ผมไม่ได้ชอบอาชีพตำรวจนะ แต่ผมเห็นด้วยว่าวิธีการคัดสรรไม่ไม่ยุติธรรม ถ้าเป็นถึงนายตำรวจระดับสูงแล้วคิดได้แค่การสรรหาบุคลากรลงไปทำงานในพื้นที่เสี่ยงโดยการจับสลากนี่ก้ คนที่ต้องลาออกน่ะ คนคิดวิธีการนี้ครับ
เขารับสมัคร 150 นายลงไป แต่มีท่านผู้มีจิตวิญญาณเป็นตำรวจที่แท้จริง 30 ท่านสมัตรลงไป ที่เหลือก็ต้องจับฉลากลงไปให้ครบมันก็ยุติธรรมถูกต้องแล้วรู้สึกว่าจะมีระเบียบปฎิบัติอยู่ด้วยนะ ส่วนสายอื่นๆไม่มีปัญหาเลยลงไปครบทั้งหมดเหลือสายสอบสวนซึ่งขาดแคนอยู่นี่แหละ งายสายอื่นๆต้องแต่งเครื่องแบบลงไปล่อเป้าอยู่นอก สน.ทุกวันเขายังไม่กลัวเลย ไอ้พวกนั่งโรงพักคอบสอบสวนดันกลัว ไอ้พวกที่เข้าชื่อร้องเรียนนี่เอาออกไปเลย โดยเฉพาะคนที่จบจากสถาบันหลักนี่ต้องโดนจัดหนักกว่าเขาหน่อยขัง 15 วันเสียก่อนดีไหม
ขอเคารพ 30 ท่านที่สมัครลงไปครับ
สำหรับความเห็นของทั้ง 2 ท่านข้างบน...
1.จะคัดแบบไหนถึงจะให้มันถูกใจครับ ในเมื่อใจมันไม่อยากลง หรือคุณมีวิธีการแบบไหนลองเสนอหน่อย เรื่องติเบื๊อกที่ไหนก็ติได้ครับ ถ้าจะรับใหม่
ลงไปเจอคดีหนักๆ โดนกลุ่มสิทธิฯ-ฐานเสียงสายการเมืองต่างๆ ก็คงฝ่อก่อนโต และความต้องการเร่งด่วนก็คงต้องพิจารณาลักษณะนี้
2.มีความเข้าใจผิดในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของ พงส. ที่นั่งอยู่แต่โรงพักหรือสถานนีฯ เพราะแท้ที่จริงแล้ว พงส.เสี่ยงที่สุด คือ ต้องออกไปตรวจที่เกิดเหตุ
แทบจะทุกครั้ง ด้วยกำลังพลที่มีแค่ พลขับ หรือ อาจมีเพื่อนตายแค่เสมียนธุรการประจำวัน/เสมียนคดี แถมยังต้องรอ เจ้าหน้าที่สายวิทยาการต่างๆ รวมถึง
ผู้บังคับบัญชาอีกหลายระดับที่พากันทยอยๆมา เรียกว่า มาก่อนกลับทีหลัง โดยไม่มีชุดคุ้มกัน(เสียเป็นส่วนใหญ่) จังหวะที่จะ"โดน"มีมากกว่าสายงานอื่นๆมาก
แถมยังมีเรื่องให้ต้องออกไปผลัดฟ้องฝากขังในความยุ่งยากของศาล ที่แทบจะต้องไปคนเดียวเป็นประจำ ถ้าจะเล่นยังไงก็โดนครับ
อีกต่างหาก
3.การเพิ่มเงินเบี้ยเลี้ยงล่อใจมีแต่จะทำให้เสียนิสัย ทั้งครู พระ ทหาร ตำรวจ ที่เหมาะคือการรับประกันความก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ