สำหรับความเห็นของทั้ง 2 ท่านข้างบน...
1.จะคัดแบบไหนถึงจะให้มันถูกใจครับ ในเมื่อใจมันไม่อยากลง หรือคุณมีวิธีการแบบไหนลองเสนอหน่อย เรื่องติเบื๊อกที่ไหนก็ติได้ครับ ถ้าจะรับใหม่
ลงไปเจอคดีหนักๆ โดนกลุ่มสิทธิฯ-ฐานเสียงสายการเมืองต่างๆ ก็คงฝ่อก่อนโต และความต้องการเร่งด่วนก็คงต้องพิจารณาลักษณะนี้
2.มีความเข้าใจผิดในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของ พงส. ที่นั่งอยู่แต่โรงพักหรือสถานนีฯ เพราะแท้ที่จริงแล้ว พงส.เสี่ยงที่สุด คือ ต้องออกไปตรวจที่เกิดเหตุ
แทบจะทุกครั้ง ด้วยกำลังพลที่มีแค่ พลขับ หรือ อาจมีเพื่อนตายแค่เสมียนธุรการประจำวัน/เสมียนคดี แถมยังต้องรอ เจ้าหน้าที่สายวิทยาการต่างๆ รวมถึง
ผู้บังคับบัญชาอีกหลายระดับที่พากันทยอยๆมา เรียกว่า มาก่อนกลับทีหลัง โดยไม่มีชุดคุ้มกัน(เสียเป็นส่วนใหญ่) จังหวะที่จะ"โดน"มีมากกว่าสายงานอื่นๆมาก
แถมยังมีเรื่องให้ต้องออกไปผลัดฟ้องฝากขังในความยุ่งยากของศาล ที่แทบจะต้องไปคนเดียวเป็นประจำ ถ้าจะเล่นยังไงก็โดนครับ
อีกต่างหาก
3.การเพิ่มเงินเบี้ยเลี้ยงล่อใจมีแต่จะทำให้เสียนิสัย ทั้งครู พระ ทหาร ตำรวจ ที่เหมาะคือการรับประกันความก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ
ตอบข้อ 1) ... จัดบัญชีรายชื่อหมุนเวียนผลัดกันลง จชต. ให้เห็นบัญชีกันแล้วรู้ล่วงหน้ากันเป็นปีๆ พอถึงเวลาที่กำหนดหากไม่อยากไปก็ลาออกเสีย...
ตอบข้อ 2) ... เป็นเรื่องความสามารถทางวิชาชีพ ตัวเองรู้ดีที่สุดแล้ว ก็ต้องหาวิธีแก้ไขให้ได้ จะเสี่ยงยังไงก็รู้ตั้งแต่แรกก็ต้องหาทางแก้ไข(แก้โจทย์)ให้จงได้, เหมือนสมัยนึงตำรวจชอบยิงตัวประกันตาย แล้วยังมีหน้ามา Post ถามบนอินเตอร์เน็ตว่าจะให้ทำยังไง เพราะเชื่อว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว? ก็ตอบว่าคนอื่นไม่รู้ดีกว่าตำรวจหรอก หากไม่มีปัญญาแก้โจทย์ให้ได้ ก็อย่ามาเป็นตำรวจเลย แล้วให้คนอื่นเขาแก้โจทย์แทนก็แล้วกัน...
ตอบข้อ 3) ... ตรงนี้เห็นด้วย ควรเพิ่มความดีความชอบพิเศษ ออกระเบียบไปเลยว่าเลื่อนขั้นเงินเดือนเร็วกว่าปรกติ/เลื่อนยศใช้ระยะเวลาสั้นกว่าเดิม, แต่จะวังปัญหาก็จะเหมือนเดิมคือมีแต่ชื่อลงไปบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง แล้วตัวคนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ โดยมีเส้นสายฝากชื่อมาเอาความดีความชอบ ซึ่งตรงนี้ตำรวจเองก็ต้องหาวิธีบังคับใช้กฎระเบียบของตัวเองด้วย...