายามฆ่า ดิ้นไม่หลุดครับ  Grin

พี่ครับ  ยิ่งขึ้นฟ้าก็กลัวมันจะไปตกบ้านใครอีก อีกอย่างจะมีหลักฐานว่าเรายิงขู่หรือไม่ครับ
เรายิงลงพื้นหรือกำแพง ได้หรือไม่ครับ 
บันทึกการเข้า
PRIVACY
I don't want to survive, I want to live
Full Member
***

คะแนน 36
ออฟไลน์

กระทู้: 400


"Knowledge speaks, but wisdom listens."


« ตอบ #57 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 08:45:54 PM »

ขอถามบ้างนะครับ... ท่าน Ro@d

หลังจากยิงขู่ขึ้นฟ้า ถ้าอีกฝ่ายไปแจ้งความว่าเราพยายามฆ่า ก็สู้กันไปตามเรื่องราวพยานหลักฐาน แต่ที่สงสัยก็คือทางฝ่ายที่ยิงขู่ขึ้นฟ้านั้นจะโดนข้อหาพกพาและยิงปืนในที่สาธารณะพ่วงไปด้วยหรือไม่ครับ?
บันทึกการเข้า
juicymanz
Full Member
***

คะแนน 26
ออฟไลน์

กระทู้: 211



« ตอบ #58 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 10:04:14 PM »

ลอกเขามา
หลักเกณฑ์ของการ ป้องกันตัว โดยชอบ ด้วยกฎหมาย

๑.    มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย นั่นคือ ภยันตรายที่เกิดขึ้นนั้นผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมายจะทำได้ หากผู้ก่อภัยนั้นมีอำนาจทำได้โดยชอบ ท่านก็ไม่มีสิทธิจะป้องกัน เช่น เมื่อท่านทำผิดกฎหมายและตำรวจจะเข้ามาจับท่าน ท่านจะอ้างว่ามีภยันตรายเกิดขึ้น และขอป้องกันด้วยการกระทืบตำรวจที่มาจับไม่ได้ หรือท่านไปหาเรื่องทำร้ายชกต่อยคนอื่นเขา พอเข้าเกิดฮึดสู้ขึ้นมาเอาคืนบ้าง ท่านก็เลยถือโอกาสว่ามีภยันตรายเกิดขึ้นแล้ว เลยใส่สารพัด (ทั้งบาจา ไนกี้ คอมแบท ฯลฯ) แล้วอ้างว่าที่ยำ…เอ้ย..ทำไปเพราะป้องกันตนเองจากการฮึดสู้ของมัน อย่างนี้ ไม่ได้เลยนะครับ…ท่านจะมีสิทธิป้องกันก็ต่อเมื่อภยันตรายที่เกิดนั้น ท่านไม่ได้เป็นผู้ก่อขึ้น และเป็นภยันตรายจากการกระทำผิดกฎหมาย อีกทั้งผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะกระทำเช่นนั้นต่อท่านได้ ….เอ้า…ดูกรณีตัวอย่างจากคำพิพากษาฎีกาสักเล็กน้อย

คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๙๖๑/๒๕๒๘ น. ๖๗๔ การวิวาทหมายถึงการสมัครใจเข้า

ต่อสู้ทำร้ายกันหากฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำแก่อีกฝ่ายหนึ่งจะกระทำโต้ตอบกลับไปโดยอ้างป้องกันมิได้ เพราะตนมีส่วนผิดในการที่สมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กันเสียแล้ว

๒. ภยันตรายนั้น ใกล้จะถึง แม้ท่านจะมีภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายเกิดขึ้น

ตามข้อ ๑ แล้วก็ตาม ก็อย่าเพิ่งนอนใจว่าท่านจะมีสิทธิป้องกันได้ กล่าวคือท่านจะมีสิทธิ ป้องกันตัว ได้ต่อเมื่อภยันตรายนั้น เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง คือภัยที่เกิดขึ้นกระชั้นชิดถึงขนาดที่ไม่มีหนทางอื่นที่จะขจัดปัดเป่าภัยนั้นได้ นอกจากการป้องกันตัวเอง  เช่น ท่านถูกจี้ชิงทรัพย์บนสะพานลอยแสนเปลี่ยวไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่แถวนั้น ท่านย่อมสามารถป้องกันตนเอง(ป้องกันตัว)ได้ แต่ถ้าท่านกำลังเดิน ๆ อยู่ เห็นคนไม่น่าไว้ใจเดินสวนมา คิดในใจว่าเขาต้องมาจี้เอาทรัพย์จากท่านแน่ ๆ ท่านเลยเข้าไปตื้บเขาเสียก่อน เช่นนี้ ท่านจะอ้างป้องกันตนไม่ได้ เพราะแม้เขาจะมีเจตนามาชิงทรัพย์ท่านจริง ๆ แต่เขายังไม่ได้ทำอะไรท่านเลยแค่เดินอยู่เฉย ๆ จึงถือว่าภยันตรายนั้นยังไม่ใกล้จะถึง ท่านควรรีบแจ้งตำรวจให้จับเขาแทนที่จะลงมือเสียเอง หรือเขาชิงทรัพย์ไปจากท่านแล้ว หนีไปจนพ้นกลับไปกินข้าวกับเมียแล้ว ท่านจะติดตามไปเจอ ท่านก็ต้องเรียกตำรวจจับ จะจัดการเสียเอง โดยอ้างป้องกันไม่ได้อีกเช่นกัน เพราะภัยตรายนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ไม่ใช่ภยันตรายที่ใกล้จะถึงอีกเช่นกัน

๓. ผู้กระทำจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน  ให้พ้นจากภยันตรายนั้น   อันนี้

ไม่ยากอะไร  เมื่อมีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายกันใกล้จะถึงดังที่กล่าวตามข้อ ๑ และ ๒ แล้ว ท่านก็สามารถป้องกันตนเองได้ ตามแต่สถานการณ์ อันนี้ผู้เขียนสอนไม่ได้ ท่านผู้อ่านต้องหาความรู้เอาเอง จากบรรดาครูมวยต่าง ๆ     หรือจะใช้เครื่องทุ่นแรงก็ได้ไม่ว่ากัน จะเป็นมีด ไม้หน้าสาม สเปรย์พริกไทย หรือสากกะเบือ ฯลฯ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การป้องกันดังกล่าวต้องทำไปพอสมควรแก่เหตุ อย่างไรจะถือว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุตามมาดูข้อ ๔…

                        ๔.     การกระทำ ป้องกันตัว ตามสมควรแก่เหตุ  ก็คือ  แม้กฎหมายจะให้สิทธิแก่ประชา ชนผู้ประสบอันตรายป้องกันตนเองได้   แต่ก็ไม่ได้ให้เสียจนหาขอบเขตไม่ได้  จนกลายเป็นการป้อง กันผสมกับความโกรธแค้น บันดาลโทสะ หรือสะใจ เช่น ท่านกำลังเดินอยู่บนสะพานลอย มีคนขี้ยาคนหนึ่งเอามีดมาจี้เอวท่าน  ขู่เข็ญให้ท่านส่งทรัพย์ให้   โอเค…ตามกรณีนี้ท่านมีสิทธิป้องกันตนเองได้ เพราะมีภยันตรายอันเกิดจากการละเมิดกฎหมาย  เป็นภยันตรายที่กระชั้นชิดแล้ว เอาละครับ ! ตอนนี้ท่านมีสิทธิที่จะใส่มันได้อย่างเต็มที่เลย  ตุ่บ…. พลั่ก….พลั่ก…โป๊ก…โป๊ก…เอ๋ง…หลังจากที่ท่านใส่มันจนหมอบแทบเท้าท่านแล้ว  อย่า !  ซ้ำเป็นอันขาด เพราะทันทีที่ไอ้เลวนั่น  มันหมอบหรือหนีไปแล้ว ถือว่าภยันตรายนั้น  ได้ผ่านไปแล้ว  ท่านต้องเรียกตำรวจมาดำเนินการต่อ  มิฉะนั้น การป้องกันของท่านจะกลายเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จนท่านอาจต้องเข้าไปอยู่ในตะรางเป็นเพื่อนมันก็ได้ ( หากท่านตื้บซ้ำจนมันตาย แม้ท่านจะคิดว่าไอ้....นี่มันสมควรตายก็ตาม  ท่านจงเก็บความแค้นนั้นไว้ ปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมายที่จะดำเนินการกับมัน อะ..มิต…ตะ…พุดดดด…. เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรนะโยม)

อาจมีบางท่านสงสัยว่า กรณีที่ท่านไม่เป็นมวย แต่มีเครื่องทุ่นแรง ท่านจะใช้มันได้ขนาดไหนเพียงไรนั้น เรื่องนี้  มีทฤษฎีที่สำคัญ 2 ทฤษฎีคือ

1.      ทฤษฎีส่วนสั.. คือต้องพิจารณาว่าอันตรายที่จะพึงเกิดขึ้นถ้าหากจะไม่ป้องกัน จะได้ส่วนสั..กับอันตรายที่ผู้กระทำได้กระทำเนื่องจากการป้องกันนั้นหรือไม่ เช่น มีคนมาตบหน้าท่าน ท่านจะใช้มีดแทงเขาตายไม่ได้ เพราะความเจ็บเนื่องจากการถูกตบหน้า เมื่อมาเทียบกับความตายแล้ว ไม่ได้ส่วนสั..กัน ดังนั้น การเอามีดแทงเขาตายนี้ เป็นการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุ ผู้กระทำไม่มีอำนาจกระทำได้

2.      ทฤษฎีวีถีทางน้อยที่สุด ตามทฤษฎีนี้ถือว่าถ้าผู้กระทำได้ใช้วิถีทางน้อยที่สุดที่จะทำให้เกิดอันตราย ก็ถือว่าผู้กระทำได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว เช่น  ก. เป็นง่อยไปไหนไม่ได้  ข. จึงเขกศรีษะ ก. เล่นโดยเห็นว่า ก. ไม่มีทางกระทำตอบแทนได้เลย นาย ก. ห้ามปรามเท่าใด  ข. ก็ไม่เชื่อฟัง ถ้าการที่ ก. จะป้องกันมิให้ ข. เขกศรีษะทีวิธีเดียวคือใช้มีดแทง ข. ต้องถือว่าการที่ ก. ใช้มีดแทงนี้เป็นการกระทำไปพอสมควรแก่เหตุ เพราะเป็นวิถีทางน้อยที่สุดที่จะป้องกันได้

แล้วท่านอาจสงสัยว่า   ความเห็นตามทฤษฎีที่ไม่ตรงกันนี้      ท่านควรยึดถือตาม

ทฤษฎีไหน ผู้เขียนขอตอบว่า ไม่รู้…แล้วแต่ดวงละกัน…เพราะผู้เขียนไม่อาจไปรู้ใจศาลท่านได้ว่าท่านจะยึดตามทฤษฎีไหน การพิจารณาว่าการกระทำแค่ไหนเป็นการสมควรแก่เหตุนั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลท่าน ผู้เขียนบอกได้แต่เพียงว่า อย่า !!! ซ้ำ อย่า !!! ทำ เพราะความโกรธแค้น รับรองว่าศาลท่านปราณีแน่นอน

แต่ถ้าท่านพลั้งมือเล่นมันหนักเกินไป หรือเผลอซ้ำไปแล้วล่ะ ทำไงดี อันนี้ผู้เขียนก็

แนะนำได้แต่เพียงว่าถ้าที่ท่านทำไปนั้น ปราศจากความแค้นส่วนตัว แต่เป็นการพลั้งมือ การกระทำของท่านย่อมเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เท่าใดก็ได้ แต่ถ้าการกระทำไปเกินสมควรแก่เหตุนั้น เกิดขึ้นเพราะความตื่นเต้น ตกใจ หรือความกลัว ศาลจะไม่ลงโทษเลยก็ได้

อย่างไรก็ตามแม้ท่านผู้อ่านจะมีสิทธิป้องกันตนเองก็ตาม    ผู้เขียนก็เห็นว่ากรณีที่

ควรป้องกันก็คือท่านอยู่ในฐานะเป็นต่อไอ้พวกมารสังคมอย่างมากชนิด เซียนมวยให้ ๑ ต่อ ๑๐  เช่น มันมามือเปล่า ท่านมีมีด หรือมันมีมีด ท่านมีปืน มันมีคนเดียวสองเท้า ท่านมี ๕ คน ๑๐ เท้า จึงอาจน่าจะเสี่ยงป้องกันดู หากไม่เช่นนั้นแล้ว ท่านอย่าฝืนป้องกัน ให้ยอม ๆ ไปเถอะ ทรัพย์สินนอกกายหาใหม่ได้ แต่แขนขาของท่าน ถ้าขาดหายไปหรือโดนเสียบจนพรุนแล้ว   คงหาใหม่ได้ยาก

                                        ขอขอบคุณ ข้อมูลการ ป้องกันตัว จาก "สภาทนายความ"
.  +15 ครับ อ่านจบกระจ่างเพิ่มขึ้นครับ
บันทึกการเข้า
Ro@d - รักในหลวง
รักเธอ.. ประเทศไทย
ชาว อวป.
Hero Member
****

คะแนน 4088
ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 20186


1 คัน 1 ชีวิตที่อิสระ มี G23 กาแฟอีก 1 เป็นเพื่อน


« ตอบ #59 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 10:37:06 PM »

ยิงขู่ขึ้นฟ้ามันจะหาว่าพยายามฆ่าหรือเปล่า

ข้อเท็จจริง ตอบตัวมันเองอยู่แล้ว ว่ายิงขู่  ด้วยการยิงขึ้นฟ้า
 
ไม่เข้า เป็นเรื่องพยายามฆ่า ครับ ถ้าจะฆ่าหรือพยายามฆ่า
ย่อมทำได้ก็โดยยิงใส่ ทำได้ แต่ก็ไม่ทำ

นี่คือเหตุผล อยู่ในตัวของมันเอง   แต่ต้องไม่ใช่ยิงใส่ รถเค้านะครับ
แบบนี้ ละโดนพยายามฆ่า ดิ้นไม่หลุดครับ  Grin

พี่ครับ  ยิ่งขึ้นฟ้าก็กลัวมันจะไปตกบ้านใครอีก อีกอย่างจะมีหลักฐานว่าเรายิงขู่หรือไม่ครับ
เรายิงลงพื้นหรือกำแพง ได้หรือไม่ครับ 

การยิงปืนขึ้นฟ้า ขอให้ยิง ในแนว ๙๐ องศา เราไม่ได้ยิงเล่น แต่หากมีความจำเป็น ก็ต้องยิง ครับ
อยากจะให้ยิงลงพื้น เหมือนกัน พื้นคอนกรีต กระสุนอาจแฉลบ แต่ถ้ายิงได้ จะได้หลักฐานอย่างดี

ทั้งนี้ ขอให้ดูพฤติการณ์ ของคู่กรณีให้ดี  อย่างกรณีตามกระทู้ มาเบียดปิดทางอย่างนี้ ปรกติคนดี
ถ้าไม่ใช่อันธพาล จะไมทำกัน อัดอั้นอย่างมากก็ตะโกน ด่าให้ตัวเองได้ยิน หรือชูนิ้วอวด ก็น่าจะจบแล้ว ครับ Cheesy
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.4 | SMF © 2011, Simple Machines Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.084 วินาที กับ 22 คำสั่ง