เผื่อท่านที่ยังไม่ทราบ(เก็บตกมาครับ)

การเรียกขนากกระสุน เรียกได้สองมาตราครับ คือ เมตรตริก เป็น มม. เป็น ซม. เป็น กก.
และ มาตราอังกฤษ เป็น นิ้ว เป็นออนซ์ เป็นปอนด์

สมัยก่อน เมื่อมีการผลิตอาวุธ ก้ต่างคนต่างทำ...........ก็ค้นคว้าและออกแบบ ทั้งปืนทั้งกระสุนกันขึ้นมาเอง........ถ้าศึกษาข้อมูลย้อนหลังไป ปืนและกระสุนขนาดต่างๆ ได้เลิกผลิตไปนานแล้ว เช่น .36 .455 ฯลฯ

ทีนี้ปืนและกระสุนที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งขนาดเก่าๆที่ใช้กันมาเป็นร้อยปีแล้ว หรือพึ่งได้รับการออกแบใหม่ๆ..........ผู้ออกแบหรือประเทศที่ออกแบ เลยกำหนดชื่อเรียกให้แตกต่าง เพื่อสะดวกในการแยกแยะกระสุนให้ชัดเจน...........

เช่น กระสุน ขนาด .38 ดั้งเดิม ออกแบบมา เป็น กระสุนที่มีความยาวปลอกสั้นๆ เช่น .38 colt .38 S&W ...........ต่อมา เห็นว่า ขนาด .38 เป็นหน้าตัดกระสุนที่เหมาะสมในการใช้งาน แต่น่าจะแรงกว่านี้ เลยออกแบบ กระสุน .38 สเปเชี่ยล ซึ่งมีปลอกยาวกว่าเดิมเยอะ แล้วใส่คำว่าสเปชี่ยลเข้าไป เพื่อให้ผู้ใช้ แยกแยะแบบของกระสุนที่สามารถใช้กับปืนของตัวเองได้................และเมื่อสมัยก่อน การวัดขนาดไม่ละเอียดมากเหมือนสมัยใหม่ กระสุนขนาด .38 จริงๆ มีหน้าตัด เท่ากับ .357 นิ้ว..............ต่อมา เห็นว่า กระสุน .38 สเปเชี่ยลไม่แรงพอ น่าจะแรงมากกว่านี้................เลยเอากระสุน .38 สเปเชี่ยลมายืดปลอกให้ยาวขึ้นอีก ใส่ดินปืนมากขึ้นอีก จนได้ความแรงตามที่ต้องการ แต่ปัญหาตามมาคือ ปืน .38 สเปเชี่ยลเดิม ไม่สามารถทนแรงดันกระสุน.38 ใหม่นี้ได้ จึงออกแบ ปืน .38 รุ่นใหม่ ให้มีความแข็งแรงของรังเพลิง ให้สามารถรับแรงดันกระสุนรุ่นใหม่ได้...............แต่เพื่อมิให้ผู้ใช้ ที่มีปืน.38 เดิม นำกระสุนใหม่ที่แรงๆนี้ไปใช้ เลย ตั้งชื่อกระสุนใหม่นี้ว่า .357 magnum (ตามขนาดหน้าตัดจริงๆ) และ ปืนก็แยกชื่อเรียกเป็น .357 magnum ............และด้วยความที่ยืดปลอกเดิมของ กระสุน .38 สเปเชี่ยลออกไปอีก ทำให้ ไม่สามารถบรรจุกระสุน .357 ลงในโม่ปืน .38 ได้...............แต่ปืน.357 ในรังเพลิงย่อมยาวกว่า .38 อยู่แล้ว จึงสามารถใส่กระสุน.38 ยิงได้

จริงๆแล้ว การกำหนดขนาดปืน...............เขากำหนดที่กว้างปากลำกล้องหรือ เส้นผ่าศูนย์กลางภายในลำกล้องครับ โดยวัดระยะห่างจากสันเกลียวลำกล้องที่อยู่ตรงข้ามกัน................ดังนั้นกระสุนที่จะใช้กับปืนขนาดนั้น เส้นผ่าศูนยืกลางของกระสุน จะเล้กกว่าขนาดลำกล้องนิดหนึ่ง.............ไม่อย่างนั้น กระสุนจะวิ่งผ่านลำกล้องไปได้อย่างไร...............

และการกำหนดหน่วยเรียกกว้างปากลำกล้อง.............ก้แล้วแต่ ผู้ออกแบบจะเรียกโดยประกอบกับเหตุผลต่างๆ เช่น กระสุนปืนไรเฟิลขนาด .30-60 .30 คือหน้าตัดขนาด .30 นิ้ว แต่เข้าใช้งานในกองทัพสหรัฐปี 1860 เลยเอาท้าย ค.ศ. มาใส่ เพื่อให้แยกแยะได้ถูก หรือ กระสุนปืนพกรุ่นเก่า ขนาด .44-40 ก้คือหน้าตัด .44 นิ้ว แต่ใช้ดินดำหนัก 40 เกรน.................

ขอสังเกตุ ..............ในปัจจุบันการเรียกขนาดปืนหรือขนาดกระสุน ในระบบสากล มักจะแยก เรียกมาตราออก อย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ 100% โดยขนาดกระสุนที่ใช้ทางทหาร มักจะกำหนดขนาดเป็น มาตราเมตริก กระสุนที่ใช้ทางพาณิชย์(ขายชาวบ้าน) มักจะกำหนดเป็นมาตราอังกฤษ เช่น กระสุนปืน M16 ทางทหารเรียก 5.56 มม. แต่ทางพาณิชย์เรียก .223 เรมิงตัน................กระสุนขนาก .308 วินฯทางพาณิชย์ ทางทหารเรียก 7.62x51มม. หรือ 7.62 นาโต้..............แต่อย่างที่กล่าว ก้ไม่แยกมาตราออกแบบ 100% เช่น ปืนใหญ่เรือ มักจะกำหนดเป็นนิ้ว แต่บางทีก็เป็นมม. และ ปืนขนาด .45 ทางกองทัพสหรัฐที่เป็นต้นแบบก็ยังเรียกขนาด .45 ไม่ยักเรียกขนาด 11 มม. (มีกองทัพไทยที่เรียก 11 มม.)....................หรือกระสุนขนาด 9 มม. ทางพาณิชย์ก็เรียก 9 มม. เหมือนกับทางทหาร เพราะ กระสุน 9 มม. ออกแบมาครั้งแรกโดยคนอเมริกัน แต่ออกแบบให้เยอรมันๆเลยกำหนดมาตราเป็น มม. พอ มีการออกแบบ กระสุน 9 มม. แบบอื่นๆออกมาอีก เลยกำหนดชื่อให้แตกต่าง เช่น 9 มม. สั้น (9x17มม.) ก็เรียก .380 หรือ 9 มม. บราวนิ่ง(เอาชื่อนายบราวนิ่งผู้ออกแบบมาใส่ท้าย เหมือน 9 มม. พาราฯ ที่เรียกอีกชื่อว่า 9 มม. ลูเกอร์)............หรือ 9 มม. ซุบเปอร์ ก็เรียกให้ต่างไปว่า .38 ซุบเปอร์.............

พอไหวไหมครับ

	ผู้เขียน	หัวข้อ: เผื่อท่านที่ยังไม่ทราบ(เก็บตกมาครับ) (อ่าน 5758 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้